บทที่ 1-1 จุดเริ่มต้น

1683 Words
รัชศกหมิงจิ้นปีที่สี่สิบ แคว้นซ่ง "คุณหนูใหญ่บ่าวกลับมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านดูสิเจ้าคะนี่คือชาดทาปากที่บ่าวไปซื้อมาจากร้านเครื่องประทินโฉมตามที่คุณหนูต้องการเจ้าค่ะ" "เอามาให้ข้า" "เจ้าค่ะ" เมื่อได้ยินเจ้านายออกคำสั่ง สาวใช้ตัวน้อยนามว่าเถาเป่าก็รีบนำชาดตลับนั้นมามอบให้ผู้เป็นนายทันที แต่เพราะว่านางรีบร้อนมากเกินไป จึงทำชาดตลับนั้นร่วงตกพื้น ตลับชาดสีสวยงดงามแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เถาเป่าลนลานทำสิ่งใดไม่ถูก ในขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากขอโทษผู้เป็นนาย ทันใดนั้นก็มีฝ่ามือฟาดเข้ามาที่ใบหน้าของนางอย่างเต็มแรง จนใบหน้าของนางแดงเป็นรอยฝ่ามือ "บังอาจทำของๆ ข้าเสียหาย ไม่มีตามองให้ดีหรืออย่างไร หรือว่ามือไม้อ่อนแรง หากใช้การไม่ได้ มิสู้ให้ข้าตัดมือเจ้าทิ้งเสียดีหรือไม่!" "ขออภัยเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่โปรดไว้ชีวิตบ่าวด้วย" "ไสหัวไป!" "เจ้าค่ะ" เถาเป่ารับคำด้วยน้ำเสียงที่หวาดกลัว ก่อนจะก้มหน้างุดไม่กล้าเอ่ยวาจาใดอีกและรีบเดินออกจากห้องไปในทันที เมื่อปราศจากผู้คนแล้ว หญิงสาวที่นั่งอยู่ภายในห้องก็ถอนหายใจยาวๆ พร้อมกับสบถออกมาอย่างไม่สมอารมณ์ "บ่าวรับใช้แต่ละคนล้วนไม่ได้เรื่อง!" กล่าวจบนางก็ยื่นมือเรียวสวยไปหยิบชาดอีกตลับที่วางอยู่ตรงหน้าคันฉ่องทองเหลืองขึ้นมา และผัดแต่งใบหน้าอันงดงามกระจ่างตาของตนอย่างประณีตบรรจง เมื่อพิจารณาแล้วนางก็ยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ แต่เมื่อนึกถึงใครบางคนขึ้นมา นางก็อารมณ์เสียขึ้นมาอีกครั้ง นางเคยคิดว่าตนเองงดงามไม่แพ้สตรีใด แต่ในจวนตระกูลเย่กลับมีคนที่งามไม่แพ้นาง เรียกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าเลยด้วยซ้ำ สตรีนางนั้นก็คือเย่หลิง ลูกนังอนุชั้นต่ำผู้นั้น น้องสาวต่างมารดาของนางเอง! ยิ่งคิดถึงใบหน้าสวยหวานของน้องสาวต่างมารดานางก็ยิ่งโมโห หญิงสาวยกมือขึ้นปัดเครื่องประทินโฉมบนโต๊ะเครื่องแป้งร่วงตกลงพื้นกระจัดกระจายจนเกิดเสียงดังก้องกังวานไปทั่วทั้งห้องนอน เหล่าสาวใช้ที่ยืนรอปรนนิบัติอยู่ภายนอกต่างไม่กล้าแม้แต่จะปริปากออกมา เมื่อระบายโทสะจนพอใจแล้ว นางจึงสั่งให้สาวใช้เข้ามาเก็บกวาดความเสียหาย ก่อนที่นางจะเดินออกจากห้องตรงไปที่ศาลารับลมซึ่งอยู่ด้านหลังจวนตระกูลเย่ ศาลารับลมบรรยากาศดี นางชอบที่นี่มากเพราะจัดสวนได้สวยงามดอกไม้ใบไม้งอกงามสะพรั่ง อีกทั้งมีลมพัดเย็นสบายตลอดทั้งปี นางคือ เย่หลี เป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่เย่ ปีนี้อายุสิบเจ็ดปีแล้ว ตระกูลเย่ของนางเป็นแม่ทัพมาหลายชั่วอายุคน อีกทั้งบิดาของนางก็มีความดีความชอบช่วยผลักดันฮ่องเต้ฟ่านหมิงจิ้นขึ้นเป็นฮ่องเต้ และยังเป็นสหายรักกัน ทำให้บิดานางเป็นขุนนางที่ฮ่องเต้ฟ่านหมิงจิ้นให้ความไว้วางใจมากที่สุด นางมีพี่ชายร่วมมารดาเดียวกันคือ เย่จิ้นอันผู้เป็นรองแม่ทัพ พี่ชายปีนี้อายุสิบเก้าปีแล้ว และน้องสาวต่างมารดาที่เกิดจากอนุซ่งนามว่าเย่หลิงอายุเท่ากันกับนาง แม่นมของนางเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ท่านแม่ของนางรับอนุซ่งเข้ามาเป็นสาวใช้ แต่เพราะสตรีนางนั้นไร้ยางอาย มักใหญ่ใฝ่สูง จึงคิดปีนเตียงท่านพ่อจนได้เป็นอนุอย่างทุกวันนี้ ท่านพ่อก็รักนางมาก ยิ่งเมื่อนางให้กำเนิดเย่หลิง ท่านพ่อก็รักและเอ็นดูน้องสาวผู้นั้นมากเช่นกัน สิ่งใดดีก็มักจะให้นางทุกอย่าง จวนตระกูลอื่นๆในเมืองหลวงมักจะไม่ให้ความสำคัญกับบุตรที่เกิดจากอนุ แต่ท่านพ่อของนางกลับไม่สนใจกฎเกณฑ์คร่ำครึพวกนั้น ท่านแม่ของนางก็ใจดีมีเมตตาไม่คิดโกธรเคือง ทว่านางกลับคิดต่างจากบิดาและมารดา บุตรอนุไม่ควรเสนอหน้าขึ้นมาเทียบกับบุตรที่เกิดจากภรรยาเอก! เคยมีครั้งหนึ่ง เย่หลิงติดตามนางและท่านแม่ออกไปซื้อของที่นอกจวน ผู้คนกลับพูดกันว่าเย่หลิงงดงามดูเพรียบพร้อมมากกว่านางเป็นไหนๆ อีกทั้งยังมีเมตตาปรานี ต่างจากนางที่ถือดีว่าบิดามารดาตามใจไม่เห็นหัวผู้ใด เพราะคิดว่าตนเป็นบุตรที่เกิดจากภรรยาเอก เลือกคบแต่สหายที่มีฐานะทัดเทียมกับตน อีกทั้งยังกดข่มคนที่ด้อยกว่า นิสัยช่างเลวร้ายไม่น่าคบหา นับแต่นั้นนางก็ไม่ชอบหน้าเย่หลิงถึงขั้นเกลียดชัง เป็นเพียงบุตรอนุแต่มีสิทธิ์อันใดมาดีเด่นกว่านาง นังน้องสาวตัวดี! นางจึงไม่ให้เย่หลิงออกไปนอกจวนหากไม่จำเป็น เพราะไม่อยากทนฟังคำพูดเปรียบเทียบพวกนั้น! เย่หลียกถ้วยชาขึ้นดื่ม กลิ่นชาหอมอ่อนๆช่างเข้ากับบรรยากาศในช่วงฤดูใบไม้ผลิยามนี้ยิ่งนัก สายลมอ่อนพัดโชย กลีบดอกหมู่ตานหลากสีโปรยปรายตามกระแสลมที่พาดผ่าน ช่างดูงดงามเป็นอย่างยิ่ง อีกสามวันจวนองค์ชายใหญ่ฟ่านหลิ่นจะจัดงานเลี้ยงฉลองที่ได้รับตำแหน่งคังอ๋อง ได้ยินว่าบิดานางได้รับเทียบเชิญให้ไปร่วมงานที่จวนองค์ชายใหญ่ด้วย นางเองตั้งตารอที่จะได้พบหน้าฟ่านหลิ่นแทบไม่ไหว เพราะนางพึงใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก เขาคือองค์ชายที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานไม่น้อย วันหน้าตำแหน่งรัชทายาทย่อมตกเป็นของเขา หากนางได้แต่งเป็นพระชายา แน่นอนว่าตำแหน่งมารดาของแผ่นดินย่อมตกเป็นของนาง มีเพียงนางเท่านั้นที่คู่ควรนั่งบัลลังก์เคียงข้างเขา เมื่อคิดถึงฟ่านหลิ่น เย่หลีก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย ในขณะที่นางกำลังนั่งจิบชาอย่างเพลิดเพลินใจก็ได้ยินเสียงสนทนาของสตรีดังแว่วมาไม่ไกลนัก เย่หลีช้อนสายตาขึ้นไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นเย่หลิง น้องสาวต่างมารดาของนางผู้นั้นนั่นเอง ด้านเย่หลิงที่กำลังเดินสนทนามากับสาวใช้ก็รู้สึกว่ามีสายตาของใครบางคนจับจ้องมองนาง เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเป็นเย่หลีผู้เป็นพี่สาว เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่หลิงก็เม้มริมฝีปากแน่น นางไม่อยากจะเข้าใกล้พี่สาวผู้นี้ แต่ในเมื่อเจอกันแล้วหากนางไม่เข้าไปทักทายนั่นไม่เท่ากับเสียมรรยาทหรอกหรือ เมื่อคิดได้เช่นนั้นเย่หลิงจึงจำใจเดินเข้าไปหาเย่หลีที่นั่งดื่มชาอยู่ในศาลาพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม "คารวะพี่สาวเจ้าค่ะ ข้าไปเก็บดอกหมู่ตานมา ปีนี้ดอกหมู่ตานงดงามกว่าปีก่อนๆ ไม่ทราบว่าพี่สาวจะรับเอาไว้ประดับแจกันในห้องนอนหรือไม่เจ้าคะ" พอเอ่ยจบเย่หลิงก็สั่งให้สาวใช้นำดอกหมู่ตานไปมอบให้เย่หลี เย่หลีปรายตามองก่อนจะยื่นมือไปรับดอกหมู่ตานมาถือเอาไว้ เย่หลิงยิ้มออกมาเล็กน้อย รู้สึกดีใจที่เย่หลียินดีรับของที่นางมอบให้ ทว่าเพียงไม่นานรอยยิ้มของนางก็พลันจืดจางลง เย่หลียกยิ้มมุมปาก แล้วจึงโยนดอกหมู่ตานลงไปบนพื้น ก่อนจะยกเท้าขึ้นเหยียบขยี้ดอกหมู่ตานเหล่านั้นอย่างไม่ใส่ใจ เย่หลิงเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้ากล่าววาจาใดแม้เพียงครึ่งคำ เมื่อเหยียบดอกไม้เหล่านั้นจนสาแก่ใจแล้ว เย่หลีก็เงยหน้าขึ้นมาเอ่ยกับเย่หลิง "เจ้าก็เหมือนกับดอกหมู่ตานเหล่านี้ แม้จะทำตัวสูงส่งคิดทัดเทียมข้าเพียงใด แต่เจ้ามันก็เป็นเพียงแค่บุตรที่เกิดจากอนุชั้นต่ำ อย่าคิดมาเทียบเทียมข้า และอย่าเที่ยวไปบอกใครต่อใครว่าเป็นน้องสาวข้า ข้าไม่อยากมีน้องสาวที่ได้ชื่อว่าเกิดจากสตรีหน้าด้านเช่นอนุซ่งที่ปีนเตียงสามีของผู้มีพระคุณ ไสหัวไป!" เย่หลิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หน้าชาไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบเดินกลับเรือนของตนไป เมื่อกลับมาถึงห้องนางก็ร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น นางผิดหรือที่นางเป็นบุตรที่เกิดจากอนุ ผู้ใดจะเลือกเกิดได้กัน เหตุใดพี่สาวจะต้องมาต่อว่านางเช่นนี้ด้วย นับแต่เล็กจนโต ท่านแม่ก็เฉยชาต่อนาง แม้จะไม่เคยต่อว่าหรือทุบตี แต่กลับไม่ได้แสดงความรักฉันท์แม่ลูกกับนางเท่าที่ควร นางเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่ามันเกิดจากสาเหตุใด ไม่นานเวลาล่วงมาถึงวันที่จวนองค์ชายใหญ่จัดงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งคังอ๋อง จวนองค์ชายใหญ่ค่อนข้างคึกคักไม่น้อยเลย อีกทั้งฮ่องเต้และหนิงฮองเฮาเองก็เสด็จมาร่วมงานด้วยครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบกลับเข้าวังหลวงเพราะไม่อาจอยู่นานได้ ผู้คนต่างเล่าลือกันไปต่างๆนาๆว่า ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับองค์ชายใหญ่ถึงเพียงนี้ เห็นทีตำแหน่งองค์รัชทายาทคงจะไม่ไกลเสียแล้ว อีกทั้งในบรรดาองค์ชายทั้งสามคนนั้น มีเพียงองค์ชายใหญ่ที่ได้ตำแหน่งอ๋องก่อนผู้ใด ทุกอย่างล้วนได้มาเพราะความปรีชาสามารถของตนเองทั้งสิ้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD