4
พลิกชะตาชีวิต
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ประเทศฮ่องกง
หลังจากที่เครื่องบินลงจอดในฮ่องกง ลิเดียถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันทีเพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน การตรวจสแกนสมองและร่างกายของเธอถูกดำเนินการไปอย่างละเอียด โชคดีที่ไม่มีส่วนใดของเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส มีเพียงอาการช้ำและรอยฟกช้ำจากแรงกระแทกที่ทำให้เธอต้องพักรักษาตัว
ขณะที่ลิเดียยังคงนอนพักรักษาตัวบนเตียงคนไข้ภายในโรงพยาบาลในฮ่องกง ไม่นานดินก็เปิดประตูเข้ามาในห้องของเธอ พร้อมกับไม้เท้าค้ำยันเพราะขาของเขาบาดเจ็บจนแทบเดินไม่ไหว
ดินกัดฟันอดทนเดินมาทั้ง ๆ ที่เลือดจากแผลยังคงหยดเป็นทาง แต่สัญชาตญาณนักสู้ที่ผ่านการฝึกฝนและการต่อสู้มาหลายปีเริ่มทำงาน แม้ร่างกายของเขายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว สถานการณ์ตอนนี้เรียกได้ว่าคับขันสุด ๆ เขารีบพุ่งตรงมาหาลิเดียทั้งที่ตัวเองยังไม่ทันได้รักษาอะไรเลยด้วยซ้ำไป
“เราต้องไปแล้วครับคุณหนู”
“ฮะ?” ลิเดียพึมพำด้วยเสียงสั่น เธอยังเจ็บปวดจากแรงกระแทกและเพิ่งฟื้นตัวแบบงุนงง
“เราต้องออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้ มีคนตามล่าคุณหนู...พวกมันเจอพวกเราแล้ว!” ดินอธิบายแบบคร่าว ๆ ก่อนจะพยุงลิเดียลงจากเตียงคนไข้ทันที
“...เราจะหนีไปไหนได้ล่ะ...เราจะหนีรอดเหรอคะ พี่?” ลิเดียเริ่มรู้สึกหวาดกลัว น้ำตาของเธอไหลออกมาทันทีที่ได้ยินว่าเธอไม่ปลอดภัยแม้แต่ในโรงพยาบาล
“รอดครับ...ยังไงคุณหนูก็ต้องปลอดภัย” ดินรีบจัดการเข็นเตียงของลิเดียออกจากห้องพัก และพาเธอไปหลบที่บันไดหนีไฟชั่วคราวก่อน ยังไม่ทันที่ประตูบันไดหนีไฟจะปิดสนิท
ชายชุดดำเกือบ ๆ สี่ห้าคนพร้อมอาวุธปืนครบมือ ก็สวนกลับเข้าไปที่ห้องพักฟื้นที่ดินเพิ่งพาลิเดียออกมา
“…” ลิเดียอ้าปากค้างอย่างกลัวจนตัวสั่นแทบยืนไม่ไหว
“ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไรนะ” ดินยกมือปิดตาคุณหนูของเขาเอาไว้ และค่อย ๆ ดันประตูปิดจนสนิทและกดล็อกประตูกันเอาไว้ระดับหนึ่ง
หลังจากที่ทั้งสองคนหลบอยู่ที่บันไดหนีไฟ เงาของพวกชุดดำก็เดินผ่านไปผ่านมา และที่สำคัญคือพวกมันพูดภาษาไทยอย่างชัดเจน
“พวกมันหายไปไหนได้วะ?” หนึ่งในพวกมันพูดขึ้นอย่างหัวเสีย
“หาให้ทั่วโรงพยาบาล เจอที่ไหน...ก็ยิงมันทิ้งซะ” อีกคนก็เสริมและเริ่มวิ่งออกตามล่าทั้งดินและลิเดียต่อ
“คุณหนู พอเดินไหวไหม?” ดินหันมากระซิบถามเธอเบา ๆ
“วะ...ไหว...ไหวค่ะ” ลิเดียพยักหน้ารับ ก่อนจะเป็นฝ่ายช่วยพยุงดินแทน เพราะเขาบาดเจ็บสาหัส
“เราแจ้งตำรวจให้ช่วยไม่ได้เหรอคะ?”
“พวกมันอยู่เหนือกฎหมายน่ะครับ”
“ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ”
“เขายิงปืนแบบนี้กลางโรงพยาบาลได้เลยเหรอพี่ดิน?”
“ปืนไร้เสียงน่ะครับ และอีกอย่างพวกมันไม่ได้เกรงกลัวต่อกฎหมายอะไรเลย”
ท่ามกลางความกดดันและสถานการณ์ที่บีบคั้น ลิเดียก้มลงมองที่ปลายเท้าของเธอ
“พี่ดิน...ละเลือดอะ” เธอเอ่ยบอกกับดินไปทันที ดินเองก็หน้าเสียไปเลย เพราะนั้นหมายความว่าคราบเลือดของเขามันเลอะอยู่ตามพื้นจนทำให้...
โครมมม!!! ประตูบันไดหนีไฟอีกชั้นถูกถีบอย่างแรง ก่อนจะมีเสียงฝีเท้าของชายฉกรรจ์หลายคนที่วิ่งขึ้นมาจากชั้นล่างนั้น
“หนี!! คุณหนูหนีไป” ดินรีบผลักให้ลิเดียวิ่งหนีไปก่อน เขาควักปืนที่เหน็บอยู่ขึ้นมากำไว้แน่น ทั้งที่รู้ว่าข้างหน้าคือความตาย แต่เขาก็เลือกที่จะทำตามคำสั่งจนวินาทีสุดท้ายจริง ๆ
“ไม่...เดียไม่หนี ถ้าจะต้องตาย...ก็ตายด้วยกันนี่แหละ” ลิเดียส่ายหน้าทั้งน้ำตา เธอไม่วิ่งและเลือกที่จะยืนข้าง ๆ ลูกน้องคนสนิทของพี่ชายแม้ว่าขาจะสั่นเทา และกลัวอย่างจับขั้วใจก็ตาม
เพราะต่อให้หนีไปเธอรู้ดีว่าถึงหนีไปคนเดียว ก็หนีไม่รอดอยู่ดี อีกอย่างดินปกป้องเธอขนาดนี้เธอจะทิ้งเขาเอาตัวรอดคนเดียวได้ยังไงกัน
“หนีไป!!” ดินหันไปผลักลิเดียให้วิ่งหนีไปจากตรงนี้ แต่จังหวะที่เธอหันหน้าไปอีกทาง
เสียงกระทบของประตูบันไดหนีไฟดังโครมใหญ่ ชายชุดดำที่จ่อปืนอยู่บนหน้าผากของลิเดียยิ้มเหยียดราวกับชัยชนะอยู่ใกล้แค่เอื้อม ร่างของเธอสั่นเทาด้วยความกลัว ความหนาวเย็นของปืนที่จ่อเข้าที่ผิวหนังของเธอทำให้เธอรู้สึกเหมือนเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ลมหายใจติดขัด หัวใจเต้นรัว เธอรู้สึกถึงความตายที่กำลังจะมาถึง
“ยินดีที่ได้พบนะครับ คุณหนูนิศาชล พิชญะนรินทร์” ชายชุดดำกระซิบใกล้หูเธอ น้ำเสียงเย็นยะเยือกทำให้เธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
ดินซึ่งอยู่ไม่ไกล ถูกปืนของอีกคนจ่อคาอยู่เช่นกัน เขากัดฟันแน่น ขณะที่มือของเขากำปืนไว้แน่น รู้ว่าถึงเวลานี้พวกเขาทั้งสองคนหมดทางหนีแล้วจริง ๆ
“หนีไป!!” ดินหันไปตะโกนบอกลิเดียอีกครั้ง แต่เธอกลับส่ายหน้า น้ำตาคลอเบ้าขณะที่เธอพยายามจะคุมสติ
“อย่าฆ่าพวกเราเลยค่ะ... เราไปทำอะไรให้พวกคุณโกรธเหรอ?” ลิเดียพยายามใช้คำพูดอย่างมีเหตุผล แต่น้ำเสียงสั่นไหวของเธอกลับเผยถึงความหวาดกลัวชัดเจน
ชายชุดดำหัวเราะเบา ๆ “คุณหนูคนสวยไม่ได้ทำอะไรเลยครับ แต่ถ้าเราไม่ฆ่าคุณ...นายของเราก็จะฆ่าเราแทน”
“พวกมึงปล่อยคุณหนูไปเถอะนะ!” ดินพยายามเจรจา
“พวกมึงอยากได้อะไร...บอกมาเลย”
“หรือนายของมึงต้องการอะไรก็เอาไปเลย! แต่อย่าทำร้ายเธอเลย คุณหนูเธอไม่รู้เรื่องและไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย”
“แต่สิ่งที่นายกูต้องการ คือลมหายใจของคุณหนูมึงไง”
“…” ลิเดียพูดอะไรไม่ออกเลย เธอหลับตาลงอย่างยอมรับต่อโชคชะตาแล้วจริง ๆ มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นมันกลัวมากจนเหมือนไม่มีสติไปแล้วในตอนนี้
“มันจะเจ็บแค่แป๊บเดียว” มันพูดพร้อมกับยกปืนขึ้นมาจ่อที่กลางขมับของเธอ
“หลับให้สบายนะครับ...คุณหนู” สิ้นประโยคนั้นเอง
ฟิ่ว ฟิ่ว ๆ ...เธอรับรู้ได้ถึงเสียงของปืนที่ยิงผ่านตัวของเธอไป แม้มันจะเป็นปืนไร้เสียงแต่เธอก็รับรู้ได้ถึงวิถีกระสุน ในวินาทีที่เธอลืมตาขึ้นและคิดว่าไปว่าวิญญาณของเธอกำลังจะหลุดออกจากร่างนั้น
“เฮ่อ!!” ลิเดียก็ต้องอ้าปากช็อกหนักกว่าเดิมเพราะชายคนที่กำลังจะยิงเธอ ถูกยิงเข้าที่กลางขมับและเลือดไหลอาบทั้งหน้า ก่อนจะล้มลงพร้อมกับคนที่เหลือที่ถูกยิงเข้าที่จุดเดียวกัน...
“ขอบคุณที่เธอยังไม่ตาย!” เสียงทุ้มเย็นชาดังขึ้นข้างหลังลิเดีย ทำให้หัวใจของเธอแทบหยุดเต้น เธอค่อย ๆ หันไปมอง และสายตาปะทะเข้ากับชายร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำ ดวงตาคมกริบดุดันราวกับสัตว์นักล่าที่ไม่เคยพลาดเป้า เขามีรอยยิ้มเหยียดหยามแต่น่ากลัวอยู่บนใบหน้า
“คะ...คุณคือ?” ลิเดียเอ่ยถามอย่างหวาดกลัว สายตาของเธอยังเบิกกว้างด้วยความตกใจจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
🦌________🦁