“อือ ไอ้เหนือ”
ดวงตาคมค่อยๆเปิดลืมขึ้นสู้แสงสว่างภายในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวของทางโรงพยาบาล
ปากหนาค่อยๆขยับเรียกบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าที่ได้เห็นเป็นคนแรกเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา
เป็นบุคคลที่คุ้นเคยและจำได้ดีด้วยเคยเห็นมาตั้งแต่จำความได้ เป็นพี่น้องกันแม้ไม่ได้เกิดจากพ่อแม่เดียวกันก็ตาม
“ไอ้แสง มึงปลอดภัยดีแล้วนะ”
พายัพตบไหล่ผู้เป็นน้องชายเบาๆด้วยความดีใจเมื่อเห็นคนที่เฝ้ารอคอยฟื้นขึ้นมาได้สักที
หลังจากที่รัตตินั้นหลับไปหลายวันจนเขาที่เป็นหมอที่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆถึงกับใจคอไม่ค่อยดี
“อือ เจ็บไปทั้งตัวเลยวะ”
รัตติค่อยขยับตัวเพื่อเช็คร่างกายของเขาอย่างช้าๆว่ามีตรงไหนแตกหักไปบ้าง เพราะว่าก่อนที่จะหมดสติไปเขาจำได้ดีว่ารถพลิกคว่ำรุนแรงมาก
“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น”
พายัพพยายามให้กำลังใจผู้เป็นน้องชายอย่างเต็มที่เพราะไม่นานอาการเจ็บตามแผลเล็กแผลน้อยของน้องชายก็จะหายดี
“เท้ากูเป็นอะไร ทำไมมันขยับไม่ได้”
รัตติเสียงดังขึ้นมาเมื่อเขาพยายามจะขยับปลายเท้าข้างซ้ายแต่ขยับไม่ได้ และความรู้สึกมันก็ไม่เหมือนเท้าข้างขวาที่พอจะขยับได้อีกด้วย
“ข้อเท้ามึงน่าจะอัดกับหินก้อนใหญ่ที่อยู่ข้างทางเลยมีแผลฉกรรจ์ เกือบขาด เส้นประสาทบางเส้นถูกทำลาย”
พายัพค่อยๆบอกเล่าอาการของข้อเท้าซ้ายให้กับน้องชายได้ฟังอย่างช้าๆเพื่อให้น้องชายของเขาได้ทำความเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“หมายความว่ากูต้องเป็นคนพิการ เดินไม่ได้”
รัตติที่ค่อนข้างหัวไวเข้าใจกับสิ่งที่พายัพพูดออกมาทันที และก็ตัดสินใจทันทีว่าตัวเขาเองต้องเป็นอะไร
“เดินได้สิวะ แต่คงไม่เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์”
คุณหมออย่างพายัพยังคงพยายามให้กำลังใจผู้เป็นน้องชาย เพราะไม่อยากให้น้องชายรีบสิ้นหวังไป
ยังไงเสียข้อเท้าซ้ายนั้นก็ยังจะกลับมาใช้งานได้ แค่อาจจะไม่เหมือนเดิมไปบ้างก็แค่นั้นเอง
“ไม่จริง”
เสียงหนาของรัตติตวาดดังไปทั่วห้องพักฟื้นเมื่อทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายไม่ได้
เขาที่กำลังมีอนาคตการงานที่รุ่งโรจน์ กำลังจะได้โกอินเตอร์ระดับโลก แต่ทุกอย่างต้องมาพังพินาศแบบนี้เพราะอุบัติเหตุที่เขาไม่ได้อยากจะให้มันเกิดขึ้น
“ไอ้แสง ใจเย็นๆ”
พายัพพยายามเข้าช่วยให้รัตติผู้เป็นน้องชายสงบสติอารมณ์ลงบ้างเพราะเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา
เขาเกรงว่าแผลอื่นๆที่เพิ่งจะเย็บเอาไว้และกำลังเริ่มผสานตัวกันดีจะปริแตกออกมาด้วย
“ออกไป ออกไปให้พ้น ไปสิวะ”
รัตติกลับไม่ยอมฟังใครทั้งนั้น เขาเริ่มอาละวาดรุนแรงขึ้นแม้ร่างกายจะยังคงนอนอยู่บนเตียงคนไข้ก็ตาม
“ให้กูอยู่เป็นเพื่อนมึงเถอะ”
พายัพยังคงทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีต่อแม้จะถูกไล่ออกไปก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้นึกโกรธเคืองอะไร เพราะเข้าใจในตัวของน้องชายคนนี้ดี
เป็นเขาก็คงทำใจไม่ได้เหมือนกันที่จะต้องตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองกลายเป็นพิการแบบนี้
“กูไม่ต้องการเพื่อน กูต้องการกลับมาเป็นปกติ มึงเข้าใจไหม”
รัตติเริ่มทำร้ายตัวเองด้วยการทุบไปตามร่างกายอย่างคนขาดสติเพราะเขาไม่อยากจะต้องอยู่ในสถานการณ์นี้อีกแล้ว เขาอยากมีชีวิตที่กลับไปเป็นปกติ ไม่ใช่คนพิการเดินไม่ได้แบบนี้
“กูจะสัญญาว่าจะพยายามรักษามึงให้กลับมาหายให้ได้”
มือหนาของพายัพเข้าห้ามผู้เป็นน้องชายที่กำลังทำร้ายตัวเองให้หยุดลง และยังคงพยายามจะหาทางรักษาน้องชายคนนี้ให้ได้
“มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้วกูรู้ดี เพราะถ้ามึงทำได้ มึงคงไม่ปล่อยให้คนไข้นอนรออยู่บนเตียงแบบนี้หรอก”
สองมือของเขาถูกจับเอาไว้ไม่ให้ขยับได้อีก แต่ปากของเขายังไงพูดจาไร้กำลังใจนั้นให้กับตัวเองอยู่
เพราะเขารู้ดีว่าสิ่งที่ผู้เป็นพี่ชายพูดออกมามันไม่มีทางเป็นจริงไปได้ เพราะถ้าทำได้คนอย่างพายัพไม่มีวันปล่อยให้เขาตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองเป็นแบบนี้หรอก
“แสงใจเย็นๆก่อน เหนือเป็นหมอที่เก่ง พ่อเชื่อว่าลูกต้องหาย”
อาทิตย์รีบเดินเข้ามาภายในห้องพักฟื้นทันทีที่ได้ยินเสียงโวยวายดังขึ้นด้วยก่อนหน้านี้เขาไปนั่งพักที่อีกห้องหนึ่งหลังจากที่เพิ่งจะเดินทางมาถึงยังโรงพยาบาล
เขาเข้าไปช่วยพายัพปลอบใจรัตติผู้เป็นลูกเลี้ยงคนสุดท้องในทันที เพราะแค่พายัพไม่น่าจะทำให้รัตติสงบลงได้
ด้วยเขาเลี้ยงลูกคนนี้มาเองกับมือเขารู้นิสัยดี รัตติไม่ค่อยยอมฟังใครมีความดื้อมากพอสมควรเหมือนนิสัยลูกคนเล็กที่พ่อแม่ตามใจทั่วๆไปไม่มีผิด
“สภาพผมมันน่าหายไหมล่ะ”
รัตติเถียงผู้เป็นพ่อเลี้ยงของเขากลับด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดังเพราะเขากำลังคุ้มสติของตัวเองไม่อยู่ด้วยกำลังเสียใจอย่างที่สุด
“ไอ้เหนือ ใจเย็นก่อนสิวะ นอนพักก่อน เดี๋ยวแผลอื่นๆก็พาลฉีกกันพอดี”
พี่น้องคนอื่นๆที่เหลือก็พาเขายกขบวนเดินเข้ามา และเข้ากันช่วยปลอบใจน้องชายคนสุดท้องทันที
“ให้กูตายไปเลยก็ดี กูไม่อยากอยู่แบบคนพิการแบบนี้ พวกมึงเข้าใจไหม”
รัตติไม่ฟังใครยังคงอาละวาดออกมาพร้อมกับดิ้นแรงขึ้นจนมือของเขาหลุดออกจากการจับกุม
พาลเอาสายน้ำเกลือที่อยู่บนหลังมือหลุดออกมา และทำให้เลือดไหลออกตามมาด้วย
“ทุกคนออกไปก่อน เดี๋ยวพ่อจัดการเอง”
อาทิตย์เห็นท่าไม่ดีรีบออกปากไล่ลูกคนอื่นๆออกไปก่อน เพราะถ้ายังอยู่กันหลายคนแบบนี้รัตติไม่มีทางสงบสติอารมณ์ได้แน่นอน
“ครับพ่อ”
สี่คนพี่น้องรีบพากันออกจากห้องของคนป่วยทันที ทั้งที่ใจยังคงอยากจะอยู่ช่วยผู้เป็นพ่อ
แต่พวกเขาต่างรู้ดีว่ารัตติไม่ค่อยฟังใคร มีความดื้อในตัวมากพอสมควร มีเพียงผู้เป็นพ่อและแม่เท่านั้นที่ปราบความดื้อนี้ได้
“นอนพักก่อนนะแสง เชื่อพ่อสิ”
อาทิตย์ปลอบลูกเลี้ยงคนเล็กของเขาอยู่นานพอสมควรจนรัตติเริ่มมีอาการสงบลงทีละเล็กละน้อย
บวกกับเริ่มอ่อนแรงเพราะใช้แรงไปเยอะทั้งที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาก็เลยทำให้สงบง่ายขึ้นอีก
“ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้วครับ”
รัตติเอ่ยอย่างหมดหวังเมื่อเห็นว่าอนาคตการงานของตัวเองต้องพังลงไม่เป็นท่าทั้งที่กำลังรุ่ง
“เหลือสิ เหลือครอบครัวของเราไง”
อาทิตย์ลูบศีรษะของลูกชายเบาๆพร้อมกับยิ้มให้เพื่อให้กำลังใจที่ไม่มีวันสิ้นสุดของคนเป็นพ่อออกไป
“เฮ้อ”
รัตติถอนหายใจยาวอย่างคนที่มีแต่ความอึดอัดอยู่ภายใจ ถึงแม้ว่าชีวิตเขามันจะเหลืออะไรแต่เขาก็ยังเป็นคนพิการอยู่ดี
“กินยาก่อนนอนหน่อยนะ”
อาทิตย์พยายามส่งยาคลายเครียดที่เตรียมกันเอาไว้ก่อนหน้าที่รัตติจะฟื้นให้เขากินเพื่อให้เขานั้นหลับง่ายขึ้น
“ผมไม่อยากตื่นมาอีกแล้ว”
รัตติยอมกินยานั้นง่ายๆเพราะรู้ดีว่ามันคืออะไร และหวังให้ยาเม็ดนี้ออกฤทธิ์รุนแรงให้เขานั้นหลับไปตลอดการ
“เฮ้อ”
อาทิตย์ถอนหายใจยาวออกมาอย่างคนหนักอกหนักใจเมื่อลูกเลี้ยงคนเล็กนั้นหลับไปแล้ว
เขาที่เป็นพ่อแทบไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรเมื่อลูกเลี้ยงคนเล็กนี้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งบนความเสียใจนี้
มันหนักหนาเหลือเกิน เพราะว่ารัตติรักร่างกายของเขามากและดูแลอย่างดีมาตลอดเพื่อมีอาชีพเป็นนายแบบที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆ