EP 32

1146 Words
“คุณเข้ามาทำอะไรในห้องผม หรือคิดถึงใจจะขาด เลยต้องแอบเข้ามาเวลาผมไม่อยู่” “ฉันเอาของใช้มาเก็บให้ กำลังจะออกไปแล้วค่ะ ขอทางด้วย” ปราณปริยาวดีพยายามควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ และบอกเขาออกไปด้วยท่าทีเรียบเฉย แต่อีกคนไม่คิดจะปล่อยไปง่ายๆ เพราะนึกสนุกอย่างจะแกล้งเจ้าหล่อนให้เจ็บใจเล่นๆ ก่อน “จะรีบไปไหน ผมจำได้ว่าตั้งแต่เราแต่งงานกัน คุณกับผมก็ไม่เคยอยู่ในห้องนี้ และทำแบบนี้ด้วยกันเลยนะ” “อุ๊ย!!! ปล่อยฉันนะ” ปราณปริยาวดีตกใจจนสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ เขาก็รวบตัวไว้แล้วดันไปหาเตียงควบคู่กับกำลังก้มไปหาเรียวปากนุ่ม และทันทีที่ร่างสูงเพรียวล้มลงไปเขาก็ก้มไปหา ความเกลียดชัง ความขยะแขยงเตียง ที่มีคราบคาวของเขากับหญิงอื่นทำให้รีบผลักเขาจนสุดแรงและดีดตัวลุกขึ้นวิ่งไปหาประตูทันที “จะไปไหน!!!” แต่เพียงเขาก้าวยาวๆ ก็ตามไปได้ทัน แล้วคว้าข้อมือเธอไว้จนตัวหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับเขาแล้ว และก็ถูกเขาดันตัวไป จนหลังกระแทกบานประตู ไม่ทันจะได้ทำอะไร เขาก็ก้มลงมาปิดปากเอาไว้แล้ว แขนเล็กทั้งสองไม่มีสิทธิ์จะยกขึ้นมาปกป้องตัวเองเมื่อมีร่างหนาของเขากันไว้ด้วยการดันตัว จนตรึงกับประตูจนขยับไม่ได้ จูบของเขารุนแรงและดุดันเพื่อกันไม่ให้เจ้าของเรียวปากขัดขืน เดรสผ้ายืดสีน้ำตาลกับบราลูกไม้ ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำคัญนัก เมื่อเขายกมือขึ้นไปสัมผัสกับอกอวบอิ่มเคล้าคลึงไปมาเบาๆ จนปลายยอดชูชันเพราะตื่นตระหนกกับสัมผัสแปลกใหม่ นิ้วแข็งแรงเหมือนจะรู้ จึงเฝ้าหมุนวนอยู่ตรงปลายจนผู้เป็นเจ้าของเกิดอาการวาบไหวอย่างไม่เคยมีมาก่อน มือบางหมายจะดันอกเขาออกเมื่อสบโอกาส กลับไม่มีเรี่ยวแรงเอาดื้อๆ เมื่อริมฝีปากกำลังได้รับจุมพิตแผ่วเบา ผิดจากตอนแรกคนละเรื่อง มือหนาของเขาเลื่อนไล้ไปตามชุดผ้าเนื้อนุ่ม ลงไปหาเอวคอดและลูบไล้อยู่กับบั้นท้ายผายตึง ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนต่ำลงไปหาชายกระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อย เพื่อหมายจะเยี่ยมเยือนไปหาสิ่งซุกซ่อนเอาไว้ แต่เพียงแค่เรียวขาขาวรับรู้ถึงความอุ่นของฝ่ามือเขา ประจวบเหมาะกับริมฝีปากอุ่น กำลังเลื่อนไปหาลำคอระหง ปราณปริยาวดีก็รวบรวมพละกำลังที่มีในตัว ผลักเขาอย่างแรงจนผงะไป ร่างสูงเพรียวรีบใช้นาทีทองนั้น เปิดประตูวิ่งหนีไปทางบันไดทันที เจ้าของใบหน้าหล่อเหล่าขาวสะอาด จ้องมองตามด้วยความเสียดาย  แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมาด้วยความสะใจ ก่อนจะกลับเข้ามาในห้อง จ้องมองของที่วางอยู่ปลายเตียงอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถึงได้คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ กลับออกมาก็คว้าชุดที่เจ้าหล่อนวางไว้ให้ขึ้นมาใส่อย่างรวดเร็ว เพราะขี้เกียจหา อีกทั้งเพื่อนรออยู่แล้ว     “พี่เป้ยังไม่เสร็จงานอีกเหรอคะ ไหนบอกว่าจะรีบกลับมาให้ทันกินมื้อเย็นด้วยกันไงคะ นี่ทุกคนก็รออยู่นะคะ อีกพักๆ แล้วอีกพักของพี่เป้นี่ กี่ชั่วโมงกันคะ เอรอจนไส้จะกิ่วแล้วนะคะ ไม่รู้ล่ะ ถ้าไม่กลับมาเอจะไปกินบ้านคุณแม่จริงๆ ด้วย” ปิยธิดาตัดสายทิ้งโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะคุยจบหรือยัง เพราะทั้งอาทิตย์ สามีเอาแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ กลับดึกๆ ดื่นๆ ทุกวัน ทิ้งให้ตัวเองนั่งเหงาอยู่บ้านรอแล้วรอเล่า จะไปดูหนังฟังเพลง หรือช้อปปิ้งก็ไม่อยากไปถ้าไม่มีสามีไปด้วย “อ้าว! ตาเป้ยังไม่กลับเหรอหนูเอ” แววดาวผู้เป็นแม่สามี ที่แม้จะได้ยินสะใภ้วีนใส่ลูกชายอยู่หยกๆ แต่ก็พยายามควบคุมความขุ่นเคืองเอาไว้ และส่งคำถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไปหาสะใภ้ที่ตัวเองรักและพอใจมากกับคนนี้ เพราะเป็นคนไม่ชอบใส่อารมณ์กับใคร ไม่ว่าจะลูกจะผัวหรือลูกสะใภ้หรือแม้แต่เด็กรับใช้ในบ้าน แววดาวก็จะใช้พระเดชพระคุณปกครองมากกว่าอำนาจ “ยังเลยค่ะคุณแม่ พี่เป้ผิดนัดเอมาอาทิตย์หนึ่งแล้วนะคะ บอกว่าจะรีบกลับทุกวัน แต่ถึงบ้านเกือบเที่ยงคืนตลอดเลย” แต่สะใภ้กลับตอบเสียงห้วน เพราะยังอารมณ์เสียอยู่กับผู้เป็นสามีไม่หาย “ตาเป้ก็เป็นแบบนี้ล่ะจ้ะ ทำงานไม่ลืมหูลืมตา เพราะตอนนี้ต้องเป็นเสาหลักให้คนในบ้าน น้องๆ ก็ยังไม่เก่งช่วยอะไรได้ไม่มาก แม่ว่าไปกินข้าวก่อนดีกว่านะ อย่ารอเลยอารมณ์เสียเปล่าๆ” แม้ปิยธิดาจะรู้ว่าผู้เป็นสามีขยันทำการทำงาน และเป็นเหมือนหัวหน้าครอบครัว แทนผู้พ่อที่ตายจากไปเมื่อสี่ปีก่อนสักแค่ไหน แต่ด้วยความที่เป็นคนเอาแต่ใจตัว และมีแม่กับย่าคอยถือหางคอยตามใจอยู่เรื่อย จึงไม่คิดจะใช้เหตุผลมาขบคิด หากใช้แต่อารมณ์ ใช้แต่ลูกงอนเข้าว่าเวลาไม่ได้ดังใจ “ไม่ค่ะ เอจะไปกินบ้านคุณแม่ ถ้าพี่เป้อยากจะทำงานดึกๆ ดื่นๆ โดยไม่สนใจครอบครัว ก็ปล่อยไปค่ะ คืนนี้เอจะนอนที่บ้านเลยนะคะคุณแม่” ว่าแล้วก็เดินเข้าขึ้นบันไดไปคว้ากระเป๋ากับของใช้สองสามอย่างตรงไปหารถขับไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจกับแม่สามีที่ยืนมองเลยสักนิด “อ้าว! นั่นพี่เอจะไปไหนครับคุณแม่” วีรวัฒน์ ผู้เป็นน้องชายคนเล็ก ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของน้องภาธรที่ เพิ่งกลับจากมหาวิทยาลัยเดินเข้าบ้าน พร้อมกับถามแม่ด้วยความสงสัย ส่วนแม่ก็ถอนหายใจน้อยๆ ออกมาก่อนตอบ “เห็นบอกว่าจะกลับไปกินข้าวเป็นเพื่อนคุณป้านาน่ะจ้ะ งั้นเราไปกินข้าวกันดีกว่าปิง แม่หิวแล้วล่ะ พี่ๆ ของเรายังไม่มีใครกลับจากออฟฟิศสักคนเลย เห็นบอกว่ากำลังประชุมติดพันเกี่ยวกับระบบใหม่หรืออะไรนี่ล่ะ” แววดาวเลือกที่จะไม่ทำให้ลูกสะใภ้ถูกตำหนิจากใคร ด้วยการออกตัวแทน อีกทั้งไม่อยากให้ลูกชายทั้งสาม ที่ยังทำงานหน้าดำคร่ำเคร่งต้องปวดหัวเพราะเรื่องทางบ้านอีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD