บทที่ 9

1104 Words
เช้าวันต่อมาคณานางค์ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ตีห้าครึ่ง และไม่ลืมเตรียมอาหารเช้าแบบง่าย ๆ ไว้ให้พ่อของลูกที่ป่านนี้ยังไม่ตื่น กว่าทุกอย่างจะเสร็จรถจากบ้านใหญ่ก็ขับมารับเธอที่หน้าบ้านพอดี            “พวงมาลัยสวย ไปซื้อที่ไหนมาล่ะแม่เยาว์” เกษมถาม เมื่อได้เห็นพวงมาลัยพวงใหญ่ที่นางเยาว์หยิบออกมาจากตะกร้าสาน            “ซื้อที่ไหนกันล่ะคะ ทั้งหมดนี่ฝีมือคุณนางทั้งนั้นแหละค่ะ คนอะไรหยิบจับอะไรก็สวยน่ามองไปหมด สำรับนี่ก็ด้วยค่ะ มาช่วยจัดให้ตั้งแต่เช้า” คำตอบที่ได้รู้ยิ่งทำให้คนฟังรู้สึกชื่นชอบลูกสะใภ้คนนี้มากยิ่งขึ้น            คณานางค์เป็นเด็กดี น่ารัก ซึ่งดูยังไงก็ไม่เหมาะกับเจ้าจิณเลยสักนิด ไม่ว่าจะเพราะอะไรที่ทำให้แม่หนูคนนี้ได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตบุตรชาย แต่เมื่อเธอเข้ามาแล้วก็ย่อมยากที่จะออกไป เพราะเขาคนหนึ่งล่ะที่ไม่ยอม            “ขอพรอะไรพระท่านล่ะหนู”            “นางขอให้ลูกปลอดภัยค่ะท่าน” หญิงสาวตอบก่อนจะส่งยิ้มอ่อนหวานกลับมาให้ ซึ่งไม่นานก็ได้รับรอยยิ้มเอ็นดูจากอีกคนกลับมา            ดูเถอะ แม้แต่ตอนขอพรพระก็ยังไม่คิดที่จะขออะไรให้ตัวเอง ลูกสะใภ้ที่น่ารักแบบนี้ใครจะโง่ปล่อยให้หลุดมือ         เพราะเหนื่อยจากงานมาทั้งอาทิตย์วันนี้จิณจึงเลือกที่จะหยุดอยู่บ้าน โดยมีร่างอวบอิ่มของใครอีกคนที่หลังกลับมาจากวัดหล่อนก็เดินไปเดินมาไม่ยอมหยุดจนเขาเริ่มเวียนหัว สุดท้ายก็ทนไม่ไหวลุกขึ้นไปแย่งไม้กวาดมาถือ หงุดหงิดไม่น้อยที่หล่อนชอบทำตัวราวกับคนใช้            “จะแย่งงานคนในบ้านทำไม” เสียงเข้มต่อว่าพร้อมมองสำรวจไปทั่วบ้านที่ถูกทำความสะอาดจนแทบไม่เหลือฝุ่นอย่างหงุดหงิด            “นางไม่ได้แย่งค่ะ” เถียงเก่งเกินใครก็ต้องยกให้หล่อน นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เขาประหลาดใจ เพราะบางครั้งคณานางค์ก็ทำราวกับว่ากลัวเขาเสียเต็มประดา บางครั้งก็ดื้อจนน่าจับพาดตักแล้วฟาดแรง ๆ หล่อนจะน่ารัก ว่าง่ายเสมอกับทุกคน แต่ลับหลังกลับดื้อตาใส            “ต่อไปถ้าฉันเห็นว่าเธอแย่งงานคนอื่นทำอีกฉันจะไล่คนพวกนั้นออกให้หมด ในเมื่อจ้างไปก็เสียเงินเสียทองเปล่า ๆ” คนเอาแต่ใจยื่นคำขาดเป็นการทิ้งท้ายเอาไว้ให้คนดื้อเงียบได้คิดก่อนที่จะเดินหนีไป         นับตั้งแต่วันนั้นที่ถูกคาดโทษเอาไว้คณานางค์ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปแย่งงานใครทำอีกเลย เพราะเธอรู้พอ ๆ กับทุกคนว่าพ่อของลูกเป็นคนพูดจริงทำจริงแค่ไหน            และเธอก็ไม่อยากเป็นต้นเหตุทำให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะความดื้อรั้นของเธออีกด้วย หญิงสาวจึงใช้เวลาว่างหมดไปกับการปลูกผัก ซึ่งผลผลิตก็ออกมาดีเกินคาด ทำให้เธอตัดสินใจเก็บมาฝากคนที่บ้านใหญ่ อย่างน้อยจะได้นำผักปลอดสารพิษที่เธอ ‘แอบ’ ปลูกไปทำอาหารให้กับทุกคนในบ้านได้ทาน เพราะปลอดภัยกว่าผักที่ไปซื้อตามตลาด อีกทั้งยังประหยัดรายจ่ายส่วนหนึ่งของบ้านไปในตัวด้วย            หญิงสาวคิดอย่างมีความสุขก่อนจะผงะเมื่อพบเข้ากับใครบางคนที่หน้าบ้าน จะหมุนตัวหนีก็ไม่ทัน เพราะอีกฝ่ายหันมาเห็นกันก่อน            “คุณป้า”            “มึงมาทำอะไรที่นี่อีนาง!” คำถามที่มาพร้อมแรงกระชากทำให้ใครหลาย ๆ คนต่างตกใจที่ได้เห็น            และไม่ทันที่ใครจะคาดคิดฝ่ามือหนัก ๆ ก็ถูกตบเข้าที่แก้มซ้ายของคณานางค์อย่างแรง ครั้นจะเข้าไปช่วยก็มีเสียงเข้มดูทรงอำนาจของเจ้าของบ้านดังขัดขึ้นเสียก่อน            “ก็แล้วทำไมลูกสะใภ้ของผมจะอยู่ที่นี่ไม่ได้!”            เป็นเกษมที่เอ่ยขึ้น สายตาจ้องมองคนที่อยู่ในสถานะลูกหนี้อย่างไม่สบอารมณ์อย่างหนัก ด้วยนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำร้ายคนในปกครองของเขาแบบนี้            “พาหนูนางเข้าไปข้างในก่อนแม่เยาว์” เมื่อประมุขของบ้านออกคำสั่ง นางเยาว์ที่เฝ้ามองดูอยู่ไม่ไกลก็รีบโผเข้าหาคณานางค์ทันที            “นัง…ยัยนางมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันคะ” สินีได้ทีถามขึ้น แม้จะพอเดาได้แต่ก็ไม่คิดว่านังลูกเมียน้อยจะกล้าหน้าด้านถึงขนาดพาตัวเองมาอยู่ที่นี่ นี่มันคงคิดจะชุบตัวเสมอกับลูกสาวของตนได้ ไม่มีวันหรอก!            “หนูนางจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงมันคงไม่สำคัญหรอกครับ สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือหนูนางกำลังท้องหลานของผม ลูกของเจ้าจิณ”            “ละ…ลูก นังนางมันท้องเหรอคะ”            “ครับ หนูนางกำลังตั้งท้อง ไหน ๆ คุณนีก็อุตส่าห์มาหาผมถึงที่นี่แล้ว เอาเป็นว่าผมจะขอพูดตรง ๆ ก็แล้วกัน เงินสองล้านที่คุณนีหยิบยืมไปผมยกให้ ถือเสียว่ามันเป็นค่าสินสอดที่คุณกับสามีดูแลลูกสะใภ้ของผมมาตลอดก็แล้วกันนะครับ และในเมื่อตอนนี้หนูนางเป็นลูกสะใภ้ของผมแล้ว ผมไม่ต้องการให้อะไรหรือใครมาทำร้ายลูกสะใภ้ของผมอีก หวังว่าคุณนีคงเข้าใจนะครับ” เกษมย้ำชัดถึงสถานะของคณานางค์ให้อีกคนได้รู้ด้วยน้ำเสียงที่แม้จะไม่พอใจ แต่อีกฝ่ายก็ฉลาดพอที่จะไม่โวยวายให้เสียเรื่อง อย่างน้อยก็ยังดีที่อีเด็กนั่นทำให้นางไม่ต้องหาเงินมาใช้หนี้ ถึงจะเจ็บใจแต่ก็ต้องข่มอารมณ์ไว้ สบโอกาสค่อยเอาคืนทีหลังยังไม่สาย            “ค่ะ ยังไงนีก็ต้องขอขอบคุณคุณเกษมนะคะที่เมตตานีกับครอบครัว ถ้าอย่างนั้นนีขอตัวกลับเลยก็แล้วกันค่ะ” นางพูดก่อนจะพาตัวเองขึ้นรถแล้วออกคำสั่งให้คนขับรีบพากลับบ้าน ด้วยไม่อยากให้ใครหน้าไหนได้เห็นอารมณ์ที่กำลังเดือดจัดจนต้องรีบหาทางระบายโดยด่วน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD