“อีกแล้วหรอคะพ่อ พลอยบอกแล้วไงคะ ว่าพลอยไม่อยากมีบอดี้การ์ด แล้วดูสิ ไม่มีใครอยู่กับพลอยได้เกินสองเดือนเลย เห็นไหมคะ ว่าพลอยไม่เหมาะกับการมีบอดี้การ์ด”
คนสวยโอดครวญ เพราะเช้าวันนี้แทนที่จะเป็นวันที่ปลอดโปร่งโล่งสบายของเธอ เมื่อบอดี้การ์ดคนล่าสุดมาขอลาออก แต่บิดาที่เคารพดันบอกว่าหาบอดี้การ์ดคนใหม่ให้เธอได้แล้ว นี่มันยังผ่านมาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง ความปลอดโปร่งใจของเธอก็หายไปหมดแล้ว
“เพราะพลอยเอาแต่ใจตัวเองมากไปไงลูก ขี้เหวี่ยงขี้วีน ไม่ทำตามที่คนของพ่อบอกเลย ใครเขาจะทนอยู่กับลูกได้”
“พลอยก็ปกตินะคะ ไม่ได้ขนาดนั้นซะหน่อย อีกอย่างก็ไม่เห็นมีเหตุการณ์อันตรายอะไรเลย ให้พลอยใช้ชีวิตปกติเหมือนเพื่อนๆ ก็ได้นี่คะ”
คนตัวบางขยับมานั่งใกล้บิดาอีกนิด แล้วสวมกอดเขาไว้อย่างต้องการออดอ้อน ซึ่งคนเป็นพ่อก็ยกแขนกอดลูกสาวสุดที่รักเอาไว้แนบอก เมื่อเธอต้องการอะไร ไม่ว่าจะยากเย็นหรือแพงแสนแพงแค่ไหน เขาพร้อมจะหามาบรรณาการเจ้าหญิงของเขาได้หมด แต่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวที่เขาไม่เคยตามใจลูกสาวสุดที่รักเลย เพราะนั่นมันหมายถึงความปลอดภัยและชีวิตของเธอ
“เห้อ ลูกก็รู้ว่ามันไม่ได้”
“แต่พ่อขา”
“ไม่ต้องมาออดอ้อนพ่อเลยยัยพลอย เราน่ะมันจำเป็นที่สุดที่จะต้องมีคนดูแล ส่งเรียนต่อสู้ป้องกันตัวก็ไม่ได้เรื่อง ชอบเที่ยวกลางคืน แต่งตัวก็โป๊ ถ้าไม่มีคนดูแล เราอาจไปเมาจนโดนลากไปทำมิดีมิร้ายแล้วก็ได้”
พชร พี่ชายคนรองเดินเข้ามาทันได้ยินน้องสาวออดอ้อนคนเป็นพ่อในเรื่องเดิมๆ ที่ไม่ว่าจะขอมากี่ครั้ง ทั้งพ่อ แม่ พี่ชาย และเขา ก็ไม่มีใครยอมตามใจเธอเลยสักคน
“พี่แพทอ่ะ ชอบขัดใจพลอย”
คนตัวบางขยับออกจากอ้อมกอดของบิดา แล้วมานั่งกอดอก ทำหน้าตางอง้ำเมื่อถูกขัดใจ ที่จริงเธอน่าจะชินได้แล้ว เพราะเวลานับสิบปีที่ผ่านมาก็โดนบังคับให้มีบอดี้การ์ดคอยดูแลมาตลอด
“ลูกกำลังจะเรียนปริญญาโทนะ ต้องออกจากบ้านไปอยู่คอนโด ต้องเดินทางไปเรียนทุกวัน ไหนจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆ อีก ยังไงพ่อก็ยังยืนยันว่าพลอยต้องมีคนดูแล”
คนสวยกำลังจะอ้าปากอุทธรณ์ แต่คนเป็นพี่ชายก็รู้ทัน จึงเอ่ยดักคอเธอเสียก่อน
“พี่กับพ่อ ยอมให้เราต่อรองจนเหลือบอดี้การ์ดแค่คนเดียวแล้วนะ จะให้เพิ่มเป็นสองคนเหมือนเดิมไหม”
“โหย ก็ได้ค่ะ แต่พลอยไม่รับปากนะคะ ว่าคนนี้จะอยู่กับพลอยได้กี่วัน อย่าลืมนะคะ ว่าพลอยมีฉายาว่าอะไร”
“จ้ะ น้องพลอย สาวน้อยร้อยบอดี้การ์ด”
พี่ชายเอ่ยแซวน้องสาว แล้วโยกศีรษะทุยของเธอเบาๆ อย่างเอ็นดู ก็พอดีกับโทมัส ลูกน้องคนสนิทที่เป็นเพื่อนรักของบิดาของเธอตั้งแต่เด็ก เข้ามาในห้องนี้ พร้อมกับชายหนุ่มร่างใหญ่ ที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างดี
“อ้าว มากันแล้ว ทอม ไคล์ นั่งก่อนสิ”
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มที่มาพร้อมกับโทมัส ปลดกระดุมเสื้อสูทแล้วนั่งลงบนโซฟา ตรงข้ามกับสาวสวยคนเดียวในห้อง ก่อนเอ่ยทักทายประมุขของตระกูลคลาร์กและลูกชายคนที่สองที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา ก่อนเบนสายตามาทางลูกสาวคนเดียวของตระกูลคลาร์ก
ดวงตาคมกริบสีเทาเบิกขึ้นเล็กน้อย ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า คือ คุณหนูพลอยชมพู คลาร์ก ลูกสาวคนสุดท้อง ที่ถูกพ่อและพี่ชายทั้งสองเลี้ยงดูราวไข่ในหิน และตามใจราวกับเป็นเจ้าหญิง
ครั้งแรกที่เขาเจอเธอ ก็ตอนที่เธอน่าจะอยู่อนุบาล สาวน้อยลูกครึ่ง ดวงตากลมโต ปากแดงจิ้มลิ้ม ใบหน้าราวตุ๊กตาฝรั่ง น่ารักน่ากอดจนเขาไม่อาจละสายตาได้ เธอมาเที่ยวบ้านเกิดของคนเป็นพ่อในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ในตอนนั้น ประมุขของตระกูลคลาร์กสั่งให้พ่อของเขา พาเขามาที่นี่เพื่อทำความรู้จักกับลูกชายและลูกสาวทั้งสามคนของเขา
วันเวลาผ่านไป เมื่อเธอต้องย้ายมาเรียนที่นี่ เขาก็มีโอกาสได้เจอเธอมากกว่าปีละครั้งสองครั้งเหมือนเมื่อก่อน แต่ยิ่งอยู่ใกล้และวัยที่เพิ่มมากขึ้น กลับทำให้ทั้งเขาและเธอห่างเหินกันไปทุกที และเขาก็ไม่อาจเอื้อมจะมาทำตัวตีสนิทกับลูกสาวของเจ้านายของพ่อ ผู้มีพระคุณกับเขา เพราะเข้าใจวัฒนธรรมไทยของเธอดีว่า ชายหญิงที่ไม่ใช่สายเลือด ไม่ควรอยู่ใกล้ชิดสนิทสนมมากจนเกินงาม เธอกับเขาจึงห่างเหินกันไปราวกับคนแปลกหน้าในที่สุด
สาวน้อยตุ๊กตาฝรั่งของเขา เติบโตขึ้นเป็นสาวสวยเต็มตัว ใบหน้าเรียวรูปไข่ขาวผ่องราวน้ำนม คิ้วเข้มถูกกันแต่งเป็นทรงสวยรับกับใบหน้า จมูกโด่งปลายเชิดรั้น ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มหวานฉ่ำ ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดน่าจูบ ผมยาวสลวยสีน้ำตาล รูปร่างผอมบาง เอวคอดกิ่ว หน้าอกอวบใหญ่โตเกินตัว เธอใส่เสื้อผ้าตามสมัยนิยมแนวเซ็กซี่ยิ่งทำให้เห็นสัดส่วนที่แสนเย้ายวนนั้นอย่างชัดเจน ไม่น่าเชื่อ หลายปีที่เขาไปเรียนต่างรัฐ เธอจะเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้
ไม่ต่างกันกับเขา คนตัวบางแสนเซ็กซี่เบิกตาขึ้นเล็กน้อย มองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างตกตะลึง
ไคเลอร์ รอสส์ ชายหนุ่มร่างใหญ่ ใบหน้าขาวผ่องหล่อเหลาไม่มีที่ติ คิ้มเข้ม รับกับจมูกโด่งจัด ดวงตาสีเทาคมกริบมีเสน่ห์ ริมฝีปากหยักได้รูปสีแดงราวผลเชอร์รี่ ผมรองทรงไถข้างสั้น จัดแต่งทรงเปิดหน้าผากกว้างกำลังดี ทุกอย่างบนใบหน้าทำให้เขาหล่อเหลาราวเทพเจ้าปั้นและมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ
นานหลายปีตั้งแต่ที่เขาเรียนจบไฮสคูลแล้วไปเรียนต่อปริญญาตรีและปริญญาโทที่รัฐอื่น เธอก็ไม่เคยได้เจอหน้าเขาอีกเลย ตอนเด็กๆ ก็ว่าเขาหล่อเหลาโดดเด่นจากผู้ชายทุกคนที่เธอรู้จักแล้ว มาตอนนี้ที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เขายิ่งดูหล่อเหลา ภูมิฐาน ท่าทางนิ่งๆ แต่แฝงไปด้วยพลังของความดุดัน ยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอเต้นแรง
“สวัสดีค่ะ ลุงทอม เอ่อ ไคเลอร์”
พลอยชมพูดึงสติกลับมา แล้วเอ่ยทักทายบุคคลทั้งสองแบบที่เคยทำมาตลอด แม้ว่าโทมัสจะเป็นเพียงลูกน้องคนสนิท ที่ปรึกษา พ่วงด้วยบอดี้การ์ดคนเก่าคนแก่ของพ่อ แต่เขาก็คือเพื่อนรักของพ่อตั้งแต่เด็กจนโต เธอและทุกคนจึงให้เกียรติเขามาก เปรียบเสมือนเพื่อนคนหนึ่งของพ่อเธอเลยทีเดียว
“สวัสดีครับ คุณพลอย ลุงพาบอดี้การ์ดคนใหม่มาส่งครับ”
พลอยชมพูเบิกตาโตกว่าเดิมเป็นเท่าตัว มองสบตาพ่อกับพี่ชายอย่างมีคำถาม ซึ่งพวกเขาก็เข้าใจดีว่าเธอหมายถึงอะไร
“ใช่ พ่อให้ไคล์มาเป็นบอดี้การ์ดของลูก คอยดูแล ควบคุมความประพฤติ รวมทั้งดัดนิสัยเอาแต่ใจตัวเองของลูกด้วย”
“พ่อ ได้ไงคะ ทำไมต้องให้ไคล์มาดัดนิสัยพลอยด้วย อีกอย่างไคล์เขาเรียนจบตั้งปริญญาโท จะให้มาเป็นบอดี้การ์ดของพลอยได้ยังไง ทำไมไม่ให้เขาทำงานอย่างอื่นคะพ่อ”
เธอเอ่ยประท้วง ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้เขามาเป็นบอดี้การ์ดของเธอ แต่เขาอุตส่าห์ไปร่ำเรียนจนจบปริญญาโทในสาขาบริหารธุรกิจ เขาควรได้ทำงานที่ได้ใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองมากกว่ามาคอยเดินตามเธอต้อยๆ แบบนี้ แล้วตำแหน่งผู้บริหารในโรงแรมที่เหมาะสมกับคนเก่งๆ อย่างเขาก็มีตั้งหลายตำแหน่ง
พอลมองหน้าลูกสาว ที่จริงเขาไม่ได้อยากจะให้ไคเลอร์มาเป็นบอดี้การ์ดของเธอหรอก เพราะเขาส่งเสียให้ไคเลอร์ไปร่ำเรียนก็เพื่อให้มาช่วยงานบริหารโรงแรมของเขา แต่บังเอิญว่าผู้ชายทุกคนที่ถูกเลี้ยงดูด้วยตระกูลคลาร์ก จะต้องเรียนรู้วิชาการต่อสู้ป้องกันตัวขั้นสูง และต้องเชี่ยวชาญการใช้อาวุธทุกประเภท ไม่เว้นแม้แต่ไคเลอร์ และด้วยบุคลิกนิ่งๆ แต่เข้มงวดและค่อนข้างดุของชายหนุ่ม จึงเหมาะที่จะมาเป็นคนดูแลความปลอดภัยของเด็กดื้อที่ต้องได้รับการดัดนิสัยคนนี้ที่สุด
เพราะฉะนั้น เขาเลยต้องเลื่อนแผนการเข้ามาทำงานของไคเลอร์ไปอีกสองปี รอจนพลอยชมพูเรียนจบปริญญาโท ค่อยให้คนทั้งคู่เข้ามาช่วยกันบริหารงานต่อไป
“เพราะไม่มีใครเอาลูกอยู่ พ่อเลยต้องเปลี่ยนแผน ให้ไคล์มาควบคุมลูกก่อน พอลูกจบค่อยมาทำงานพร้อมกัน พ่อจะให้ไคล์เป็นที่ปรึกษาของลูก ช่วยดูงานและสอนงานให้กับลูก และช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัย พอลูกทำงานเก่งจนไม่ต้องการที่ปรึกษา พ่อจะให้ไคล์เป็นผู้บริหารดูแลด้านการตลาด จนกว่าลูกจะทำใจยอมรับและเปลี่ยนนิสัยได้ พ่อถึงจะหาบอดี้การ์ดคนใหม่ที่น่าจะต้องอยู่กับลูกได้นานกว่าคนอื่นๆ มาให้อีกที”
“แล้วพ่อมั่นใจได้ยังไง ว่าไคล์จะเอาพลอยอยู่ พ่อก็รู้ว่าพลอยเป็นคนยังไง”
“พ่อรู้ และพ่อก็รู้ ว่าไคล์เป็นคนยังไง”
“แกเจอของแข็งแน่ ยัยพลอย”
พชร ยื่นหน้ามากระซิบที่ใบหูของน้องสาวเพื่อยั่วโมโหเด็กเอาแต่ใจ ก็ได้รับค้อนวงน้อยๆ ของน้องสาวสุดที่รัก ที่วันนี้ทุกคนรวมหัวกันขัดใจเธอ ไม่มีใครยอมตามใจอะไรเธอสักอย่าง
“แล้วแต่เลยค่ะ พลอยไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงอะไรอยู่แล้วนี่คะ แต่บอกไว้ก่อน ถ้าไคล์ทนพลอยไม่ไหว อย่ามาว่าพลอยแล้วกัน”
“หึ ลูกนั่นแหละ อย่ามางอแงกับพ่อแล้วกัน พ่อให้อำนาจในการดัดนิสัยเด็กเอาแต่ใจเต็มที่ ไม่มีการเกรงกลัว เกรงใจ หรือตามใจด้วยความจำยอมเหมือนบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ของลูกนะ”
“เอาเลยค่ะ รุมพลอยกันให้พอ พลอยจะไปอาบน้ำแต่งตัว คืนนี้นัดกับเพื่อนไว้ค่ะ”
“ตามสบาย ไคล์ เอาของขึ้นไปเก็บที่ห้องสิ ฉันให้เด็กจัดห้องข้างๆ ยัยพลอยไว้ให้แล้ว”
“อะไรคะพ่อ นี่ขนาดถึงขั้นให้มาเฝ้าพลอยถึงข้างๆ ห้องเลยหรอคะ ทำไมไม่ให้มานอนในห้องพลอยเลยล่ะ”
คนสวยประชด เพราะบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ก็มีเรือนนอนที่กว้างขวางและทันสมัย อยู่ด้านหลังบ้านของเธอนี่เอง ทำไมถึงต้องให้เขาขึ้นมานอนเฝ้าเธอจนแทบจะหายใจรดต้นคอกันขนาดนี้
พลอยชมพูงอนพ่อและพี่ชาย ที่อยู่ๆ ก็มารุมกันดัดนิสัยเธอเอาตอนที่เธอโตขนาดนี้แล้ว จึงเดินปึงปังขึ้นห้องไป ไม่สนใจใครอีก เก็บแรงเอาไว้ไปเที่ยวตามประสาสาวโสดกับเพื่อนๆ ของเธอคืนนี้ดีกว่า