ละลายพฤติกรรม

1240 Words
หลังทานมื้อเช้าเสร็จ หนุ่มสาวก็ขอตัวพากันออกมาจากบ้าน เพื่อนเดินทางไปเที่ยวในเมือง อิงนรีค่อนข้างอึดอัด เพราะวางตัวไม่ถูก เนื่องมาจากที่พลั้งปากไปพูดว่าเหนือภูผาแต่งตัวคล้ายว่าจะไปทำไร่ทำสวน เธอไม่ได้มีเจตนาจะบูลลี่* การแต่งตัวของเขา แต่เพราะคิดน้อยไป ถึงได้พูดออกไปอย่างนั้น "วันนี้เราจะไปไหนกันดี" เหนือภูผาเป็นฝ่ายเริ่มก่อบทสนทนาขึ้น เพราะเห็นว่าขับรถไกลมาเป็นสิบกิโลแล้ว แต่กลับยังไม่ได้ยินเสียงพูดเลย มีเพียงเสียงเพลงเก่าๆ ที่เขาหยิบติดมาเปิดด้วยเพราะเห็นว่าจะต้องเดินทางไกล "คุณพาไปไหน อิงก็ไปหมดนั่นแหละค่ะ อิงไม่เคยมาเที่ยวเชียงใหม่ ก็เลยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี" ที่เงียบไปนั้นเพราะกำลังหาโอกาสขอโทษอีกฝ่ายอยู่ เธอยังคงรู้สึกผิดที่เผลอพูดไม่ดีกับเขาอยู่ "งั้น...ไปไหว้พระไหมครับ" อิงนรีถึงกับต้องหันไปดูหน้าของคนพูด แต่พอเห็นหน้าของเขาชัดๆ เธอก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจสักเท่าไหร่ ที่เขาเสนอมาแบบนั้น คนอย่างอิงนรีน่ะหรือจะเข้าวัด ไม่มีทางซะหรอก เพราะแค่ให้ตื่นแต่เช้ายังยาก กว่าร่างบางจะดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง พระท่านก็จะฉันเพลเสียแล้ว แต่ในเมื่อเธอดันไปต้องตาต้องใจหนุ่มมาดนิ่งสายธรรมะเข้าแล้ว เขาจะพาไปไหนก็คงต้องว่าตามนั้น "ก็ดีนะคะ เดินทางมาตั้งไกล ไปไหว้พระให้ท่านช่วยปกปักคุ้มครองสักหน่อยก็ดี" อิงนรีแกล้งว่า คนฟังคลี่ยิ้มกับคำพูดของหญิงสาว ทำให้เธอต้องมุ่นคิ้วแสดงความสงสัย "คุณยิ้มอะไรคะ หรืออิงพูดอะไรผิดไป" เธอเอ่ยถามหน้าเสีย "เปล่าครับ แค่ไม่คิดว่าคนอย่างคุณอิงจะคิดแบบนั้น" "คิดแบบนั้น?" เธอไม่ค่อยเข้าใจว่าเธอพูดอะไรผิดไป ไปไหว้พระเพื่อให้ท่านคุ้มครองก็ถูกแล้วไม่ใช่หรือ "เราเข้าวัดทำบุญไหว้พระ เพื่อให้สบายใจขึ้นน่ะครับ ผมคิดแบบนั้น" "อ๋อ..." "เหมือนกับการทำบุญ ผมจะเถียงกับคุณแม่ตลอดเลยว่า ทำบุญเยอะๆ จะได้บุญเยอะมันไม่จริง บุญก็คือความสบายใจ ความสุขที่เกิดขึ้น หลังจากที่เราได้ทำความดี เหมือนเวลาที่เราทำบุญถวายปัจจัยไปให้กับพระท่าน แต่ปรากฏว่าพระท่านกลับเป็นพระปลอม จริงๆ คนทำคงจะโกรธที่โดนหลอก แต่ผมมองว่ามันไม่สำคัญหรอกว่าเราทำบุญกับใคร เราทำไปแล้วสบายใจก็พอ คนรับจะเอาไปทำอะไรมันก็เป็นกรรมของเขาแล้ว..." พูดมาได้ครู่หนึ่งเหนือภูผาก็หยุด เขาเหลือบมองดูสาวสวยที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ เธอกำลังตั้งใจฟังเขาอย่างมาก "ผมขอโทษด้วยนะครับ พอดีชวนคุยไม่ค่อยเก่ง ก็เลย..." "ไม่เป็นไรค่ะ ปกติอิงไม่เคยเจอใครมาเทศน์ให้ฟังแบบนี้เลย แปลกไปอีกแบบ" เธอไม่ได้โกหก ผู้ชายที่เข้าหาเธอนั้นมีแต่ไฮโซที่หวังจะเคลมเธอไว้เคี้ยวเล่นๆ แล้วคายทิ้ง พวกเขามักจะพูดแต่เรื่องความร่ำรวย และความฮอตของตัวเองที่มีต่อผู้หญิงคนอื่น ไม่ก็หว่านคำหวานโง่ๆ ฟังแล้วชวนอ้วกใส่ พอมาเจอเหนือภูผาที่พาคุยเรื่องทำบุญ แถมยังเป็นแนวคิดแบบคนรุ่นใหม่ มันเลยทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก มันไม่ได้ฟังแล้วน่าเบื่อชวนง่วง หรือนี่จะเป็นเพราะความรักมันบังตากันแน่ "เหรอครับ ปกติแล้วคนที่มาจีบคุณอิงเขาคุยเรื่องอะไร" คนขับรถเอ่ยถามขึ้น "ถามทำไมคะ จะจำเอามาจีบอิงเหรอ" คนถูกถามแกล้งแซว "ผมแค่อยากจะศึกษาเอาไว้บ้างน่ะครับ เราสองคนจะได้รู้จักกันมากขึ้นด้วย" "คุณไม่ได้ติดอะไรจริงๆ ใช่ไหมคะ ที่ต้องมาแต่งงานกับอิง" อิงนรีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เธอเองนั้นไม่ได้ติดปัญหาอะไรถ้าต้องแต่งงานกับเขา เพราะว่าเธอนั้นพอใจในรูปร่างหน้าตาของเหนือภูผา แต่อีกฝ่ายสิ เหมือนเธอยังไม่รู้เลยว่าถ้าต้องแต่งงานกัน เขาจะยอมรับเพราะอะไร เพียงเพราะถูกแม่บังคับหรือ นี่มันไม่ใช่ละครย้อนยุคแล้วนะ "ผมยินดีครับ" "ทั้งที่ยังไม่รู้จักอิงเลยน่ะเหรอ" "ก็ทำให้ผมรู้จักคุณสิ ตอนนี้ผมก็รู้แค่ว่าคุณชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ ทำงานอะไร แค่นั้น ส่วนนิสัยใจคอคงต้องสัมผัสด้วยตัวเองถึงจะเข้าใจ" "คุณพอใจอะไรในตัวอิงบ้างไหม" อิงนรีตัดสินใจถาม "เราเพิ่งจะรู้จักกันเอง คำถามนี้คงจะตอบยากไปหน่อย" "งั้นก็แปลว่าที่คุณยอมแต่งงานกับอิง ก็เพราะถูกคุณป้าบังคับงั้นสิ?" "แล้วคุณล่ะครับ ยอมแต่งงานกับผมเพราะอะไร หรือว่าพอใจอะไรในตัวผมบ้างหรือเปล่า?" พอถูกถามกลับ อิงนรีก็รู้สึกว่าไม่กล้าที่จะตอบออกไปตรงๆ ก็มันจะไม่ดูน่าเกลียดไปหน่อยหรือไง ถ้าเธอต้องบอกเขาว่าเธอพอใจในความหล่อ ความล่ำ ความน่ากินของเขา "ช่างมันเถอะค่ะ แล้วตกลงว่า คุณจะพาอิงไปไหน" อิงนรีตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องแทน ส่วนเหนือภูผานั้นก็ไม่ได้อยากจะคาดคั้นเอาคำตอบจากอิงนรีอยู่แล้ว เธอไม่ตอบเขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไร "ก็คงจะหาวัดเล็กๆ ริมทาง แวะไหว้พระสักหน่อย" คนขับเอ่ยตอบ "ทำไมไม่ไปวัดใหญ่ๆ ล่ะคะ?" "คนเยอะน่ะครับ อีกอย่าง ความตั้งใจของเราแค่อยากจะไหว้พระ ไปวัดไหนก็เหมือนกัน แต่ถ้าคุณอิงอยากจะไปถ่ายรูป ผมก็พาไปได้" เขาอธิบาย อิงนรีก็รู้สึกว่าเห็นด้วยกับความคิดนี้ เพราะถ้าไปวัดดังๆ คนก็จะเยอะต้องไปเบียดเสียดกับคนมากมาย ไหนจะควันธูปที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย อีกทั้งแดดร้อนจ้าที่ต้องยืนตากระหว่างรอคิวไหว้พระอีก "ถ้างั้นคุณว่าไง อิงก็ว่างั้นแล้วกันค่ะ" เหนือภูผาขับรถเข้าไปจอดในลานวัดแห่งหนึ่ง ที่ขับมาเจอริมทาง บรรยากาศในวัดเงียบสงบ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ทั้งจากการปลูกของพระในวัด และที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ เพราะเป็นวัดที่อยู่บริเวณเชิงเขา "เงียบ...เกินไปหรือเปล่าคะ?" ร่างระหงลงจากรถแล้วกวาดตามองไปรอบๆ เธอรู้สึกว่าวัดแห่งนี้มันเงียบเชียบเสียจนน่าแปลก ไหนจะร่มจากต้นไม้สูงที่ทำให้อึมครึมคล้ายเวลากลางคืน คิดแล้วก็น่าขนหัวลุก "วัดนอกเมืองก็แบบนี้แหละครับ มาเถอะครับ ผมเคยแวะไหว้พระ พระประจำวัดนี้อยู่ในถ้ำ ถ้าคุณอิงเชื่อเรื่องดูดวง พระอาจารย์ท่านเชี่ยวชาญมากเลยนะครับ" เหนือภูผาว่าก่อนจะเดินนำไป อิงนรีรีบสาวเท้าตามไปติดๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD