Tulip 7

1837 Words
Tulip 7 หลังจากเจอกันครั้งนั้นเราก็มีนัดกันไปเที่ยวบ้าง ไปกินข้าวบ้าง และระหว่างที่กำลังตัดคลิปที่เพื่อนไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นอยู่นั้น ยัยเพื่อนตัวดีของฉันก็ไปเที่ยวที่ลาว ดูเอาเถอะว่าชอบเที่ยวขนาดไหน เที่ยวทุกเดือนเลยก็ว่าได้ แต่ถึงแม้จะมีคนติดตามเยอะแล้วและมีคนติดต่องานเข้ามาแต่เพื่อนฉันก็ไม่รับเลยสักงานบอกว่าแค่อยากเที่ยวให้ทุกคนได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ เท่านั้น ส่วนวันนี้ฉันยังคงมาทำงานที่ร้านช่วยพี่พิมพ์ ตอนนี้ช่วยนั่งรับออเดอร์และรอเวลาออกไปส่งดอกไม้อยู่นั่นแหละ แต่กินกาแฟไปแล้วนะทำไมตอนนี้ถึงได้รู้สึกง่วงมากขนาดนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน “ขวัญ” “จ๋าพี่มาลี ว่าไงเอ่ย” ขานรับพี่ที่ร้านพร้อมกับหันไปมองอย่างสงสัย “ดอกไม้พร้อมแล้วค่ะ” พี่มาลีเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มติดจะขำ เมื่อเห็นว่าฉันกำลังทำหน้าง่วงมากแค่ไหน “ไหวไหมเนี่ย” พี่มายด์ที่เห็นก็รีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยในทันที แน่นอนว่าฉันคนนี้แข็งแกร่งมาก “ไหวค่ะ สบายมากเลย มีส่งที่ไหนบ้างคะ” รีบเปลี่ยนเรื่องและขยับเข้าไปดูใบรายการสั่งซื้อที่ถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบ “วันนี้ส่งเยอะเลย” “ที่จริงมีส่งเยอะกว่านี้นะ อันไหนที่ไม่อยู่ใกล้พี่จ้างขนส่งเอกชนแทนไปแล้ว” พี่มายด์บอก แต่ก็เข้าใจได้อีกนั่นแหละ ฉันส่งคนเดียวไม่ไหวแต่ที่ส่งก็ถือว่าช่วย ๆ กันทำงาน อีกอย่างนะออเดอร์เข้าเยอะมากในส่วนที่ให้เราไปส่งน่ะ แต่บางวันก็ต้องปฏิเสธลูกค้าไปเพราะออเดอร์เยอะแล้วกลัวจะทำไม่ทันหรือทำออกมาได้ไม่ดี “คอนโดนี้เมื่อวานก็ไปส่งนะคะ ชื่อนี้เลยด้วย” ฉันบอกพี่มายด์ปลายนิ้วก็ชี้ลงบนข้อมูลที่เห็น “อ้าวเหรอ พี่ก็ไม่ค่อยได้สังเกต แต่วันนี้เขาสั่งดอกกุหลาบนะปกติเขาสั่งดอกอะไร?” พี่มายด์ถามมือก็หยิบสติกเกอร์คิวติดที่ด้านหลังช่อดอกไม้ เพื่อที่ฉันจะได้รู้ว่าช่อไหนเป็นของใคร เพราะในใบรายการจะมีคิวแปะไว้อยู่เหมือนกัน “ปกติสั่งดอกทิวลิปค่ะหนูจำได้” “อ๋อ วันนี้ดอกทิวลิปหมดเขาเลยสั่งกุหลาบแทน” พี่มายด์หลุดยิ้มบาง ๆ ก่อนจะมองหน้าฉันมือก็ยื่นใบเสร็จของลูกค้าและใบรับส่งสินค้าให้ฉัน “ฝากด้วยนะ” “สบายมากค่ะ” ฉันรับปากด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเก็บของใส่กระเป๋าสะพายข้าง จากนั้นก็ทยอยขนดอกไม้ไปวางเรียงที่รถ พี่มาลีและพี่มายด์ก็ยกช่อดอกไม้ตามออกมาช่วยกัน จัดเรียงเมื่อเรียบร้อยแล้วฉันก็เริ่มเดินทางไปส่งดอกไม้ตามจุดต่าง ๆ วันนี้ไม่รีบเหมือนอย่างทุกวัน แต่ถึงแม้จะไม่รีบฉันคนนี้ก็ยังไม่สามารถแวะซื้อกาแฟได้อีกสักแก้ว ใช้เวลาเกือบสี่ชั่วโมงก็ทยอยส่งดอกไม้จนใกล้หมดเหลือเพียงแค่ลูกค้าคนสุดท้ายที่อยู่คอนโด ฉันไม่รอช้าที่จะขับรถไปยังคอนโดแห่งนั้น และเช่นเคยที่จะเป็นพี่ ๆ พนักงานตรงล็อบบี้ทำหน้าที่รับดอกไม้นั้นไปถึงแม้วันนี้ฉันจะได้ยินพี่ ๆ คุยกันว่าใครบางคนไม่อยู่หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ แต่ก็ช่างเถอะขอแค่งานฉันเสร็จก็พอแล้ว “กลับมาแล้วค่ะ” ช่วงเวลาหกโมงครึ่งฉันกลับเข้ามาที่ร้านที่มีพี่พิมพ์นั่งจัดดอกไม้อยู่ ใกล้ ๆ กันนั้นเป็นน้องลมที่มานั่งเล่นอยู่ด้วย “ขวัญ วันนี้มีส่งดอกไม้ที่บริษัทรับเหมาอะ ถนนหมายเลขเจ็ด” “กี่ช่อเหรอคะ?” ระหว่างที่ถามมือก็วางใบเสร็จต่าง ๆ ลงในตะกร้า “หนึ่งช่อ แต่ใหญ่นิดหน่อย” “เดี๋ยวเอารถยนต์ไปค่ะ อ้อ มื้อเย็นสั่งมาเลยก็ได้นะคะ เราจะได้ไม่ต้องทำ” เพราะเหมือนพี่สาวจะต้องจัดดอกไม้อีกหกถึงเจ็ดช่อเลยล่ะ ไม่อยากให้เหนื่อยไปมากกว่านี้แล้ว “ได้ ๆ ช่อที่ต้องส่งพี่จัดใกล้เสร็จแล้วล่ะ” พี่พิมพ์บอก ได้ยินแบบนั้นจึงเดินไปนั่งรอระหว่างนี้ก็ชวนน้องลมคุยเล่นไปเรื่อยนั่นแหละ ทำความรู้จักกันอีกสักนิด และดูเหมือนน้องจะไม่ค่อยกล้าคุยกับฉันสักเท่าไหร่เลย เหมือนกลัวหรือไม่ไว้ใจก็ไม่รู้ต่างจากเวลาที่คุยกับพี่พิมพ์เพราะเจ้าตัวดูไม่มีกำแพงอะไรมาต่อต้านเลย “ลมวันนี้กินข้าวด้วยกันไหม” “ขอบคุณครับ แต่ว่าผมต้องกลับไปที่อู่” น้องตอบกลับมาอย่างเกรงใจ น้องทำงานที่อู่ซ่อมรถค่ะ หลังเลิกงานก็จะมาหาพี่พิมพ์พร้อมกับแซนด์วิชหรือบางครั้งก็มีนมมาให้ด้วย น่ารักมากฉันกับพี่ ๆ ที่ร้านนี่อิจฉาตาร้อนกันไปหมด เพราะอยากมีคนส่งขนมส่งน้ำแบบนี้ “น่าเสียดายจัง” “น้องมีงานเร่ง” พี่พิมพ์บอกฉันมาแบบนั้น แต่ไม่รู้ว่าพี่สาวจะรู้ตัวไหมว่าตอนนี้ตัวเองทำหน้าแบบไหนอยู่ ใบหน้าที่ติดจะน้อยใจแบบนั้นทำให้น้องลมถึงกับรีบละล่ำละลักอธิบายเพิ่ม “แต่ แต่ผมจะอยู่เป็นเพื่อนพี่พิมพ์ก่อนครับ รอคุณขวัญกลับมา” น้องรีบอธิบายประโยคคล้ายกับจะบอกฉัน แต่สายตาที่อ่อนโยนนั้นกลับมองพี่พิมพ์เพียงแค่คนเดียว เนี่ย! คลั่งรักกันให้ฉันอยากจะกรี๊ดอีกแล้ว พี่มายด์! กลับมากรี๊ดเป็นเพื่อนหนูก่อน สองคนนี้เขาคลั่งรักกันอีกแล้ว “ทำหน้าอะไรแบบนั้น” พี่พิมพ์หันมามองหน้าหลังจากที่คุยอะไรบางอย่างกับน้องลมเสร็จแล้ว “หนูเขิน หนูอยากกรี๊ด” ตอบพี่สาวอย่างตรงไปตรงมาทั้งยังมองหน้าพี่สาวเขิน ๆ “ปวดหัวเลย อย่าเพิ่งกรี๊ดค่ะไปส่งดอกไม้ให้พี่ก่อน” “รับทราบค่ะ สั่งข้าวด้วยนะเหมือนจะหิวแล้ว” ฉันย้ำกับพี่พิมพ์ มือก็รับช่อดอกไม้และใบรายการมาตรวจเช็กสถานที่ที่จะต้องไปส่งในตอนเย็นแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าใครสั่งนะแต่มืดค่ำแล้วแบบนี้ที่บริษัทจะยังมีคนอยู่ไหมล่ะ แต่ก็เอาเถอะลองไปส่งก่อน “ไปแล้วนะคะ” บอกพี่สาวและอุ้มช่อดอกไม้ออกจากร้านทันที “เดินทาง ๆ” พึมพำบอกตัวเองเสียงเบาระหว่างที่ค่อย ๆ เคลื่อนรถออกจากที่จอดรถของบ้าน ค่อย ๆ ขับไปบนท้องถนนที่รถแสนจะติดเพราะยังอยู่ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวของการเลิกงาน ขับไปตามเส้นทางเรื่อย ๆ กระทั่งถึงบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งฉันถึงได้เดินอุ้มดอกไม้ลงจากรถไปยังจุดที่มียามอยู่ “มาส่งดอกไม้ค่ะ” “สักครู่นะครับ” ลุงยามบอกมาแบบนั้นฉันจึงต้องยืนอุ้มช่อดอกไม้ไว้อยู่ดังเดิม “ครับนาย ครับ ได้ครับ” คุณลุงคุยโทรศัพท์สักพักก็หันมามองหน้าฉัน “เดี๋ยวเอาวางไว้ที่โต๊ะตัวนู้นนะครับ” คุณลุงชี้ไปยังโต๊ะตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ไกลเล็กน้อยจากจุดด้านหน้าที่ฉันกำลังยืนอยู่ “ได้ค่ะคุณลุง แต่รบกวนคุณลุงเซ็นรับให้หนูหน่อยนะคะ” ฉันวางใบรับสินค้าให้คุณลงบนโต๊ะทำงานจากนั้นก็เดินไปตามทางเดินเพื่อที่จะได้วางช่อดอกไม้ไว้บนโต๊ะอย่างที่คุณลุงแจ้งไว้ก่อนหน้านี้ ภายในบริษัทนี้ใหญ่มากเลยนะกว้างขวางมาก ๆ เลย และเหมือนตอนนี้ยังมีพนักงานที่ยังทำงานอยู่ ภายในห้องที่อยู่ติดกับโต๊ะตัวที่ฉันจะต้องวางดอกไม้มีไฟเปิดอยู่ และเหมือนจะมีคนอยู่ภายในห้องด้วยนะ ฉันวางดอกไม้ลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวังก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานว่าส่งงานแล้วและส่งรูปให้พี่ ๆ ที่ร้านดูด้วย “ไม่ออกไปล่ะคะ?” “ไม่ล่ะ” เสียงคุยกันเบา ๆ ดังออกมาจากห้องนั้นที่มีคนอยู่ เหมือนอยู่ห่างกันเพียงแค่กระจกกั้นเลยเพราะฉันได้ยินเสียงชัดมาก แต่ก็ทิ้งความสงสัยทุกอย่างไว้แล้วเดินออกมายังจุดที่มีคุณลุงนั่งอยู่ “เซ็นแล้วครับ” ลุงยามรีบเอ่ยบอก “ขอบคุณค่ะลุง กลับแล้วนะคะ” ฉันเอ่ยบอกคนมีอายุตรงหน้าก่อนจะหยิบใบเสร็จแล้วออกจากบริษัทแห่งนี้มา และในหัวฉันตอนนี้คิดถึงกับข้าวที่พี่พิมพ์จะสั่งไว้ให้อย่างตื่นเต้นแล้ว หิวมากแล้วล่ะ มื้อเย็นของเราสองพี่น้องมีอาหารหลายอย่างวางอยู่ แต่หลังจากกินข้าวเสร็จจากที่ตั้งใจไว้ว่าเราจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนก็ต้องหัวเสียเมื่อแม่โทรมาหาฉันอีกแล้ว “รับเลย เปิดลำโพงให้พี่ได้ฟังด้วย” พี่พิมพ์บอกมาแบบนั้น ฉันจึงรับสายแม่และเปิดลำโพงให้พี่พิมพ์ได้ยินด้วยกัน ฉันเหนื่อยที่จะต้องคุยกับแม่แล้ว ไม่ชอบเลย “ค่ะแม่” (ทำไมแกไม่ไปตามนัด) เริ่มต้นประโยคด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ฉันถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปอย่างที่ตัวเองอยากจะพูด “หนูไม่อยากไปค่ะ หนูไม่อยากแต่ง” (ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้พี่แกแต่ง) “คิดว่าบังคับได้ก็ลองดูค่ะ” พี่พิมพ์เอ่ยแทรกขึ้นมาทันที เท่มากพี่สาวฉัน (นี่พวกแก...) “แม่ไม่ได้ใส่ใจเราอะไรขนาดนั้นด้วยซ้ำ จู่ ๆ จะมาบังคับให้แต่งงาน หนูไม่รู้ว่าแม่คิดอะไรอยู่นะคะ แต่อย่ามาบังคับเราทั้งสองคน” พี่พิมพ์บอกแม่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไร้วี่แววที่จะล้อเล่น (ฉันเป็นแม่พวกแกนะ!) “แค่ทำให้เกิดค่ะ เพราะแม่ไม่เคยเลี้ยงพวกหนูเลย อย่าโทรมาสร้างความลำบากใจให้น้องหนูอีก” พี่พิมพ์เอ่ยย้ำเสียงเข้ม ก่อนจะหันมาพยักหน้าส่งให้ฉัน เห็นแบบนั้นก็รีบกดวางสายทันที “คิกคิก สุดยอดเลยค่ะ พี่พิมพ์เท่มาก” รีบยกนิ้วโป้งเอ่ยชมพี่สาวทันที คนที่คอยเป็นครอบครัวและคอยปกป้องฉันอยู่ตลอดไม่ว่าจะจากเรื่องอะไรก็ตาม พี่พิมพ์คือคนที่ฉันรักมากที่สุดจริง ๆ ค่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD