คำพูดลอยๆ ของคนที่กำลังยืนกอดอกมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างทำให้รำไทยอดแปลกใจไม่ได้ ก็หล่อนกับมารันได้รับคำสั่งให้ไปอยู่บ้านของโรมพัทพร้อมๆ กับไม่ใช่หรือ
“คุณรันพูดเหมือนว่า...”
“ฉันจะไปภูเก็ตสักพักหนึ่ง แต่สัญญาว่าจะไปหาเธอก่อนที่แม่กับพ่อจะกลับมาจากแคนาดา โอเคไหม?”
“แต่ว่าคุณรันคะ...”
รำไทยพยายามจะค้าน แต่คนพูดน้อยอย่างหล่อนหรือจะพูดทันคนเจ้าเล่ห์แพรวพราวอย่างมารันได้เพราะในที่สุดก็ถูกดักทางเอาไว้จนหมด
“ไม่มีแต่จ้ะน้องสาวที่รัก ฉันจะไปภูเก็ตไปอยู่บ้านพักตากอากาศของพ่อสักพัก ส่วนเธอก็ไปอยู่เป็นคุณครูสอนทำอาหารให้คุณน้าพราวที่กรุงเทพฯ และระหว่างนั้นหากเธอจะสานสัมพันธ์กับพี่โรมพัท ฉันก็ไม่ว่าอะไรสักนิด แถมยังจะดีใจด้วยซ้ำ...”เจ้าของคำพูดหันกลับมาภายในห้องอีกครั้ง
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณโรมพัท”
สาวน้อยรีบปฏิเสธทันควันแทบไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะไม่ได้รู้สึกอะไรกับโรมพัทเลยแม้แต่นิดเดียว แค่ยอมรับว่าเขาหล่อ หน้าตาดีขั้นเทพก็แค่นั้น
“แล้วพี่ภามินล่ะรู้สึกอะไรหรือเปล่า”มารันถามออกมาอย่างนั้นเอง แต่ไม่คิดว่าจะทำให้น้องสาวบุญธรรมถึงกับหน้าเหวอ แก้มแดงระเรื่อไปได้
“เอ่อ...”
“ทำไมต้องแก้มแดงด้วยล่ะ หรือว่าเธอรู้สึกอะไร กับพี่ภามิน...”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่...” หัวใจสาวเต้นโครมครามราวกับพึ่งวิ่งผลัดสี่คูณร้อยเมตรมาหมาดๆ ขณะรีบปฏิเสธพัลวัน
มารันอมยิ้ม ขณะรีบสาวเท้าเข้ามาใกล้รำไทย “มีใครเคยบอกเธอหรือเปล่ารำไทย... ว่าเธอน่ะอ่านง่ายยิ่งกว่าอ่านหนังสือก.ไก่เสียอีก ดูสิหน้าแดงก่ำ ปากก็สั่น ตาก็ล่องลอย ติดใจพี่ภามินใช่ไหมล่ะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หากเธอทำตามคำสั่งของฉันสำเร็จ ฉันรับรองว่าจะเป็นแม่สื่อให้กับเธอเอง...”
“ไม่นะคะ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น...”
ยิ่งเถียงก็ยิ่งมีพิรุธให้มารันล้อเลียนไม่หยุด ในที่สุดรำไทยก็เลือกที่จะก้มหน้ามองพื้นนิ่ง แต่กระนั้นแก้มนวลก็ยังแดงระเรื่อ สมองนึกถึงแต่พ่อผู้ชายรูปหล่อคนนั้นตลอดเวลา
“ไม่ต้องอายจนม้วนหรอกน่า ฉันล้อเล่น เธอไม่ได้ตกหลุมรักพี่ภามินก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อนอะไรนี่” มารันหัวเราะด้วยความพึงพอใจ ขณะเดินตรงไปที่ประตูห้อง
รำไทยถอนใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอก คิดว่าพี่สาวบุญธรรมจะออกไปแล้วแต่แม่เจ้าประคุณก็ยังอุตส่าห์หยุดเดินและหันมาพูดขึ้นอีกครั้ง
“ทำให้สำเร็จนะรำไทย... และห้ามนำเรื่องนี้ไปแพร่งพรายบอกให้พ่อกับแม่รู้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ยอมให้อภัยเธอตลอดชีวิต เข้าใจไหม”
ผู้เป็นน้องสาวไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากพยักหน้ารับอย่างลำบากใจ “ฉันจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับค่ะ แต่คุณรันต้องกลับมาก่อนที่แม่มุกกับพ่อณนจะกลับมาจากแคนาดานะคะ”
“แน่นอน ฉันไม่ทำให้เธอลำบากหรอกน่า” มารันพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยอำลา
“งั้นฉันไปก่อนนะ เธอก็รีบนอนแล้วกันพรุ่งนี้ต้องขึ้นเครื่องไปกรุงเทพฯ แต่เช้าเดี๋ยวสวยไม่สะดุดตาพี่ภามินกันพอดี ราตรีสวัสดิ์น้องสาวที่รัก”
มารันยกมือขึ้นแตะปากแล้วส่งให้กับน้องสาวบุญธรรม จากนั้นก็เปิดประตูห้องและเดินออกไป
รำไทยถอนใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม หล่อนหมดทางเลือกจริงๆ หรือนี่ หากพ่อกับแม่รู้เข้าคงจะต้องผิดหวังน่าดูเลยทีเดียว
“พ่อณนแม่มุก รำไทยขอโทษ...”
ล้มตัวลงนอนหงายบนที่นอน แล้วภาพของผู้ชายหล่อกระชากลมหายใจที่ชื่อภามินก็ระเบิดขึ้นมาในสมอง หล่อนยังจำสายตาคมกริบที่จ้องมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนได้เป็นอย่างดี แม้สายตาสีดำดุจราตรีเดือนดับนั้นจะไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมามากนัก แต่นั่นมันก็ทำให้หล่อนยืนนิ่งขยับตัวไม่ได้ เนื้อตัวร้อนผ่าวราวกับจับไข้ขึ้นมาอย่างประหลาด หัวใจเต้นรุนแรงที่สุดในชีวิต
ผู้ชายคนนี้แสนอันตรายต่อหัวใจและร่างกายของหล่อนเหลือเกิน...
หล่อนไม่อยากเจอเขาอีก ไม่อยากเห็นใบหน้าสมบูรณ์แบบไร้ที่ตินั่นอีก และที่สำคัญที่สุดก็คือไม่อยากสบตากับสายตาเพชฌฆาตนั้นอีกครั้ง
แต่ก็ไม่มีทางเลือก...
รำไทยส่งเงินค่าแท็กซี่ให้กับลุงคนขับ จากนั้นจึงหอบหิ้วกระเป๋าและก้าวลงจากรถ ดวงตากลมโตดำขลับที่ไร้การแต่งแต้มโดยสิ้นเชิงเบิกกว้างด้วยความชื่นชมเมื่อได้เห็นคฤหาสน์กลางกรุงที่ถูกจัดว่าสวยงามมากๆ แห่งหนึ่งในประเทศไทยอยู่เบื้องหน้า
สาวน้อยกระชับกระเป๋าในมือที่ชื้นเหงื่อของตัวเองให้แน่นขึ้น ขณะก้าวเท้าเดินตรงเข้าไปภายในสิ่งก่อสร้างที่งดงามอ่อนช้อยตรงหน้า คฤหาสน์อิสรเกษมสวยงามสมคำล่ำลือจริงๆ รอยยิ้มละไมแต้มใบหน้างาม ลืมความเครียดที่อัดแน่นอยู่ภายในใจมาตลอดทั้งคืนไปชั่วขณะ
ปี๊น!!!เอี๊ยด!!!
เสียงแตรรถพร้อมๆ กับเสียงเบรกจนล้อลากไปกับพื้นดังสนั่นขึ้นที่ด้านหลัง สาวน้อยตกใจสุดขีดสะดุดขาของตัวเองจนล้มลงกองกับพื้น เบิกตากว้างมองเจ้ารถที่จ่ออยู่กับร่างของตัวเองในระยะกระชั้นชิดด้วยความตื่นตระหนก แล้วก็พ่นลมหายใจออกมาจากปากเมื่อเห็นมันหยุดนิ่งไม่เคลื่อนที่อีกแล้ว
“ถ้าอยากตายก็ไปยืนอยู่กลางถนนนู่น ไม่ใช่มาขวางทางฉันแบบนี้!”
เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลของเจ้าของรถเมอร์เซเดสเบนซ์สปอร์ตสีดำคันงามตรงหน้าดังกระหึ่มขึ้นลั่นโสตประสาท และนั่นมันก็ยิ่งทำให้รำไทยตัวสั่นงกๆ พยายามจะลุกขึ้นยืนแต่จนแล้วจนรอดก็ทำไม่สำเร็จ ต้องนั่งแหงกอยู่แบบนั้นต่อไป