บทที่ 3
สัมผัสชวนวูบไหว ใจเต้นแรง
บ้านบวรปรัชญ์
ทันทีที่อิงดาวเดินเคียงข้างอิษวัตเข้าไปภายในบ้านบวรปรัชญ์ หญิงสูงวัยผู้เอื้ออาทรความรัก ความเอ็นดูประหนึ่งเป็นแม่แท้ ๆ ช่วยบิดาดูแลเธอตั้งแต่มารดาเธอเสียชีวิตเมื่อ 12 ปีที่แล้วอ้าแขนรับเธอด้วยความคิดถึง
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
“ไหว้พระเถอะลูก ไม่เจอกันหลายเดือนคนสวยของป้าสวยวันสวยคืนขึ้นไปอีกนะคะ”
คุณอรชุมาออกปากชื่นชมหลานสาวคนสวยออกนอกหน้า ภูมิใจเป็นหนักหนาประหนึ่งว่าเป็นลูกสาวในอุทร ตั้งแต่รู้ว่าสาวน้อยในวันนั้นเป็นเด็กกำพร้าแม่ ด้วยความอยากมีลูกสาวจึงเสนอตัวและเต็มใจอย่างยิ่งช่วยคุณศศินดูแลอบรมเลี้ยงดู อิงดาวเข้านอกออกในบ้านหลังนี้ได้ประหนึ่งว่าคือคนในครอบครัว พอโตขึ้นเป็นสาวสวยเรียนระดับมหาวิทยาลัยจึงห่างหายไปบ้างตามภาระหน้าที่ซึ่งเธอเข้าใจดี
“อิงก็ยังเป็นเด็กกะโปโล แสนซน ของคุณป้าเหมือนเดิมนะคะ”
“ไม่จริง ใครบอกว่าหลานสาวป้าเป็นเด็กกะโปโลนี่ป้าเถียงขาดใจเลย ดูสิหุ่นก็สวย ตาก็หวาน ผิวก็ขาวเนียนเสียขนาดนี้ ส่งเข้าประกวดนางงามได้เลย ใครที่บอกว่าไม่สวยก็ตาไม่ดีแล้วล่ะ จริงไหมตาอิฐ”
หันไปขอแรงเสริมจากบุตรชายคนโตที่เดินเคียงกันเข้ามาภายในบ้าน หากแต่ว่าคนที่ถูกขอความเห็นนั้นกลับมองมาที่เธอนิ่ง ๆ ไม่เอ่ยอะไร
คนเป็นแม่ตั้งท่าจะถามย้ำ ดีที่เสียงใครอีกคนลอยมาทำลายบรรยากาศชวนอึดอัดเสียก่อน
“จริงครับคุณแม่ น้องสาวผมทั้งสวย ทั้งเก่ง อีกหน่อยจะต้องได้เป็นซุปเปอร์โมเดลแถวหน้าของเมืองไทยแน่นอนครับ”
“จริงเหรอลูก”
ว่าด้วยเรื่องความฝันของการอยากเป็นนางแบบ ส่วนนี้อรรถพรหรือพี่อัทธของเธอรู้ดี เพราะหนุ่มหล่อโปรไฟล์ดีคารมณ์คมคายเป็นเลิศคนนี้กว้างขวางเจนจัดในวงการเฟ้นหาและรู้จักสาวสวยในวงการนี้ดีเสียยิ่งกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ
คนไหนที่ว่าสวย คนไหนที่ว่าแซ่บ พี่ชายเธอไม่ปล่อยให้ลอยนวลแน่นอน
“พี่อรรถก็พูดเกินไปค่ะ อิงไม่ได้จะทำเป็นอาชีพขนาดนั้นหรอกนะคะ ก็แค่อยากหาประสบการณ์ในวงการนางแบบ ได้ลองทำในสิ่งที่ตัวเองชอบก็แค่นั้น”
ปากบอกอรรถพรแต่สายตาเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมของพี่ชายอีกคนที่ไม่แสดงความเห็นใด ๆ มิหนำซ้ำยังเดินเลี่ยงจากจุดที่เราคุยกันไปพูดคุยทักทายบิดาเธอและบิดาของเขา แยกจากชัดเจนว่าไม่ได้อยู่กลุ่มพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ แต่เลือกอยู่กลุ่มธุรกิจกับผู้หลักผู้ใหญ่
ไม่สนก็ไม่สนสิ เธอจะไปแคร์คนเย็นชา หน้านิ่ง แบบนั้นทำไม
อาหารมื้อค่ำระหว่างสองครอบครัวร่วมวงรับประทานอาหารกัน คนที่ดูครึกครึ้นรับบทบาทเป็นทูตเชื่อมสัมพันธไมตรีนั้นก็เห็นจะเป็นหนุ่มหล่อคารมดีอย่างอรรถพร
“แล้วนี่อิงต้องไปเริ่มฝึกงานกับพี่อิฐตอนไหน”
“อีกสามวันค่ะ”
“ไม่เปลี่ยนใจอยากมาฝึกที่บริษัทเครื่องดื่มชูกำลังกับพี่เหรอ”
อรรรถพรลอยหน้าลอยตาชี้ชวนน้องสาวทีเล่นทีจริง อยากจะดูท่าทีใครบางคนที่นั่งรับประทานอาหารเงียบ ๆ แต่สายตาเหลือบมองไปที่สาวสวยคนเดียวในวงพูดคุยเป็นระยะ ๆ
พี่ชายเขาเป็นคนที่เก็บอารมณ์ ความรู้สึกได้เก่งเช่นนี้เสมอ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดให้จับสังเกตได้เสียทีเดียว กับอิงดาวที่เปรียบเสมือนน้องสาว ยามใดที่เด็กขี้อ้อน แสนซนในวัยเด็กคนนี้มีภัยคนที่อยู่ห่างไกล ไม่อยากเล่นกับเด็กผู้หญิงอย่างอิษวัตนี่แหละที่เป็นคนถึงตัวสาวน้อยเป็นคนแรกพร้อมคอยปกป้องน้องได้ดีเสียยิ่งกว่าเขาเสียอีก
แต่ก่อนที่อิษวัตจะเดินทางไปเป็นผู้บริหารประจำที่ฝรั่งเศส เขาเองไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น สาวน้อยที่ชอบอ้อนพี่ พะเน้าพะนอพี่ชายเขาจู่ ๆ ถึงได้ตีตัวออกห่าง พอกลับมาเจอกันอีกครั้งก็ดูเกร็งเหินห่างไม่เข้าใกล้ หรืออาจจะเพราะช่วงวัยที่เติบโตมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้
“ถ้าคุณพ่ออนุญาตนะคะ”
รู้แหละว่ายังไงเสียคำตอบของบิดาเธอก็คือ ไม่
“อย่ามาล่อลวงน้องให้ยากเลยตาอรรถ แม่ไม่ไว้ใจแกหรอก”
คนเป็นแม่ค้อนบุตรชายคนเล็กทันควัน เรื่องธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังที่เจ้าตัวทำนั้นเธอไม่ค้านว่าลูกชายกำลังไปได้สวย แต่อาการคลั่งรักแฟนเด็กของลูกชายคนเล็กก็ใช่ด้อยไปกว่ากันเสียที่ไหน
“โธ่ แม่ครับผมก็แค่เป็นห่วงน้อง กลัวพี่อิฐจะดุน้องจนน้องฝึกงานแบบไม่มีความสุข”
คราวนี้สายตาเข้มของพี่ชายมาดนิ่งพาดผ่านมาหาอรรถพรอย่างเร็วไว
“ห่วงตัวเองเถอะ ไม่ต้องมาหวังดีกับคนอื่น”
“คนอื่นที่ไหนนี่น้องสาวนะครับ หรือว่าพี่อิฐจะกินหัวน้องเหมือนกินคนอื่น”
ตีรวนกวนใจกัน คนที่เจื้อยแจ้วเจรจาเมื่อก่อนหน้ากลายเป็นเงียบฟังสองพี่น้องเขาหยอกล้อเล่นกัน รอฟังว่าเขาจะตอบน้องชายว่ายังไง
“พูดมาก จะน้องจะใครก็ต้องสอนงานเหมือนกันหมดไม่มีข้อยกเว้น”
นั่นสิก็เธอไม่ได้เป็นคนพิเศษอะไรสำหรับเขาอยู่แล้วนี่
##ยังไม่จบตอน##
หมั่นไส้คนดุเหลือเกินเนาะแม่ ๆ ดุไปเถอะ ดุเยอะ ๆ แต่ดูชื่อตอนนี้ดีๆ นะคะ EP นี้มีคนหนาวแน่นอน อิอิ
ปาสปอยล์ไปก่อนน้า
"ตรงนี้เป็นรอยแดง”
“เจ็บหรือเปล่า”
กดหัวใจ ปาคอมเมนท์มาเยอะ ๆ น้าา แม่ ๆ มาดูคนดุน้อง ไม่ชอบน้อง แต่กลับวน ๆ เวียน ๆ อยู่กับน้องนู่นนี่นั่นกับน้องตลอด ๆ
****เปิดจองเล่ม****