2

1101 Words
ไม่แม้แต่จะจอดดูเธอสักนิด หัวสมองจดจำป้ายทะเบียนอย่างรวดเร็ว เลขตองสามตัว ป้ายทะเบียนประมูลแบบนี้ เธอไม่มีวันลืมแน่ “ขับรถภาษาอะไรวะ ไม่มีน้ำใจ ซื้อมารึไงใบขับขี่น่ะ โธ่เว้ย” หลังโวยวายอยู่คนเดียวจนไม่เห็นประโยชน์อะไรอีก เธอตัดสินใจพารถออกมาจากตรงนั้น ดีที่ไม่เสียหายจนขับต่อไม่ได้ แล้วนำมันไปจอดรอที่ร้านก๋วยเตี๋ยวของคนรู้จักกัน ที่ที่เป็นท่ารถตู้ผ่านไปหน้ามหาวิทยาลัย พร้อมฝากกุญแจไว้กับเจ้าของร้าน อีกเดี๋ยวพ่อจ๋าคงให้คนงานมาตามเอากลับ วันเสาร์นี้เธอไม่ต้องใช้บริการมันอีกแล้ว เพราะจะวานเพื่อนในกลุ่มให้ช่วยขับรถมาส่งพร้อมของอีกจำนวนที่ยังเหลือค้างที่หอพัก ขึ้นรถมาได้ไม่วายต้องนั่งเบียดกับคนไม่คุ้นหน้าค่าตา ร้อยพ่อพันแม่ ชายร่างอวบที่นั่งข้างๆเธอ กลิ่นน้ำหอมฉุนจนมึนหัว แรกทีเดียวทำทีมีมารยาทนั่งเหนียมๆหนีบๆ แต่พอคนขับตีนผีปาดซ้ายนิดขวาหน่อย ก็เทน้ำหนักทิ้งตัวมาทางเธอจนหญิงสาวแทบแบนติดผนังรถ ให้ตายเหอะ วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย จวบจนสายที่ศศิธิดาลงจากรถตู้โดยสารนั่นได้ เธอเดินตรงเข้าไปในมหาวิทยาลัยด้วยความเร่งรีบ วันนี้ทางคณะนัดเด็กปีสุดท้ายที่มีกำหนดจบในอีกสามเดือนมาเพื่อแนะแนวก่อนจบ พร้อมกับที่มีบริษัทชั้นนำหลายแห่งเข้ามารับใบสมัครของพวกเธอเพื่อนที่ประสงค์จะเข้าทำงานกับบริษัทเหล่านั้นสามารถเดินเรื่องในวันนี้ได้เลย ช่างสะดวกอะไรเช่นนี้ แต่เธอมีเป้าหมายในอนาคตอยู่แล้ว ไม่หวังไปทำงานให้ใครเพราะตั้งใจช่วยงานในสวนของพ่อจ๋าและแม่จ๋าแต่แรก หญิงสาวในชุดนักศึกษาพอดีตัวไม่รัดรูปเหมือนหญิงสาวคนอื่นๆในคณะ กระโปรงพีทดำจีบรอบตัวยาวกรอมเท้า ทั้งยังสวมรองเท้าผ้าสีทึบทึมแบบที่ชอบ การแต่งตัวเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นจนเด็กสาวรุ่นน้องทั้งในและต่างคณะคิดว่าเธอเป็นพวกชอบเพศเดียวกัน หอบดอกไม้เอย ช็อคโกแลตเอยมาให้ทุกวาเลนไทน์ตั้งแต่เข้าศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เดินอาดๆเข้าไปในห้องสโลปหมายเลขที่อาจารย์บอกไว้ พลันเสียงทักทายก็ดังต้อนรับขึ้นมาทันที “มาแล้ว มาแล้ว พี่ว๊ากมาแล้วเว๊ย” กมลเพื่อนร่วมคณะที่ยังรักสถาบันไม่ยอมจบพร้อมเธอ ร้องทักทายประสมป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ว่าศศิธิดามาแล้ว “ไม่ไปประกาศออกไมค์หน้าห้องเลยล่ะกมล” หญิงสาวที่ถูกกล่าวถึงย้อนอย่างเซ็งๆ ก่อนกระแทกตัวนั่งลงที่เก้าอี้ข้างกายคนพูด ตวัดสายสะพายกระเป๋าออกจากลำตัว ไขว้ขานั่งเอนตัวพักเหนื่อย แล้วหยิบกระดาษแข็งที่วางบนโต๊ะโบกพัดให้ตนเอง “อารมณ์เสียอะไรแต่เช้าล่ะ แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง ไปกินข้าวกันก่อนไหมอิน” กมลเสียงอ่อนลงแบบนี้ทุกที ที่เห็นเธอฟาดงวงฟาดงา ถามไถ่แทบจะเหมือนพี่ชายของเธอก็ว่าได้ “ยังไม่กิน” ศศิธิดาตอบ แล้วระบายอารมณ์ต่อ “จะไม่ให้อารมณ์เสียแต่เช้าได้ไง” เธอบ่นให้กมลฟังเรื่องอุบัติเหตุในตอนเช้า พอเล่าจบเป็นจังหวะเดียวกับที่คนฟังสะกิดเรียกให้หันหน้าออกไปดูนอกชั้นเรียนที่อยู่ห้องล่างสุดของอาคาร ตรงข้ามกับอีกคณะพอดิบพอดี “อิน เจ้าชายแกมานู่นแล้ว” ศศิธิดาหันขวับไปมองตามที่อีกฝ่ายบอก ชายหนุ่มหน้าหน้าหวาน ขาวและใสสไตล์เกาหลี ลงจากรถยุโรปคันเดียวกันกับเมื่อเช้า สายตาของเธอไล่ไปตามป้ายทะเบียนรถที่เคลื่อนตัวออกไปพอดี นั่นมันรถคันเดียวกันเลยนี่นา หันมาบอกกมลด้วยท่าทีอ่อนลง “เออ ไม่โกรธแล้วก็ได้ ที่แท้ก็รถของพ่อเทพบุตรสุดหล่อนี่เอง” กมลมองแล้วอดอิจฉาชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้ แต่ไม่กล้าแสดงออกให้อีกฝ่ายรู้ ได้แต่แหย่ไปอีกเรื่องว่า “เอาคนนี้เลยดีไหมอิน ไปให้แม่จ๋าแกดู ว่าแกน่ะมีแฟนแล้ว จะได้เลิกจับคู่ให้เสียที” คนพูดพูดออกไปใจพลันปวดแปลบ เพราะเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงตั้งแต่เข้าวัยรุ่น แอบชอบศศิธิดามานาน ชอบมากจนตามมาเรียนคณะและมหาวิทยาลัยเดียวกัน นี่ถ้าเจ้าตัวรู้เข้า กมลคงโดนเธอตัดเพื่อนเป็นแน่ “ความคิดดีนี่กมล แต่...ไม่เอาดีกว่า ที่เราชอบน่ะเพราะหน้าตาเขาดูจิ้มลิ้มน่ารักเหมือนผู้หญิงต่างหาก ไม่ได้อยากเอามาทำพันธ์หรอกน่า” “จริงเหร้อ” คนถามลากเสียงสูง ใจเต้นตูมตาม เมื่อรู้ว่าหญิงสาวที่ตนแอบชอบไม่ได้คิดอะไรกับกระทาชายรายนั้นที่เป็นถึงเดือนคณะ หน้าตาหวาน ฐานะทางบ้านดี สาวๆยังติดมันเกรียวอีก ใครจะติดก็ติดไป ขอแค่ศศิธิดาไม่ไปสนใจก็พอ “เซ้าซี้ถามทำไมนักกมล” หญิงสาวหงุดหงิดใส่เพื่อนอีกครั้ง เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อน แม่จ๋าและพ่อจ๋าเพิ่งนัดลูกชายร้านปุ๋ยในตลาดให้เธอได้รู้จักกับทางนั้น รู้ทั้งรู้ว่าใจจริงของผู้ใหญ่คืออยากให้เธอเกี่ยวดองด้วย แถมหมอนั่นยังทำท่าจะเล่นตามเกมเสียอีก ศศิธิดาเลยแสร้งทำสงบเสงี่ยมให้ผู้ใหญ่ตายใจ พอลับหลังแค่ขู่นิดขู่หน่อย นายนั่นก็กลัวจนหัวหดไม่กล้าติดต่อกลับมาอีกเลย ก่อนหน้านู้น...ก็ชายแก่คราวพ่อ ที่ผู้ใหญ่แนะนำให้รู้จักกับเธอ แค่มองตาก็รู้ว่าตานั่นโลลิคอน อยากกินเด็กใจจะขาด พอสบโอกาสเหมาะเธอแกล้งบีบน้ำตานิดเดียวเท่านั้น ออกตัวว่าสงสารผู้ชายที่คิดจะมาแต่งงานกับเธอ เพราะตัวเองเพิ่งตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว คิดแล้วสะใจอยู่เลยที่หมอนั่นหน้าเหลือไม่ถึงเซ็นต์ เผ่นกลับทางเดิมแทบไม่ทัน ฮึ! จะต้องมีใครมาดูแลทำไมกัน เธอดูแลตัวเองได้ พ่อจ๋ากับแม่จ๋าคิดมากกันไปก็ปวดหัวเปล่าๆ “แล้วทำไมต้องรีบให้อินแต่งงานด้วยวะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD