“น่ารำคาญชะมัด...”
หนุ่มหล่อระเบิดลมหายใจออกมาหนักๆ จากนั้นก็พยุงแกมลากร่างอรชรของรำไทยไปยัดใส่รถสปอร์ตเปิดประทุนของตัวเอง ภามินปิดประตูรถแรงๆ ก่อนจะกระโดดขึ้นรถและขับเข้าไปในบ้านที่อยู่ห่างจากรั้วเข้าไปเป็นร้อยๆ เมตรด้วยความเดือดดาล แต่ก็ยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้อยู่ดีว่าเขาเดือดดาลใครมากกว่ากัน ระหว่างแม่สาวน้อยรำไทยแสนงามคนนี้ หรือว่าตัวเอง?
เพียงแค่อึดใจเดียวรถสปอร์ตสีดำคันงามที่ขับด้วยความเร็วสูงก็เคลื่อนจากหน้ารั้วมาหยุดที่หน้าตึกใหญ่ของคฤหาสน์อิสรเกษม คนตัวโตดับเครื่องรถเปิดประตูออกและรีบก้าวลงไปทันที โดยไม่คิดจะหันมาพูดอะไรกับหล่อนเลยแม้แต่คำเดียว รำไทยนั่งอึ้งอยู่นานกว่าจะก้าวลงมาจากรถได้
“ไม่ได้ไปทำงานหรือพ่อภาม”
เสียงนุ่มอบอุ่นที่หล่อนจำได้ดีว่าเป็นเสียงของคุณน้าพราวฟ้าดังขึ้นด้านใน และมันก็ทำให้รำไทยเป่าปากออกมาด้วยความโล่งอกเลยทีเดียว
ในที่สุดก็ไม่ต้องเคว้งคว้างแล้วเรา...
“ผมลืมเอกสารสำคัญเอาไว้น่ะครับ ก็เลยรีบกลับมาเอา...”
ภามินรีบก้าวเท้าขึ้นบันได แต่แล้วก็ชะงักและหันหน้ากลับมาหามารดาที่นั่งอยู่ในห้องโถงอีกครั้ง
“มีแขกคุณแม่มาครับ อยู่หน้าตึกแนะ”
“ใครหรือพ่อภาม” พราวฟ้าละสายตาจากคู่มือทำขนมหวานขึ้นมองบุตรชายด้วยความสงสัย
ภามินแค่นยิ้มน้อยๆ “ก็คุณแม่นัดใครไว้ล่ะครับ” พูดจบก็ก้าวขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมาตอบคำถามใดๆ ของมารดาอีกเลย
“คนที่นัดไว้หรือ? หนูรำไทยกับหนูมารัน...”
เจ้าของบ้านวัยกลางคนระบายยิ้มออกมา และรีบลุกขึ้นยืน กำลังจะเดินออกไปหน้าตึกแต่ร่างอรชรของรำไทยที่เดินกะโผลกกะเผลกก็ปรากฏตัวขึ้นซะก่อน พราวฟ้าฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“หนูรำไทย... มานี่มานั่งกับน้านี่จ้ะ”
พร้าวฟ้ารีบชักเชิญเสียงตื่นเต้น รำไทยยกมือไหว้ด้วยความอ่อนน้อม ขณะลากสังขารที่ยังเจ็บอยู่มาทรุดนั่งลงตรงหน้าของพราวฟ้าได้สำเร็จ
“ขาหนูเป็นอะไรไปล่ะ ทำไมเดินกะเผลกพิกล”
รำไทยยิ้มบางๆ ส่ายหน้าน้อยๆ “อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ แต่ไม่เป็นอะไรแล้ว”
พราวฟ้าพยักหน้ารับ ก่อนจะทำท่าชะเง้อชะแง้ราวกับมองหาใครบางคน “แล้วนี่หนูรันไม่มาพร้อมกันหรอกเหรอ” คำถามของสตรีต่างวัยตรงหน้าทำเอารำไทยถึงกับต้องก้มหน้าหลบตาเลยทีเดียว
“เอ่อ... คุณรันจะตามมาทีหลังค่ะ”
“แต่หนูรันต้องไปทานข้าวกับพ่อโรมเย็นนี้นี่นา... แล้วจะมาทันเหรอ”
เสียงของพราวฟ้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง รำไทยฟังแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิดนัก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น
“คุณรันบอกว่าให้หนูไปแทนค่ะ เธอฝากของมาให้คุณโรมพัทด้วย”
คำตอบของรำไทยไม่ได้ทำให้แค่พราวฟ้าต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจคนเดียว แต่ผู้ชายที่พึ่งเดินลงมาจากบันไดก็ถึงกับต้องเหลียวมองด้วยอีกคน
“หนูหมายความว่ายังไงจ๊ะ น้างงจังเลย...”
“เอ่อ...”
“อย่าบอกนะว่าที่มานี่จะมาเป็นตัวแทนของน้องรันไปดินเนอร์กับพี่โรมน่ะ...”
เสียงกระด้างของภามินที่ดังขึ้นที่ปากประตูห้องโถงทำให้สองสาวต่างวัยหันขวับไปมองพร้อมๆ กับ และก็ได้เห็นความเหยียดหยาม ดูแคลนบนใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มๆ ตา
“ทุเรศสิ้นดี...”
“ทำไมว่าน้องแบบนั้นล่ะพ่อภาม น่าเกลียดจังเลย”
พราวฟ้าเห็นรำไทยหน้าซีดเผือดก็รีบเอ็ดตะโรบุตรชายคนเล็กทันที แต่เจ้าหมอนี่มันยอมฟังใครที่ไหนกันล่ะ ไม่รู้ตอนตั้งท้องหล่อนเผลอกินอะไรแสลงเข้าไป พ่อนี่ถึงได้เอาแต่ใจสุดฤทธิ์สุดเดชแบบนี้
“ความจริงไม่ใช่สิ่งน่าเกลียดนี่ครับ แต่คนที่ทำเป็นหงิมๆ ติ๋มๆ แต่ข้างในเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานมากกว่าครับที่น่าเกลียด ผมไปล่ะ”
ภามินพูดทิ้งท้ายเอาไว้ได้อย่างเจ็บแสบ ก่อนจะพาตัวเองเดินหายออกไป เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มและเคลื่อนตัวออกไปทำให้หล่อนรู้ว่าจอมมารไปแล้ว
พราวฟ้าถอนใจออกมาด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะหันไปปลอบใจรำไทยที่นั่งตาแดงๆ อยู่ข้างๆ ด้วยความสงสารสุดกำลัง
“อย่าคิดมากเลยนะหนูรำไทย ลูกชายของน้าคนนี้ก็เป็นแบบนี้แหละ ปากร้ายไปเรื่อย แต่เขาไม่มีอะไรหรอกนะ เป็นคนใจดีมากอีกต่างหาก”
แม้จะไม่เห็นว่าภามินจะมีจิตใจดีอย่างที่พราวฟ้าสาธยายแค่ไหน แต่รำไทยก็เก็บความคิดนั้นเอาไว้แต่เพียงในใจ ก่อนจะพยักหน้ารับน้อยๆ ด้วยความเซื่องซึม
“หนูไม่ติดใจอะไรหรอกค่ะ”
“แล้วนี่บอกได้ไหมว่าทำไมหนูรันถึงส่งหนูมาแทนล่ะ ในเมื่อหนูรันต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของพ่อโรม ไม่ใช่หนูสักหน่อย รำไทย...”
หญิงสาวก้มหน้านิ่งอยากจะบอกอยากจะพูดทุกอย่างออกไปแต่ก็ทำไม่ได้จำต้องเก็บไว้ในใจอย่างเดียว
“หนูก็ไม่ทราบหรอกค่ะ คุณรันบอกเพียงแต่ว่าจะตามมาทีหลัง และให้หนูไปพบคุณโรมพัทแทนค่ะ แต่เธอฝากของมาให้คุณโรมพัทด้วยนะคะ เหตุผลของการกระทำทุกอย่างของคุณรันน่าจะอยู่ในนั้นค่ะ” แม้จะเป็นเพียงแค่การสันนิษฐานแต่มันก็ทำให้พราวฟ้าคล้อยตามได้