ตอนที่6 ยุแหย่

2728 Words
สิตากลับมาถึงบ้านในตอนค่ำก่อนจะพบกับพลอยใสและเดือนแรมในบ้านแค่สองคน มือเรียวจึงรีบปล่อยผมที่ยาวสลวยลงมาปิดต้นคอตัวเองเพื่อปิดรอยแดงที่ชาคริตทำไว้ก่อนหน้านี้ “คุณแม่ กลับมาแล้วเหรอคะ”เสียงใสละจากการบ้านตรงหน้าแล้วหันไปทักทายผู้เป็นแม่ “ทำไมบ้านเงียบจัง คุณพ่อไปไหนเหรอคะ” “คุณภูมิพาข้าวหอมไปโรงพยาบาลน่ะค่ะ น่าจะถูกแมงป่องต่อยแล้วแพ้หนัก” เดือนแรมเป็นคนตอบคำถามนั้น ทำให้สิตาเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะรีบหยิบมือถือกดโทรหาสามีทันที “ข้าวเป็นยังไงบ้างคะภูมิ” (ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วล่ะ หมอให้ยาไปแล้วแต่ต้องนอนดูอาการที่โรงพยาบาลหนึ่งคืน) ปลายสายตอบกลับมาสายตายังจับจ้องไปยังร่างที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง “แย่จังเลยนะคะ ไม่รู้ไปทำเอาท่าไหนถึงได้โดนกัดเอา” (เห็นว่าโดนกัดตอนกวาดขยะในสวนน่ะ ว่าแต่...น้องพลอยล่ะ หลับแล้วเหรอ) เขาเอ่ยถามถึงลูกสาว “ยังทำการบ้านอยู่เลยค่ะ“ (คุณจะมานอนเป็นเพื่อนข้าวหอมไหม ผมจะได้กลับ บางทีผู้หญิงด้วยกัน ข้าวอาจจะไม่ลำบากใจ) “เอ่อ...ไม่ดีกว่าค่ะ พอดีว่าวันนี้สิเหนื่อย ๆ น่ะค่ะ กลัวไปแล้วจะนอนไม่หลับ” สิตารีบปฏิเสธ ถึงเธอจะเป็นน้าแท้ ๆ แต่ก็ใช่ว่าสนิทจนถึงขั้นที่ต้องเป็นห่วงเป็นใยกันขนาดนั้น “คุณไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวสิพาน้องพลอยเข้านอนเอง แล้วเดี๋ยวตอนเช้าจะไปส่งที่โรงเรียนด้วยดีไหมคะ” “ดีค่ะคุณแม่” เสียงพลอยใสดังขึ้นในขณะที่เจ้าตัวกำลังเก็บการบ้านใส่ในกระเป๋าแล้ววิ่งไปนั่งบนตักมารดาเพื่อขอคุยกับพริษฐ์ “ฝากคุณพ่อช่วยดูแลพี่ข้าวหอมด้วยนะคะ น้องพลอยเป็นห่วงพี่ข้าว” (ได้สิคะ น้องพลอยทำการบ้านเสร็จก็รีบเข้านอนนะคะ) “ค่ะคุณพ่อ” เมื่อสิ้นเสียงพลอยใส ชายหนุ่มก็รีบกดวางทันทีเพราะไม่อยากจะสนทนากับสิตาเสียเท่าไหร่ ทำให้คนที่กำลังอ้าปากพูดต่อต้องรีบปรับสีหน้าแทบไม่ทัน “คุณพ่อวางแล้วเหรอคะ” “ค่ะ น้องพลอยทำการบ้านเสร็จแล้วใช่ไหมคะ” หญิงสาวหันไปถามลูกสาวพลางชะเง้อมองการบ้านที่ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว “เสร็จแล้วค่ะ” “งั้นเดี๋ยวน้องพลอยขึ้นไปรอคุณแม่ที่ห้องนะคะ อาบน้ำเสร็จคุณแม่จะไปนอนเป็นเพื่อน จะได้เล่านิทานให้น้องพลอยฟังด้วย” “ได้ค่ะ คุณแม่” พลอยใสรับปากอย่างว่าง่ายก่อนจะตามเดือนแรมขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ทำให้สิตายิ้มออกมาด้วยความพอใจ พริษฐ์ไม่อยู่ก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้ใช้โอกาสนี้ทำดีกับพลอยใส หากวันนึงต้องหย่ากัน ลูกสาวเพียงคนเดียวจะได้ไปอยู่ในการเลี้ยงดูของเธอ ดวงตากลมโตกระพริบถี่ก่อนจะตื่นขึ้นในเช้ามืดของอีกวันเพราะความหิว เจ้าของใบหน้าซีดเซียวพยายามขยับกายลุกนั่ง สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสนก่อนที่จะหันไปปะทะกับร่างสูงที่กำลังนั่งสัปงกอยู่ตรงโซฟาใกล้ ๆ “น้าภูมิ...” “หืม...” ชายหนุ่มส่ายหน้าไล่ความง่วงออกไปทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก “ตื่นแล้วเหรอ” “นี่น้าภูมิพาหนูมาโรงพยาบาลเหรอคะ” “อืม ก็เราไข้สูงจนหมดสติไป จะไม่พาได้ยังไงล่ะ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบพลางถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วยื่นไปแตะหน้าผากกลมกลึงแผ่วเบาเพื่อตรวจเช็คอุณหภูมิ “ตัวไม่ร้อนแล้วนี่” “ถ้าอย่างนั้นน้าภูมิ พาหนูกลับบ้านเลยได้ไหมคะ ไปตอนนี้เลย” “จะไปได้ไง เรายังไม่หายดีเลยนะ” “รีบไปเถอะค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วจริง ๆ ” ว่าพลางรีบถลาลงจากเตียงจนพริษฐ์ต้องรีบจับเอาไว้ “เป็นอะไร พิษมันแล่นเข้าสมองจนเพี้ยนไปแล้วหรือไง” “หนูต้องรีบกลับค่ะ มานอนค้างคืนแบบนี้หลายบาทแน่ ๆ ” ข้าวหอมโอดครวญ ทำให้ชายหนุ่มถึงกับหลุดขำออกมาทันที “นี่อย่าบอกนะว่าที่เรารีบกลับเพราะกลัวค่ารักษา” “ใช่ค่ะ แม่เคยบอกว่าโรงพยาบาลหรู ๆ แบบนี้ค่าใช้จ่ายแพง ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งแพง หนูอยู่ไม่ได้หรอกค่ะ ไม่มีเงินมากขนาดนั้น” “ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอกน่า ยังไงวันนี้หมอก็ให้กลับอยู่แล้ว ส่วนเรื่องค่ารักษาเดี๋ยวฉันออกให้ เธอเป็นหลานสิตาก็เท่ากับว่าเป็นหลานของฉันเหมือนกัน” “แต่ว่าหนูเกรงใจ...” “หิวไหม เดี๋ยวฉันลงไปหาอะไรมาให้ทาน” พริษฐ์ทำทีเปลี่ยนเรื่องเพื่อเป็นการตัดบท ทำให้ข้าวหอมยกมือขึ้นจับท้องของตัวเองไว้รู้สึกหิวขึ้นมาทันที “หิวค่ะ หิวมากด้วย” “งั้นรอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวฉันมา” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะหายไปครู่ใหญ่แล้วกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับขนมปังและโกโก้ร้อน หญิงสาวจึงรีบจับมันเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เพียงไม่นานหมอเจ้าของไข้ก็เข้ามาตรวจดูก่อนจะพบว่าไม่มีอาการแทรกซ้อนอื่นใดนอกจากแผลที่ยังระบมอยู่เท่านั้น แพทย์จึงลงความเห็นให้กลับบ้านได้ “เท่าไหร่เหรอคะน้าภูมิ” ข้าวหอมเอ่ยถามหลังจากที่พริษฐ์พาเธอมารอชั้นล่างเพื่อจัดการค่าใช้จ่ายรอกลับบ้าน “แค่หมื่นนิด ๆ น่ะ” ชายหนุ่มตอบแบบไม่ใส่ใจแต่อีกคนกลับตะโกนลั่นออกมาด้วยความตกใจ “หมื่นเลยเหรอคะ ! แค่มานอนให้น้ำเกลือนิดเดียว หมื่นนึง ถ้านอนเป็นเดือนไม่เท่ากับแสนเหรอคะ” “จะเสียงดังทำไม อายคนเขา ไม่เห็นหรือไงคนเยอะแยะ” พริษฐ์รีบห้ามไว้ เข้าใจว่าข้าวหอมคงจะคุ้นชินกับอนามัยที่เกาะฟ้าคราม พอเห็นค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่วจึงตกใจเป็นธรรมดา “ก็หนูตกใจนี่คะ ไม่คิดว่าจะแพงขนาดนั้น ลำพังแค่เรื่องโฉนดที่ดินที่น้าภูมิช่วยไถ่มาให้มันก็มากพออยู่แล้ว” “ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันไม่หักเงินเดือนเราเหมือนที่สิตาบอกแน่นอน ขอแค่เธอรักและดูแลเอาใจใส่น้องพลอยแทนฉันก็พอ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วเหมือนรอให้อีกฝ่ายตอบรับเพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและสิตามันจะจบลงยังไง “ได้สิคะ ได้อยู่แล้ว น้องพลอยก็เป็นน้องสาวของหนูเหมือนกัน หนูสัญญาค่ะว่าจะรักและดูแลน้องพลอยให้ดีที่สุด” ข้าวหอมให้คำมั่นสัญญาก่อนจะลูบท้องตัวเองป้อย ๆ “แต่ตอนนี้ น้าภูมิรีบพาหนูกลับบ้านทีได้ไหมคะ หนูหิวอีกแล้วค่ะ กินแค่ขนมปังมันไม่อยู่ท้องเลยสักนิด อยากจะกินข้าวฝีมือพี่เดือนมากกว่า” “ได้สิ ฉันเองก็รีบเข้าบริษัทเหมือนกัน” พูดจบเขาก็ช่วยประคองร่างบางไปที่รถเพื่อจะกลับบ้านเมื่อไปถึงก็พบกับสิตาและพลอยใสที่กำลังเดินสวนออกมาเพื่อจะไปโรงเรียนแบบพอดิบพอดี “พี่ข้าวกลับมาแล้ว” คนตัวเล็กร้องลั่นด้วยความดีใจพร้อมกับถลาไปกอดข้าวหอมไว้เต็มแรง ทำให้หญิงสาวเกือบจะล้มลงจนพริษฐ์ต้องรีบคว้าเอวบางเอาไว้ “เบา ๆ หน่อยสิคะน้องพลอย พี่ข้าวยังไม่หายดี” “น้องพลอยขอโทษค่ะ น้องพลอยดีใจมากไปหน่อย” ว่าพลางก้มลงมองเท้าเล็กที่ยังระบมเพราะพิษของแมงป่องด้วยความรู้สึกผิด “พี่ข้าวคงจะเจ็บมากเลยใช่ไหมคะ” “แม่ก็ว่าคงจะเจ็บน่าดูนั่นแหละค่ะ” สิตาเดินเข้าหยุดตรงหน้า ปรายตามองไปที่เท้าของข้าวหอม แม้คำพูดจะดูเหมือนเป็นห่วงแต่น้ำเสียงและสายตาบ่งบอกเป็นอย่างดีว่าเธอไม่พอใจ “ดูสิคะ ขนาดเดินยังต้องให้คุณพ่อช่วยประคองเลย” “มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ใจจริงพ่ออยากจะอุ้มพี่ข้าวด้วยซ้ำ” พริษฐ์ขบกรามแน่น รู้สึกเหลืออดกับสิตาเต็มที ทำมาเป็นหึงหวงทั้งที่ตัวเองก็แอบไปนอนกับคนอื่นมาเหมือนกัน “จริงด้วยค่ะ แบบนี้ยิ่งระบมแย่เลยนะคะ” พลอยใสผละจากร่างบางแล้วหันไปบอกบิดาแทน “น้องพลอยว่าคุณพ่ออุ้มพี่ข้าวไปดีกว่า เดี๋ยวระบมขึ้นมาพี่ข้าวจะเจ็บเอานะคะ” “ได้สิคะ” ชายหนุ่มยิ้มกริ่มก่อนจะออกแรงอุ้มข้าวหอมขึ้นมาต่อหน้าสิตา “มะ...ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ค่ะน้าภูมิ หนูเดินไหว” “ไม่ไหวหรอก เชื่อฉันสิ” เขาหันไปสบตาศรีภรรยาแล้วเดินหายเข้าไปในบ้านก่อนจะตะโกนออกมาอีกครั้ง “น้องพลอยรีบไปโรงเรียนนะคะ เดี่ยวจะสาย” “ค่ะคุณพ่อ” พลอยใสตอบแล้วจึงหันไปจูงมือสิตาไปที่รถ “ไปเถอะค่ะคุณแม่” “น้องพลอย ! ทำไมพูดกับคุณพ่อแบบนั้นล่ะคะ” หญิงสาวชักมือหนีพร้อมกับดุลูกสาวเบา ๆ เพราะกลัวพริษฐ์จะได้ยิน “ทำไมล่ะคะ ก็พี่ข้าวเจ็บอยู่นี่คะ” “แม่ว่าสำออยเสียมากกว่า” ว่าแล้วจึงรีบพาพลอยใสไปที่รถ ปิดประตูแล้วเริ่มยุแหย่ตามแผนที่วางไว้ “น้องพลอยไม่กลัวพี่ข้าวแย่งคุณพ่อไปเหรอคะ” “ทำไมต้องแย่งด้วยล่ะคะ” “ก็น้องพลอยไม่เห็นหรือไงว่าคุณพ่อเขาเป็นห่วงพี่ข้าวมากแค่ไหน ขนาดมาอยู่แค่ไม่กี่วันยังอุ้มกันแบบนั้น อีกหน่อยถ้าพี่ข้าวแย่งคุณพ่อไปได้ ระวังน้องพลอยจะกลายเป็นหมาหัวเน่าเอานะคะ” “จริงเหรอคะ คุณแม่ ฮือ...น้องพลอยไม่อยากเป็นหมาหัวเน่า” พลอยใสร้องให้โฮด้วยความไร้เดียงสา คิดว่าพริษฐ์จะทิ้งตัวเองไปจริง ๆ “โอ๋ โอ๋ ไม่ร้องนะคะ ถึงคุณพ่อไม่รักแต่แม่รักน้องพลอยนะคะ” สิตารีบสวมกอดลูกสาวไว้ด้วยความรักทั้งที่ใจจริงเธอหวังแค่ผลประโยชน์มากกว่า ไหน ๆ ก็จะไปใช้ชีวิตกับคนใหม่ ไม่จำเป็นที่จะต้องหอบหิ้วภาระอย่างลูกติดไปด้วย “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่จะอยู่ข้าง ๆ น้องพลอยเสมอนะคะ ถ้าน้องพลอยสัญญาว่าจะอยู่กับแม่ แม่ก็จะรักและอยู่กับน้องพลอยตลอดไป” “ค่ะคุณแม่ น้องพลอยจะอยู่กับคุณแม่ค่ะ” หนูน้อยร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดที่เธอคุ้นชินมาตั้งแต่แบเบาะ ถึงสิตาจะเป็นแม่ที่ไม่เอาไหน ไม่ค่อยมีเวลาให้เหมือนพริษฐ์ แต่สำหรับเธอแล้วขึ้นชื่อว่าแม่ก็ถือได้ว่าเป็นโลกทั้งใบที่ไม่อาจให้ใครมาพรากไป ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่แท้ ๆ กำลังหลอกใช้เธอเป็นเครื่องมือ แทนที่จะรักและหวังดีเหมือนที่พูดไว้ “คุณสิตา สวัสดีค่ะ” นภา เลขา ฯ ประจำตัวเอ่ยทักทายเมื่อเห็นเจ้านายสาวเดินเข้ามาในบริษัทหลังจากที่ส่งพลอยใสเสร็จ “อืม...วันนี้มีตารางที่ไหนบ้างล่ะ” “ไม่มีตารางนอกค่ะ มีแต่ลูกค้าเข้ามารอพบ” นภาตอบพลางผายมือไปที่ห้องทำงานของสิตา “ลูกค้าที่ไหน ฉันไม่ได้นัดไว้เสียหน่อย” “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เขาบอกว่าเป็นลูกค้า ตอนนี้รออยู่ในห้องแล้วด้วยค่ะ” “อืม ขอบใจมาก” พูดจบหญิงสาวก็กระแทกเท้าเข้าไปในห้องก่อนจะพบกับชาคริต ชู้รักที่เดินทางมาหาถึงบริษัท “กูดมอร์นิ่งครับที่รัก” “นี่คุณจะบ้าเหรอ ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาที่นี่” สิตารีบปิดล็อคประตูลงกลอนอย่างแน่นหนาทันทีเพรากลัวว่าจะมีใครผ่านมาได้ยินเข้า “ก็ผมทนคิดถึงคุณไม่ไหวนี่ครับ” “คิดถึงฉันหรือคิดถึงเงินกันแน่” หญิงสาวถามกลับอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงถังแตก ต้องรีบบินกลับอเมริกาในอีกไม่กี่เดือน เงินที่มีอยู่จึงร่อยหรอลงทุกที “ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละ ทำไมเหรอ...คุณให้ผมไม่ได้รึไง” “อ๊ะ...นี่คุณ” สิตาผวาเฮือกเมื่ออีกฝ่ายผลักเธอให้กึ่งยืนกึ่งนั่งบนโต๊ะทำงานก่อนจะแยกขาเรียวออกเพื่อใช้มือเข้าไปบดคลึงเม็ดเกสรที่คุ้นชินเป็นอย่างดี “ทำที่นี่ไม่ได้” “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ แบบนี้แหละตื่นเต้นดี ไม่มีใครผ่านมาเห็นเสียหน่อย” พูดจบก็ยกเท้าเรียวขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ อ้าขาเป็นรูปตัวเอ็ม แหวกชั้นในตัวจิ๋วไปด้านข้างก่อนที่เขาจะโน้มตัว งามงับกลีบกุหลาบที่บานฉ่ำ ดูดกลืนน้ำหวานเข้าปากอย่างหิวกระหาย เพียงไม่นานร่างงามก็สั่นสะท้านเสร็จสมจนถึงสรวงสวรรค์ คนที่รู้งานเป็นอย่างดีจึงรีบยืนขึ้นจัดการงัดลำกายแกร่งที่พร้อมผงาดออกมาจ่อปากทางเข้าทันที “พอแล้วค่ะ เลขา ฯ อยู่หน้าห้อง อ๊ะ...อ๊าย...” เสียงประท้องเงียบหายกลายเป็นเสียงครางแทนเมื่ออยู่ ๆ ชาคริตก็ดึงดันอาวุธร้ายเข้าไปในโพรงชื้นแฉะก่อนจะกระแทกรุนแรงจนศีรษะเล็กสั่นไหวไปตามแรงปรารถนา เพียงไม่นานมือที่เคยผลักไสก็คล้องลำคอหนาไว้ก่อนจะรั้งให้เขาโน้มตัวลงมาเพื่อมอบจูบที่แสนหวานฉ่ำให้เป็นรางวัล “อ๊ะ แรงอีกนิดค่ะ แรงอีก อืม...” สิตาครางกระเส่าไม่เป็นภาษาถึงจะพยายามเก็บเสียงของตัวเองไว้แค่ไหน แต่ความร้อนแรงของชู้รักมันก็ทำให้เธอเผลอไผล หลงไหลในรสเสน่หาจนโงหัวไม่ขึ้น “ชอบไหม ที่รัก อา...” “ชอบค่ะ คุณนี่ยังรู้ใจฉันเหมือนเดิมเลยนะคะ อ๊ะ ! “ พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ถอดถอนตัวตนออกแล้วจึงจับพลิกร่างงามให้ก้มหน้าลงบนโต๊ะ จับสะโพกผายขึ้นให้พอดีกับระดับเอว เพียงแค่เขาใช้ส่วนปลายถูไถไปตามร่องก้น หญิงสาวก็พร้อมใจจะอ้าขาอำนวยความสะดวกเพราะรู้ว่าชาคริตต้องการอะไร “เข้ามาเลยค่ะ อ๊าย...ซี๊ด” คนใต้ร่างสูดปากครางทันทีที่ส่วนนั้นมันแทรกซึมเข้าไปผ่านช่องทางด้านหลัง ยังไม่ทันจะส่งเสียงร้อง นิ้วเรียวก็จ้วงลงไปยังช่องทางข้างหน้า แอ่นสะโพกตอกอัด สลับกับนิ้วที่ขยับเข้าออก ทำให้สิตาถึงกับครางออกมาด้วยความรัญจวน เป็นความสุขที่ทะลักล้นออกมาเพราะเธอไม่เคยได้รับมันจากสามีอย่างพริษฐ์เลยสักครั้ง “ผมทำดีขนาดนี้คุณต้องให้รางวัลผมหน่อยแล้วนะ” ชายหนุ่มกระซิบใกล้กับแก้มเนียนใส พร้อมกับงามงับใบหูเล็กจนสิตาตัวชา ร้อนรุ่มไปทั้งร่าง “ได้สิคะ คุณอยากได้อะไร ฉันจะหามาให้คุณทุกอย่างเลยค่ะ ซี๊ด...แต่...ตอนนี้ อ๊าย...ช่วยแรงอีกนิดได้ไหมคะ” “ได้สิครับ ที่รัก” พูดจบมือหนาก็ออกแรงอดใบหน้าสวยลงบนโต๊ะแล้วออกแรงกระแทกหนักน่วง ส่งตัวตนเข้าไปในช่องทางด้านหลังสลับกับนิ้วเรียวที่ยังทำงานอย่างไม่รู้เหนื่อยก่อนที่เขาจะเสร็จสม รีบถอดถอนแกนกายออกมา จิกผมที่สยายยาวของสิตาเพื่อให้หญิงสาวงามงับดูดกลืนมันเข้าไปจนแทบจะถึงคอ ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากิจกรรมรักที่ร้อนแรงนั้นถูกใครบางคนแอบถ่ายไว้ ผ่านช่องเล็ก ๆ ที่ประตูก่อนจะกดส่งไฟล์ไปยังมือถือของพริษฐ์ทันที ขออภัยที่ไม่สามารถเน้น NC ที่พระนางได้ น้องข้าวของเค้ายังไร้เดียงสาเกินไป แฮร่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD