บทที่ 5
ถึงร้ายก็รัก
งานเลี้ยงเต้นรำยังคลาคล่ำด้วยผู้คน เสียงเจรจาภาษาธุรกิจยังแว่วมาให้ได้ยินอยู่เนืองๆ ริษาลากขาออกมาจากในงาน หลังจากยืนเคียงข้างเจ้านายอยู่เกือบสองชั่วโมงจนขาล้าไปหมด เธอขอตัวออกมาสูดอากาศ เมื่อเจ้านายทั้งสองดูท่าว่าจะจีบนักลงทุนชาวต่างชาติได้เพิ่มอีกสองคนในชั่วโมงหลัง การได้นั่งพัก ได้สูดหายใจโดยไม่ต้องปั้นยิ้มให้ใครมันดีที่สุดแล้ว
ร่างกายเธอกำลังต่อต้านละนะ มันบอกเจ้าของให้กลับไปนอนเสีย แต่เธอก็ยังต้องอยู่ ต้องทำหน้าที่ของตัวเองอย่างมิมีขาดตกบกพร่อง
“น้ำเปล่าหน่อยไหม”
เสียงหนึ่งดังอยู่เบื้องบน พอเงยหน้าขึ้นมองจึงได้เห็นบุรุษร่างสูงหน้าตาใจดียืนอยู่ข้างม้านั่งที่เธอนั่งอยู่ เธอรับเอาแก้วน้ำเปล่าจากมือเขา ทั้งขยับแบ่งที่บนม้านั่งตัวน้อยให้เขาได้หย่อนกายลงมา
อธิป เป็นเลขาคนหนึ่งของผู้บริหารในบริษัทไกรวัลย์ ด้วยงานที่ต้องติดต่อสื่อสารกันของพวกเลขา ทำให้เธอและเขาต้องเจอกันบ่อยๆ ความสัมพันธ์อันดีจึงก่อเกิดขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่พวกเธอได้พบเจอกัน เขาเป็นผู้ชายใจดี อบอุ่น และเป็นผู้ใหญ่มากทีเดียวในวัยใกล้สามสิบปี
“ขอบคุณนะคะ วันนี้เหนื่อยมากเลย”
“คนเยอะด้วยละมั้ง พี่เห็นดื่มไปหลายแก้วไม่ใช่เหรอ”
เธอยิ้มเมื่อรู้ว่าเขาแอบเห็นเธอดื่มแอลกอฮอล์ ปกติเธอจะเลี่ยงการดื่มในวันที่มีงานแบบนี้ แต่หลังจากเรื่องที่เธอทำกับภากรบนรถนั่น เธอเลยต้องคว้าแก้ววอดก้ามากระดกไปหลายแก้ว กว่าจะกล้าเผชิญหน้ากับบิดามารดาของภากร
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าริษา หรือว่า...เป็นเรื่องที่พี่...”
“โอ...เปล่านะคะ ไม่ใช่เรื่องนั้น”
เขายิ้มเมื่อหล่อนรีบแก้ต่าง
“แล้วมันเรื่องไหนล่ะ พี่รู้ว่าคำพูดของพี่อาจทำให้ริษาไม่สบายใจ”
“เปล่านะคะ ไม่ใช่ว่าไม่สบายใจ แต่ว่า...มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะพี่”
“ทำไมล่ะ พี่ไม่ดีเหรอ”
เธอส่ายหน้าปฏิเสธ น้ำตาเอ่อขึ้นมาในดวงตาคู่สวย
“ไม่มีหวังแล้วค่ะ ทุกอย่างมันจบแล้ว”
“พี่จะรอ”
“คะ?”
“รอวันที่ริษาเปลี่ยนใจ”
ริษาหนักใจในการรอของอธิปนัก เป็นไปไม่ได้หรอก เธอตกหลุมพรางที่ภากรขุดรอไว้ ตกลงไปในนั้นอย่างยินยอมพร้อมใจ แล้วเธอจะขึ้นมาได้อย่างไร คงต้องอยู่ในนั้น รอรับเอาทั้งความสุขและความทุกข์ที่เขาจะมอบให้ ไม่มีวันเป็นอิสระได้อีก แต่เชื่อไหม ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้นึกเสียใจ ส่วนลึกของความรู้สึกมันอิ่มเอมยามรู้ว่าจะได้อยู่ในอ้อมกอดของภากรอีกครั้งในวันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไป หัวใจเธอช่างน่าตีนัก ช่างน่าควักมันทิ้งเหลือเกิน
“มันคงไม่มีวันนั้นหรอกค่ะ ริษาไม่ใช่ผู้หญิงดีๆ อีกต่อไปแล้ว”
“พี่ก็ไม่ได้ต้องการผู้หญิงดีๆ นี่นา พี่ต้องการแค่เธอ”
“พี่อธิป...”
เธอครางชื่อเขาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี เสียใจไม่น้อยที่ต้องทำลายความตั้งใจของผู้ชายที่นั่งข้างๆ เขาเป็นคนดี และเธอกำลังทำร้ายน้ำใจเขาด้วยความเห็นแก่ตัวของเธอเอง
“อย่าคิดมากน่า อันที่จริงเป็นแบบนี้ก็ดี พี่ไม่รู้หรอกว่าคนที่ได้หัวใจของเธอเป็นใคร แต่พี่พอใจแล้วที่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ ได้คุยกับเธอ มองเธอ เห็นเธอยิ้มและหัวเราะ ได้ปลอบเธอยามที่เธอเศร้า แถมเรื่องงานเรายังพูดกันรู้เรื่องอีก มันสมบูรณ์แบบนะว่าไหม”
“แต่ว่า...ยังไงก็อย่าปิดกั้นตัวเองนะคะ ผู้หญิงดีๆ มีตั้งเยอะ ให้โอกาสพวกเธอบ้าง”
“คนเดียวที่พี่อยากให้ให้โอกาส คือเธอนี่นา”
“โธ่...พี่อธิป”
ริษาลำบากใจเหลือเกิน พูดขนาดนี้ยังจะสู้อีกนะ ไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ
มืออุ่นของผู้ชายใจดีวางแหมะบนกระหม่อมของริษา เขาลูบผมเธอเล่นอย่างเอ็นดู จะว่าเขาก็เกรงใจ เลยให้เขาแสดงความจริงใจในรูปแบบนั้น หวังว่าเมื่อเวลาผ่านไป เขาจะเข้าใจทุกอย่าง และล้มเลิกความตั้งใจ ล้มเลิกทุกความรู้สึก...ที่อยากจะคบเธอเป็นแฟน
“ไม่ต้องสนพี่หรอกน่า แค่ริษาไม่โกรธจนเลิกคุยกับพี่ พี่ก็ดีใจแล้ว มันต้องใช้ความกล้ามากเลยในการพูดสิ่งที่มันพูดยากขนาดนั้น”
“ถ้าพูดยากจะพูดทำไมล่ะ!”
เสียงห้วนๆ นั้นไม่ใช่เสียงของริษา แต่เป็นบุรุษที่มาพร้อมแก้ววิสกี้ในมือ วงหน้าหล่อเหลาที่บึ้งตึง บอกได้ดีว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์ใด เขาขยับเข้ามายืนตรงหน้าริษา ปัดมืออธิปออกจากศีรษะหล่อนอย่างเสียมารยาท
การกระทำของภากรทำให้อธิปเข้าใจแล้วว่าทำไมริษาถึงได้เอ่ยปฏิเสธเขา ทั้งที่หล่อนก็ปฏิบัติต่อเขาด้วยน้ำใจเสมอมา คงเป็นเพราะผู้ชายตรงหน้านี้กระมัง
“อืม...ผมว่าผมเข้าไปข้างในดีกว่า”
แม้เคืองใจในท่าทีของลูกเจ้านาย แต่ก็ไม่อาจต่อกร ด้วยว่าในอนาคต บุรุษที่อายุน้อยกว่าตนผู้นี้ อาจได้ขึ้นยังตำแหน่งท่านประธานแห่งบริษัทไกรวัลย์ และกลายเป็นเจ้านายของเขาอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
“อย่ายุ่งกับยัยนี่อีก”
“ให้เกียรติเธอเหมือนอย่างที่เธอให้เกียรติคุณด้วยครับ คุณภากร”
อธิปพยายามแล้วที่จะไม่โต้แย้ง แต่ลูกชายนิสัยเสียของเจ้านายนี่สิ จะไม่ให้โต้ตอบก็กระไร
“เรื่องของฉัน!” โต้กลับอธิปด้วยเสียงอันดัง ก่อนจะคว้าเอาแขนของริษา ดึงหล่อนให้ลุกจากที่นั่ง อธิปจะคว้าแขนหล่อนไว้ก็ไม่ทัน
“ถ้ายังอยากมีงานทำก็อย่ามายุ่งกับผู้หญิงของฉัน จำไว้!”
“คุณกร!” ริษาร้องปรามเขา สองมือพยายามแกะมือเขาออกจากท่อนแขนแต่ไม่สำเร็จ เธอถูกลากออกมาจากตรงนั้น ท่ามกลางสายตาห่วงใยของพี่อธิป
“คุณกรปล่อยนะ มันเจ็บ!” ร้องบอกตอนที่เดินจวนจะถึงประตูเข้างาน
ภากรสลัดแขนริษาแรงๆ ราวกับว่าทำอย่างนั้นจะทำให้เขาหายขุ่นเคืองได้
“ไอ้บ้านั่นเป็นใคร แฟนอุปโลกน์ของเธอเหรอ”
“ทำไมคะ หึงหรือไง”