"จริงเหรอพ่อ..คิ๊กคิ๊กคิ๊ก นี่..ยิ่งพูดยิ่งอยากเห็น อยากเห็นคนที่ทำให้น้ำแข็งละลายได้ อยากมากเลย" คุณนายพิชญาออกความเห็น
"เอากันเข้าไป ผมไม่ไปด้วยนะ ก็เค้าบอกอยู่ว่าไม่ต้องเอาไปให้แล้วก็ยังจะไป อยากไปก็ให้คนรถพาไปกันเองละกัน ไม่รู้ถูกอกถูกใจอะไรนักหนา" ชายหนุ่มบนพร้อมกับเดินจากไป
"พ่อ พ่อคิดว่าไงล่ะ?"
"เจอแล้วมั๊ง"
"จริงเหรอ เด็กมากเลยนะ"
"คนของเรามันแก่กว่าเค้าเองนิ่ ทางโน้นน่ะยี่สิบจะยี่สิบเอ็ดปีแล้ว
"ไหนว่าหลาน"
"เอ้า ถ้าได้มาเป็นลูกแล้วดีมั๊ยล่ะแม่ ดีกรีคุณหมอด้วยน๊า"
"เออ..ดี..ดี...พ่อ ยุเลยซิ"
"ยุไม่ได้ ไอ้นี่มันต้องตรงกันข้าม"
"หืม...อืม...พ่อพูดก็มีเหตผลนะ"
______________________
ตัดมาที่พิทยาหลังจากปลีกตัวออกมาจากร้อยแปดคำถามของมารดาได้จึงมาหาที่สงบนั่งดูงานไปเรื่อย ๆ สักพัก
สายเรียกเข้าจากแดนไตร
พิทยา: ว่าไงเพื่อน
แดนไตร: เสียงเหมือนหมาหงอยเลยว่ะ
พิทยา: อย่าหาเดาไปทั่ว มีไรว่ามา
แดนไตร: กุจะแต่งอยากให้มึงเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว
พิทยา: เมื่อไหร่ว๊ะ กุจะได้เคลียร์ตัวเอง
แดนไตร: อีกสามเดือนข้างหน้าเดี๋ยวส่งการ์ดให้ทางไลน์เลยนะทำตัวให้ว่างล่ะ
พิทยา: เออน่ะ ไม่ว่างก็ต้องว่าง มั๊ยว๊ะ น้องสาวคนเก่งกุจะแต่งทั้งทีแต่ดั๊นมาได้กับมึงนี่แหละ กรรม
แดนไตร: กรรมที่ไหน บุญนำพาต่างหาก
พิทยา: เออ บุญก็บุญ แค่นี้ใช่มั๊ยจะได้วาง
แดนไตร: คร้าบ หงุดหงิดอะไรเนี่ย หรือมีใครแหย่มึง เดี๋ยวกุจัดการให้
พิทยา: ช่างเหอะ กุจะวางล๊ะ
แดนไตร: เออ เออ ติ๊ด พิทยากดวางสาย
ด้านแดนไตร
หลังจากเพื่อนรักวางสายไปเค้ารู้สึกแปลก ๆ กับปฏิกิริยาของเพื่อนรัก
??…ใครทำอะไรมึงว๊ะ..ไอ้พิท..เหมือนน้อยใจ..เหมือนเด็กถูกแย่งของเล่น..อะไรของมึง..?? แดนไตรบ่นพึมพำคนเดียว
"บ่นอะไรคะเฮีย คิ้วขมวดเป็นปมแล้วนั่น" เป็นปลายรุ้งที่เดินเข้ามาพร้อมกับชุดน้ำชาและคุ๊กกี้ซึ่งชายหนุ่มก็รีบรับมาวางที่โต๊ะใกล้ ๆ แล้วรีบเอื้อมมือไปคว้าเอวคนตัวเล็กจนเสียหลักล้มเข้ามาหาเขา ชายหนุ่มใช้จังหวะนั้นรวบเอวคนตัวเล็กไว้แล้วอุ้มขึ้นนั่งบนหน้าขาตัวเองอย่างง่ายดาย
"โทรหาไอ้พิทมัน ให้มันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว แต่ฟังน้ำเสียงมันหงุดหงิด ๆ ยังไงชอบกล"
"หงุดหงิดเหมือนตอนเฮียเจอปลายช่วงแรก ๆ แบบนั้นมั๊ยคะ?"
"อื้อ...คล้าย ๆ นะ" แดนไตรเลิกคิ้วสูงพร้อมกับจิบชาแล้วกัดคุ๊กกี้เพียงครึ่งส่วนอีกครึ่งส่งเข้าปากคนตัวเล็ก
"เจอแล้วแต่ไม่รู้ตัวรึเปล่าคะ"
"หือ...มีเหตผล..เป็นไปได้..เก่งนะเนี่ยเมียใครหว่า"
"หึหึหึ เมียเฮียดามค่ะ"
แดนไตรกอดคนตัวเล็กอย่างแนบแน่นแล้วจุ๊ฟปากคนตัวเล็กซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ โดยไม่มีการลุกล้ำเข้าไปข้างในเพราะหลังจากเขาและเธอเป็นของกันและกันเพียงครั้งเดียวชายหนุ่มก็ไม่ได้ล่วงเกินเธออีกเลยเพื่อเก็บไว้รอวันเข้าหอเลยทีเดียวและลุ้นเบบี๋ไปพลาง ๆ
"โอ๊ย กุตาย รักจะบ้าตายอยู่แล้ว เข้าหอเดี๋ยวนี้เลยเถอะ"
"ไม่ได้ ลุ้นเบ่บี๋ก่อน เผื่อน้องมาเดี๋ยวหลุด"
"....ทำไมมันยากจังหืม...จุ๊ฟ.." คนตัวโตได้แต่จูบไปบ่นไปอย่างขัดใจ
_____________________
สามเดือนผ่านไป
ปารดีและมารดาเดินทางกลับไปเยี่ยมป้าที่ภูเก็ตในวันหยุดยาว
@ภูเก็ต@บ้านแก้วตา
"ดวงใจเอ๊ย ดูแลลูกดีดีนะมาได้ครึ่งทางล๊ะ อย่าให้เป๋เด็ดขาดเลยนะอีกไม่กี่เดือนก็ขึ้นปีสี่ล๊ะ"
"ค่ะพี่แก้ว หนูจะดูแลลูกอย่างดีเลยค่ะ จะไม่ให้เลือดไม่ดีมันมาทำให้ลูกสาวคนเดียวของหนูมัวหมองได้หรอกค่ะ"
"อภัย ปล่อยวาง อย่าผูกพยาบาท เธอก็เหมือนกันต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกนะ"
"ค่ะพี่แก้ว ขอบคุณพี่แก้วนะคะ ถ้าไม่มีพี่หนูคงลำบาก พี่เป็นทั้งพี่และแม่ของหนูเลย" ดวงใจพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาและสั่นในตอนปลายคล้ายกำลังสะกดอารมณ์บางอย่าง
"อือ พี่ก็รักเธอ รักหลานนะ หวังฝากผีฝากไข้ พี่ชัยพี่เขยแกก็แก่ตัวขึ้นทุกวันไม่รู้ว่าใครจะตายก่อนใครดี" แก้วตาพูดกลั้วหัวเราะเพราะไม่อยากให้น้องสาวคนเดียวอยู่กับอารมณ์ซึมเศร้าเพราะเธอเคยผ่านมันมาแล้วตั้งแต่สูญเสียลูกชายด้วยโรคไข้เลือดออก
"อย่าเศร้าซิ หนูกับลูกไม่ทิ้งพี่กับพี่ชัยแน่นอน พี่ชัยก็เปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของหนูนะ" กลายเป็นคนน้องที่ปลอบคนพี่เสียเอง
"เออ อาทิตย์หน้าพี่ต้องไปงานแต่งงานเจ้านายนะ นายใหญ่ขอมาให้ไปช่วยน่ะ ไม่ไปไม่ได้ซ๊ะด้วย ดีนะที่เป็นวันหยุด"
"เหรอ ที่ไหนล่ะพี่"
"ฟาร์มดวงเดือนสระบุรีโน่น แต่แต่งเสร็จก็มาอยู่ภูเก็ตกัน เห็นว่างั้น"
"อ้าวแล้วพี่ไปไงล่ะ พี่ชัยไปด้วยมั๊ย?"
"คนของนายใหญ่จะเอารถมารับไปสนามบิน แล้วก็มีคนรับจากสนามบินไปที่ฟาร์มน่ะ พี่ไปคนเดียว พี่ชัยเค้าไม่ไปด้วยหรอกรายนั้นเค้าติดอู่กระดิกได้ที่ไหน" (สามีของเธอเปิดอู่ซ่อมรถยนต์กิจการดีทีเดียวเพราะราคากันเอง) แก้วตาได้แต่ปลงในใจว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เมื่อเค้าอยากรู้ ก็ให้เค้ารู้กันไป เรามีแต่ความจริงใจซ๊ะอย่าง ไม่ได้อาฆาตมาดร้ายอะไรใครสักหน่อย