“คุณประภาษคงคุยกับเธอแล้วใช่ไหม เรื่องรายละเอียดที่พินัยกรรมได้ระบุเอาไว้” ไรอันถามทั้งที่สายตายังจับจ้องเด็กสาวแสนงามตรงหน้า
“ค่ะ...แต่รุ้งก็ยังไม่เข้าใจซะทีเดียว...”
“ไม่เข้าใจอะไรหรือ?” แพคิ้วเข้มเหนือดวงตาคมของไรอัน หมวดเล็กๆ
“รุ้งเข้าใจถึงรายละเอียดในพินัยกรรมค่ะ...แต่รุ้งไม่เข้าใจในเหตุผลที่คุณพ่อของพี่ไรอันให้ความเมตตาอุปการะรุ้ง”
“เหตุผลอะไรที่ต้องอุปการะเธอน่ะหรือ?” ไรอันทวนคำถามของเด็กสาว
ทอรุ้งประสานสายตากับดวงตาคมกริบของเขาที่ยังคงจับจ้องมองเธอไม่กระพริบ
“รุ้งอยากรู้ว่ารุ้งมีความสำคัญอะไรคะ?...ที่ทำให้ครอบครัวของพี่ไรอันต้องยื่นมือเข้ามาอุปการะ” แววตาฉงนฉงาย เพราะร่างกายที่ใหญ่โตของไรอันทำให้เด็กสาวต้องแหงนหน้าขึ้นมอง
ทอรุ้งจ้องมองริมฝีปากบางและหยักลึกของไรอันอย่างคาดหวังถึงคำตอบที่จะได้รับ
“อืม...” ไรอันถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะกล่าวต่อ
“รอให้เธอมีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์...ถึงวันนั้นแล้วพี่จะบอกถึงเหตุผลที่รุ้งอยากรู้ รับรองว่ามันคือเหตุผลที่ดี” ไรอันแทนตัวเองว่า ‘พี่’ อย่างจงใจให้ความสนิทสนม ซึ่งทอรุ้งก็รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาในทันทีเช่นกันกับสรรพนามแทนตัวว่า ‘พี่’ ของไรอัน
“รุ้งจะต้องรออีกสองปีเชียวหรือคะ” เด็กสาวทำหน้าง้ำ เมื่อรู้สึกว่ามันนาน
ไรอันเอื้อมมือฝ่ามือใหญ่ไปลูบศีรษะของเด็กสาวเบา รู้สึกได้ถึงเส้นผมละเอียดอ่อน ดำขลับราวกับแพรไหม กลิ่นหอมของน้ำมันอ่อนๆที่นมช้อยชโลมเอาไว้ลอยอวลขึ้นมายั่วใจ กระทบเข้ากับจมูกจางๆ
ไรอันเผลอสูดลมหายใจแรงลึก เก็บเอาความหอมนั้นไว้ในอกอย่างลืมตัว
“รุ้งต้องขออนุญาตพี่หรือเปล่าค่ะ?” ทอรุ้งเอ่ยถาม
“ขออนุญาตเรื่องอะไรคะ?” ไรอันถามกลับ
“ถ้ารุ้งอยากออกมาเดินเล่นในสวนกุหลาบทุกๆเช้า”
เด็กสาวช้อนใบหน้างามขึ้นถาม นิ้วเรียวเกลี่ยไล้ปอยผมบางส่วนที่ร่วงลงมาบดบังดวงตาให้กลับขึ้นไปทัดเอาไว้เหนือใบหู
“ไม่ต้องขออนุญาตพี่หรอก แต่ทุกครั้งที่รุ้งจะมาเดิน ควรรอให้เช้า รอให้ฟ้าสว่างเสียก่อน ห้ามรุ้งออกมาเดินตอนมืดๆค่ำๆ เพราะที่สวนดอกไม้นี้ค่อนข้างลับตาคน พี่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของรุ้ง” ไรอันกล่าวเพราะรู้สึกห่วงเด็กสาวขึ้นมาจับใจ ทั้งที่คฤหาสน์หลังนี้ไม่เคยมีเหตุอันตรายอันใดให้ต้องกังวล แต่ที่ไรอันกำชับออกไปเป็นเพราะไรอันรู้สึกห่วงทอรุ้งมากเป็นพิเศษ
“ค่ะ…พี่ไรอัน” เด็กสาวตอบเบาๆ
เด็กสาวแหงนมองใบหน้าของเขา ไรอันช่างเป็นผู้ชายที่มีร่างกายสูงใหญ่ ไหล่กว้างและผึ่งผาย ในทุกอิรอยาบถของไรอัน ในทุกจังหวะที่ไรอันหายใจล้วนอยู่ในสายตาของทอรุ้งทั้งสิ้น
เด็กสาวรู้สึกได้ถึงแผงอกที่แกร่งราวปราการของไรอัน ขยับพองและดันอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตลายทางสีน้ำตาลเทาสลับขาว ในดวงตาสีน้ำตาลชวนฝันมีประกายความสุขแผ่ซ่านวิบวับ และทอดทอกลับมาทุกทีที่ไรอันมองดูเธอ
“ค่ะ...พี่ไรอัน” หญิงสาวกล่าวเบาๆจนกระแสเสียงแทบจะเจือจางไปกับสายลมที่พัดมาเบาๆ ท่ามกลางสวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยหมู่ภมรมากมาย
“ครับ...น้องทอรุ้งของพี่” มือใหญ่ลูบศีรษะของเด็กสาวเบาๆ ก่อนจะพากันเดินอ้อยอิ่ง เคลียคลอ สร้างความคุ้นเคยด้วยการเดินคุยกันไปรอบๆสวนที่หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นบุปผานานาพรรณ ชูดอกลดหลั่น สลับสล้างอยู่กลางพุ่มพฤกษ์ที่เขียวขจีไปทั่วทั้งสวน
“พี่ชอบชื่อของเธอจัง...‘ทอรุ้ง’ ใครเป็นคนตั้งให้คะ?” ไรอันถาม
“แม่เป็นคนตั้งให้ค่ะ...แม่บอกว่ารุ้งเกิดตอนกลางวัน วันนั้นฝนตกหนักมาก รุ้งคลอดออกมาหลังฝนตก เป็นจังหวะที่แม่เหลือบไปเห็นสายรุ้งโค้งลงมารอรับ...หรือไม่...สายรุ้งนั้นก็นำชีวิตของเด็กคนหนึ่งโค้งลงมาส่งให้กับแม่” เด็กสาวกล่าว
ไรอันฟังแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ นึกชื่นชมคนเป็นแม่ที่ช่างปลูกฝังความทรงจำดีๆเอาไว้ให้ลูกได้จดจำถึงความประทับใจของเหตุการณ์ในวันที่เกิด
“ทั้งไพเราะและมีความหมายที่ดี” ไรอันชม
เด็กสาวยิ้มหน้าบาน ก่อนที่มือเล็กๆของเธอจะคว้าลงมาที่ท่อนแขนรกไรขนของไรอัน รั้งท่อนแขนใหญ่ที่สองมือของเธอโอบไม่รอบ เหมือนจะพาเขาไปอีกด้าน ไปตามทิศทางของเสียงน้ำพุที่พุ่งเป็นสายท่ามกลางกอบัวหลากสีสันที่ด้านหน้าสวน
“ด…ด…เดี๋ยวก่อน เอ่อ” ไรอันกระอึกกระอัก
รู้สึกว่าร่างกายของเขาตอบสนองกับสัมผัสจากฝ่ามือของเด็กสาวอย่างแปลกประหลาด ชีพจรเต้นเร็วและรุนแรง เลือดในกายฉีดพ่นเป็นสาย หัวใจกระตุกตุบ ราวกับว่าสัมผัสที่ส่งผ่านมาจากมือของเด็กสาวคือการปลุกเร้าอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยในชีวิต
‘ทำไมเด็กสาวคนนี้จึงให้ความรู้สึกตอบสนองที่รุนแรงกับเขาเหลือเกิน’ ไรอันคิด
ในจังหวะที่ไรอันก้าวตามเด็กสาวไปอย่างว่าง่าย แต่เพราะอยู่ใต้ทิศทางลม ทำให้ไรอันรู้สึกถึงกลิ่นผิวกลิ่นผมและกลิ่นเนื้อสาวสะคราญที่ลอยลมมากระทบกับจมูกโด่งเป็นสันของตนเบาๆ กลิ่นเนื้อหนังมังสาของเด็กสาวช่างปลุกเร้ากำหนัดและปรารถนาของหนุ่มฉกรรจ์อย่างไรอันรุนแรงจนรู้สึกถึงความคัดคั่งในท่อนลำความเป็นชายที่ขยับขยายขึ้นภายใต้ร่มผ้ามาอย่างไม่น่าเชื่อ
‘บ้าจริงไรอัน! นายรู้สึกแบบนี้กับเด็กสาวคนนี้ได้อย่างไรกัน อย่าลืมว่านายเป็นผู้ปกครองของเธอนะ!’ ชายหนุ่มนึกตำหนิตัวเองอยู่ในใจ ก่อนจะแกะมือนุ่มนิ่มของเด็กสาวที่กุมท่อนแขนของตนออก
“แดดเริ่มร้อนแล้ว...เรากลับกันเถอะ ยังมีเวลาอีกมากที่จะชมสวน” ไรอันไปล่ไปทางอื่น เด็กสาวครุ่นคิด ใบหน้างามงอนง้ำด้วยความไม่เข้าใจ
‘เราทำอะไรให้พี่ไรอันไม่พอใจหรือเปล่า?’
เด็กสาวก้าวเข้ามาหาเขาจนใกล้ แววตาของทอรุ้งเต็มไปด้วยคำถามเพราะความไม่เข้าใจถึงท่าทางที่พยายามยับยั้งชั่งใจอย่างถึงที่สุดของไรอัน ทอรุ้งไม่อาจรู้เท่าทันในสิ่งที่ไรอันคิดนึก…ซึ่งไรอันเองก็ไม่อาจเข้าใจในอารมณ์ความรู้สึกเบื้องลึกที่ปลุกเร้าตัวตนของเขาขึ้นมาเมื่อครู่
“รุ้งทำอะไรให้พี่ไรอั้นไม่พอใจหรือเปล่าคะ?” เด็กสาวถามด้วยน้ำเสียงเศร้าซื่อ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทอรุ้งจึงแคร์นักแคร์หนาถึงความรู้สึกของไรอัน
เพราะความสูงใหญ่ของไรอันทำให้เด็กสาวเขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อจะมองใบหน้าคมคร้ามของเขาให้ถนัดถนี่ แต่เพราะความพยายามหยัดปลายเท้าเข้าหาเขา ทรวงอกอิ่มที่เบียดอัดอยู่ภายใต้เสื้อผ้าฝ้าย ภายใต้ระบายลูกไม้ระย้าจึงเชิดชันท้าทายสายตาจนไรอันต้องเบือนหน้าหนี ไม่ใช่เพราะความไม่น่ามองของมันแต่อย่างใด แต่ไรอันกลัวว่าเขาจะไม่อาจซ่อนสายตากระหายในเนื้อหนังมังสาของเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเอาไว้ได้มิดชิด
ไรอันรู้สึกถึงความร้อนรุ่มและเลือดฉกรรจ์ในกายที่อัดอั้นรุนแรง ไรอันพยายามกักกลั้นแรงปรารถนาให้กลับไปตกตะกอนนอนก้น กดให้มันกลับไปเป็นเถ้าธุลีอารมณ์ ก่อนที่มันจะพลุ่งพล่านเป็นลาวาที่ทะลักล้นออกมาจากปลายปล่องภูเขาไป...ไรอันจะไม่มีวันปล่อยให้ใจต้องยอมรับใช้อารมณ์เป็นอันขาด
“พี่ไรอันยังไม่ตอบเลยค่ะ...ถ้ารุ้งทำอะไรให้โกรธ รุ้งต้องขอโทษด้วยนะคะ” เด็กสาวทำสายตาสำนึกผิด มือน้อยๆกระพุ่มขึ้นไหว้ ริมฝีปากสีชมพูอิ่มเต็มเอ่ยคำขอโทษออกไปทั้งที่ยังไม่รู้ในความผิดด้วยซ้ำ
“ช่างเถอะ!...ไม่เกี่ยวกับรุ้ง มันเป็นความผิดของพี่เองที่ไม่ระมัดระวังความรู้สึกของตัวเอง” ไรอันกล่าว ก่อนจะเดินนำหน้า เด็กสาวก้าวตามไปห่างๆ นอกจากจะยังไม่ได้รับความกระจ่างในคำถาม หากกลับงุนงงเข้าไปอีกถึงคำตอบที่เป็นปริศนา
ทอรุ้งเดินตามทั้งที่แววตายังไม่หยุดครุ่นคิด
‘บางครั้งพี่ไรอันก็เป็นผู้ชายที่เข้าใจยากเหมือนกันนะ!’
นมช้อยทอดสายตามองลงมาจากบานหน้าต่างของเรือนหลังใหญ่ ภาพที่เห็นอยู่เบื้องล่าง ดูราวเด็กหญิงที่กำลังวิ่งตามหลังผู้ปกครอง