ผ่านไปหนึ่งวันไวปานตอร์ปิโดจ่อตูด ฉันรีบตื่นแต่หกโมงเช้าแล้วเร่งไปหาลัลนาเพื่อที่ว่าจะไปทำธุระต่อ… ไอ้ธุระที่ว่าก็คือการไปนั่งกุ๊งกิ๊งกับป๊าทีไง (>_O
ถามว่าทำไม...?
บางทีอาจจะเป็นเพราะภาพตรงหน้าฉันก็ได้มั้ง
ภาพชายหญิงในร่างเปลือยเปล่านอนกอดก่ายกันอย่างรักใคร่
ในขณะที่คนนึงคือคนที่ฉันรักที่สุดในฐานะแฟน
ส่วนอีกคน... ในฐานะเพื่อนสนิท!
พูดอะไรไม่ออก...
นั่นเป็นความรู้สึกแรกของฉันเมื่อเข้ามาเห็นภาพบาดตาบาดใจที่ไม่เคยคิดว่าจะได้พบเจอ!
วันนี้เป็นวันครบหนึ่งเดือนของฉันกับทีสิต ตอนแรกฉันก็แค่กะจะเซอร์ไพรส์เขาเลยไขกุญแจสำรองเข้าไปก่อน แต่ทว่า...
แทนที่ฉันจะเป็นคนเซอร์ไพรส์ พวกเขากลับเซอไพรส์ฉันแทน!!
ฉันควรจะหัวเราะ ร้องไห้ หรือวิ่งหนีไปดี...
แหมะ
เสียงหยดน้ำตาไหลร่วงหล่นลงกับพื้น ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากของฉัน มีเพียงความรู้สึกอัดอั้นและแสบร้อนไปทั่วร่าง
ราวกับถูกมีดกรีด ลมหายใจถี่รัวกับแรงบีบรัดที่หน้าอกทำให้ฉันเซร่างอันไร้เรี่ยวแรงไปนั่งที่เก้าอี้พร้อมกับกุมขมับเพื่อปิดบังน้ำตา
นี่มันเกิดอะไรขึ้น... ฝันรึเปล่าวะ?
บ้าไปแล้ว... จะเป็นไปได้ไง ทีสิตรักฉันจะตาย ฉันไม่มั่นใจกับสถานการณ์ตรงหน้าและภาวนาให้มันเป็นความฝันจนกระทั่งลองหยิกตัว ปรากฎว่ามันดันเจ็บ...
เจ็บจริงๆ...
แหมะ
[ทีสิต♥เก้ากัลป์]
“ฮึก...” ฉันกลั้นก้อนสะอื้นไว้ในลำคอพร้อมกับหัวใจที่เต้นโครมครามเตือนภัยให้ฉันออกไปจากที่นี่ ภาพทีสิตในวันนั้นฉายชัดในหัวสมองพอๆกับภาพวันนี้...ที่ดูยังไงก็เป็นคนเดียวกัน!
ฉันทำอะไรไม่ถูก... ฉันไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงด้วยซ้ำร่างของฉันมันสั่นเทิ้มไปทั้งตัวรู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ จุกแน่นอึดอัดเหมือนจะเป็นบ้า ฉันนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งทีสิตลุกขึ้นมาขยี้หัวตัวเองอย่างเมาๆก่อนจะมองฉันพร้อมแผงอกล่ำๆอันเปลือยเปล่าก็เกิดอาการเจ้าเข้าทรงอ้าปากพะงาบๆราวกับไม่เคยพบเคยเห็น...
แฟนตัวเอง!! ใช่ แฟน... ฟอ แอ นอ แฟน!
ไอ้บัดซบ ไอ้สารเลว!
ฉันอยากจะด่าแบบห้าล้านคำต่อวินาที ขุดโคตรตระกูลขึ้นมาประจานให้อายยันชาติหน้าเผื่อว่ามันจะสาสมกับสิ่งที่เขาทำ แต่ไม่เลย แค่ฉันคิดที่จะพูดอะไรออกไปก็เหมือนมีก้อนสะอื้นมาจุกตรงลำคอพร้อมกับความรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาจนฉันเกรงว่าน้ำตามันจะไหลออกมาอีก
หงุดหงิดตัวเองเป็นบ้า! เธอจะแคร์คนที่ไม่สนใจเธอทำไมวะเก้ากัลป์ จะไปแคร์ไอ้ชั่วนี่ทำไม! ฉันเม้มริมฝีปากจนห้อเลือดชายนัยน์ตาแดงก่ำมองร่างคนตรงหน้าที่หลุบตาต่ำ
“เก้า...เก้ากัลป์?!?” เขารำพึงชื่อฉันออกมาละล่ำละลั่กพลางหลบสายตาราวกับทำผิด ทีสิตไม่พูดอะไรเป็นการแก้ตัวเอาแต่ถอนหายใจยาวแล้วสบถอย่างอารมณ์เสีย
เหอะ นายได้โซเดมาคอมกินตับกับเพื่อนฉัน คนที่มันควรสบถไม่ใช่ฉันหรอกเหรอ?
ทีสิตพยายามสะกิด ‘เพื่อนสุดที่รัก’ อย่างลัลนาให้ตื่นจากภวังค์ซึ่งแน่นอนเธองัวเงียขึ้นมาพร้อมกับผ้าห่มปกปิดร่างอันเปลือยเปล่าก่อนจะขยี้ตาเบาๆและทำหน้าเหมือนเห็นผีเมื่อเห็นฉันนั่งจ้องอย่างไม่วางตา
“กะ เก้า!” เสียงหวานจ๋อยดังขึ้นเมื่อนางลืมตาตื่นพร้อมกับสภาพที่เฟ็ดเฟ่อะบาเดเฮ้เป็นที่สุด
“มันไม่ใช่อย่างที่เก้าคิดนะ...” ลัลนาแก้ตัวขึ้นทันทีทั้งๆที่ภาพตรงหน้ามันเต็มสองตาฉันขนาดนี้!
...อ้อ ห้องมันร้อนเลยแก้ผ้าเล่นงั้นสิ เห็นเขามันผุดออกจากหัวฉันหรือไง พูดมาได้ เออ ฉันว่าฉันก็เห็นนอผุดออกมาจากจมูกเธอเหมือนกันนะ ลัลนา!
ฉันเบ้หน้า ทั้งโกรธทั้งเสียใจจนเผลอจิกเล็บเข้าไปในเนื้อเพื่อระบายความอัดอั้น ภาพตรงหน้าทำให้ร่างกายฉันร้อนวาบราวกับถูกไฟนรกแผดเผาแล้วเอาน้ำเย็นมาเทราดจนไรขนอ่อนฉันลุกชันอย่างไร้สาเหตุ ความรู้สึกปรวนแปรตีรวนทั่วร่างจนลมหายใจสะดุด
แย่ที่สุด...
“มันก็ไม่ผิดหรอกถ้าเก้าจะคิดว่าพวกเราทำอะไรกัน...” ทีสิตว่าพลางสบนัยน์ตาสีควันบุหรี่นั่นมองมาทางฉัน
มันไม่ผิดแต่มันถูกใช่มั้ย
“ทีไม่ตอบได้มั้ยว่าทำไปทำไม แต่มันไม่ใช่อย่างที่เก้าคิดจริงๆนะ” ทีสิตว่าพลางลุกขึ้นมาพร้อมกับบ็อกเซอร์ตัวสั้นแล้วมองฉันอย่างอ้อนวอนทำเอาหัวใจฉันตกลงไปที่ตาตุ่มและเคลิบเคลิ้มอย่างง่ายดายพลันฝันเห็นวันวานแสนหวานระหว่างเราก่อนจะกลับเข้าความเป็นจริงเมื่อสบตากับลัลนา!
มันไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด แต่มากกว่าที่คิดสินะ!
ฉันไม่ได้ตอบทีสิตพลางเบือนสายตาไปทางอื่น ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อหรือโกรธเขาแต่ฉันไม่สามารถตอบออกไปได้ เพราะถ้าฉันพูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียวตอนนี้ ฉันต้องร้องไห้แน่ๆ แค่นี้ฉันก็จุกจนหายใจแทบไม่ออกอยู่แล้ว ฉันไม่มีแรงแม้แต่จะพูดออกไป...
นายเข้าใจรึเปล่าว่าฉันรับไม่ไหว…
ฉันรับเรื่องนี้ไม่ไหวแล้วทีสิต...
ฉันไม่มีแรงแม้แต่การหายใจเบาแผ่วก็ลำบากมากสำหรับฉันตอนนี้ แค่เพียงฉันคงสติมองหน้านายและรับฟังคำพูดโป้ปดนั่นฉันก็รู้สึกเหมือนถูกมีดกรีดซ้ำกลางหัวใจหลายๆทีเพื่อบดขยี้ให้มันเป็นเสี่ยงๆ ใบหน้าของลัลนามองมาทางฉันราวกับสงสารทั้งที่ฉันไม่ต้องการมันสักนิด
ทำไมไม่ไล่ฉันออกไปล่ะ ทำไมไม่ขอเลิกกับฉัน ไม่ใจร้ายเหมือนผู้ชายในละคร...
แบบนั้นฉันยังรู้สึกดีซะกว่าการที่นายสำนึกผิดและพูดด้วยน้ำเสียงขอโทษ สายตาอ้อนวอนแบบนั้นมันทำให้ฉันอ่อนยวบอยากจะยกโทษให้ภายในเสี้ยววินาทีแต่เมื่อมีสายตาอีกคู่ที่มองมาฉันก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
ทำไม ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้ ฉันผิดตรงไหนเหรอ ทีสิต ฉันผิดอะไร!
“ม๊า ป๊าขอโทษครับ” ทีสิตพูดพลางดึงฉันเข้าไปกอดในอ้อมอกที่เคยอบอุ่นแต่ตอนนี้มันกลับร้อนจนฉันแทบมอดไหม้ตายไปตรงนั้น ฉันอยากหายไปจากตรงนี้ ไม่อยากอยู่แล้ว ไม่เอาแล้ว...
เลิกพูดด้วยเสียงแบบนั้นสักที เลิกพูดด้วยเสียงของทีสิตที่ฉันเคยชอบสักที!
“ขอโทษ”
หยุด หยุดพูดแบบนั้น ฉันพยายามปิดหูไม่รับฟังอะไร อยากให้ทุกอย่างมันเป็นความฝันแต่มันไม่จริงเลย ไอร้อนของอกเปลือยเปล่าตรงหน้าย้ำเตือนว่ามันคือความจริง... ทุกอย่าง!