ตอนที่ 3 (1)

1249 Words
พ่อผู้ใหญ่บ้านตื่นตั้งแต่ตีสี่มาทำเกษตรแปลงเล็กๆ ของตนเองด้านหลังบ้านที่มีผักหลายชนิด เล้าหมู และเล้าไก่ นำไปขายตลาดได้ทุกวันบางวันก็มีชาวบ้านมาขอซื้อหรือไม่ก็มารับไปขายเล็กๆ น้อยๆ พ่อผู้ใหญ่ก็จะขายให้ในราคาที่ถูกลง เพื่อช่วยให้ลูกบ้านได้มีรายได้เพิ่ม ฟ้าสว่างหน่อยก็กลับเข้าบ้านมาอาบน้ำแต่งตัวใหม่เตรียมไปทำงาน ณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ส่วนแม่ด้ายเป็นครูที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในหมู่บ้าน วันนี้จะมีการเก็บเงินค่าปุ๋ยกับชาวบ้านพ่อผู้ใหญ่จึงเตรียมหาบัญชีไว้ “เอย อาหารเช้าเสร็จแล้วนะลูก ออกมากินข้าวเร็วเข้า” แม่ด้ายเรียกลูกสาว ตักข้าวใส่จานให้สามีก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงานออกมานั่งกินด้วยกัน สักพักอาทิตยาถึงอุ้มเด็กชายหน้าตาน่าชังออกมา “กัปตันร้องไห้งอแงไม่ยอมหยุดเลยค่ะ เอยไม่รู้จะปลอบยังไง ทำยังไงดีคะพ่อแม่ แกไม่สบายหรือเปล่า เอยดูไม่เป็น” ยังอุ้มเด็กชายตัวน้อยวัยสามเดือนอย่างทะนุถนอม แม่ด้ายเห็นหลานตาแดงจึงเข้ามารับไปอุ้มแน่นมากขึ้น ฉับพลันเด็กชายค่อยๆ เงียบลงและไม่ร้องอีกเลย “ก็หนูน่ะอุ้มลูกเหมือนกลัวแกเจ็บ แต่ความจริงเด็กชอบให้อุ้มแน่นๆ เพราะแกกลัวจะหล่นลงพื้น เห็นไหม อุ้มแน่นขึ้นแกก็ไม่งอแงแล้ว” สายตาของแม่ด้ายอ่อนโยนยามบอกยามสอนก็ค่อยพูดค่อยจา “จริงด้วยค่ะ คุณแม่สอนเอยอีกหน่อยนะคะ” “เป็นแม่ที่ไม่เนียนเอาซะเลยนะ แต่พอใครถามก็บอกลูกตัวเอง” แม่ด้ายมองแรงลูกสาวตัวเอง เพราะอาทิตยาออกปากว่าเด็กคนนี้เป็นลูกคนถึงนินทากันทั้งหมู่บ้าน ถึงตอนนี้ตนออกไปซื้อของใช้ก็ยังมีคนขี้สงสัยเข้ามาถามอย่างไม่เกรงใจ แม่ด้ายก็ได้แต่ตอบไปตามน้ำว่าเป็นหลาน ก็หลานจริงๆ ไหมล่ะ ลูกของหนูเฟื่องเพื่อนลูก ก็เปรียบเสมือนหลานของตนเองนั่นแหละ “สงสัยกลัวถูกใครบางคนรุกจีบ แต่คงไม่แล้วมั้ง เขาไม่มาหาหลายวันแล้วหนิ แถมพ่อได้ข่าวนะว่าพ่ออาร์มกำลังจีบกับหนูกิมเล้ง ลูกสาวเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวในตัวอำเภอ” “มีแฟนก็ดีสิคะ จะได้ไม่ต้องมายุ่งกับเอยอีก คนอะไรช่างตื้อ” ริมฝีปากสวยระบายรอยยิ้มอ่อนๆ ออกมา เข้ามารับลูกมาอุ้มเพื่อให้มารดากินข้าวประเดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย วันนี้ทั้งวันอาทิตยาตั้งใจจะอยู่บ้านเลี้ยงกัปตันไม่ออกไปไหน อยากจะลองเข้าเน็ตดูว่าแถวนี้มีที่ไหนประกาศรับสมัครงานบ้าง ไว้ช่วงทำงานค่อยฝากหลานไว้กับมารดาที่โรงเรียนเด็กเล็ก “ปฏิเสธเก่งจริงๆ นะเราเนี่ย วางลูกไว้แล้วมากินข้าวกับแม่เร็วเข้า พ่อแม่ไม่อยู่แล้วลูกงอแงจะอดกินข้าวนะรู้ไหม” “ค่ะ คุณยาย” พูดประจบ ก่อนจะพาตาหนูไปนอนบนแปล เอามุ้งบางๆ สำหรับเด็กมาครอบกันยุงและเปิดพัดลมเบอร์อ่อนๆ พัดให้ อาทิตยากลับไปนั่งกินข้าวกับบิดามารดาส่วนสายตานั้นยังมองกลับมาที่แปลเล็กนั้นตลอดเวลา เช้านี้มีอาหารหลายอย่างเลย หนึ่งในนั้นก็แกงฮังเลที่เหลือจากเมื่อคืนวาน อาทิตยาตักข้าวใส่จานถึงสองช้อนกินอย่างเอร็ดอร่อย ตาหนูชอบตื่นกลางดึกร้องไห้งอแงทำเอาเหนื่อยจนแทบไม่ได้นอน “อาหารฝีมือเอยยังอร่อยเหมือนเดิมเลยนะ เปิดร้านขายหน้าบ้านเราดีไหมลูกจะได้ไม่ต้องไปทำงานนอกบ้าน” “ไม่เอาค่ะ เอยชอบทำงานออฟฟิศมากกว่า ว่าจะลองดูงานในตัวอำเภอน่ะค่ะ” “ออฟฟิศในไร่สัตยาไงลูก วันนั้นพี่เขาก็ชวนไปสมัคร” พ่อโยสนับสนุน ยังไม่ยอมละความพยายามในการบิ้วลูกสาว “จริงจ้ะ งานในไร่มีหลากหลายมากเอยน่าจะชอบนะ เมื่อเช้าแม่เจอลุงเดชลุงแกยังบ่นๆ อยู่เลยว่าในไร่งานยุ่งไม่มีคนคอยช่วยงานพ่ออาร์มเขา” แม่ด้ายไม่ได้อยากจะสปอยล์ลูกสาวหรอก แต่อาทิตยาเป็นคนทำงานเก่งจริงๆ จบมหาลัยดังในกรุงเทพ เกรดสูง เริ่มงานบริษัทแรกก็ท็อปไฟท์ของประเทศ เป็นถึงเลขานุการผู้บริหาร ประสบการณ์ทำงานก็สามปีกว่าๆ ทักษะอื่นก็พร้อมหมด ไม่ว่าจะเป็นภาษา คอมพิวเตอร์ หรืออะไรต่อมิอะไรลูกสาวตนก็เก่งไปหมด แม่ด้ายมีลูกคนเดียวก็อดจะภูมิใจไม่ได้ ที่อาทิตยาเก่งและไปได้ไกลถึงขนาดนี้ ถือเป็นโชคดีที่พี่เดียร์ พี่สาวของตนมีบ้านและทำงานอยู่กรุงเทพจึงชวนหลานให้ไปเรียนต่อที่นู้น “แต่… เอยยังไม่ได้ตัดสินใจเลยนะคะ” อยากลองไปสมัครที่อื่นก่อน ไม่อยากเจอหน้าเขาทุกวัน “รีบตัดสินใจหน่อยสิเดี๋ยวคนเต็มก่อนนะ แต่… อ๊ะๆ ที่เชียร์ไม่ใช่เพราะพ่ออาร์มนะ” รีบแก้ เพราะตอนนี้ลูกสาวทำหน้างอลงเรื่อยๆ แล้ว จากนั้นพ่อผู้ใหญ่รีบอธิบายต่อด้วยเหตุผล “แต่เพราะหนึ่งเลยคือที่ทำงานใกล้บ้าน ขับรถเครื่องไปกลับแป๊บเดียวก็ถึง ตอนเที่ยงก็แว้บมาหากัปตันได้ สองเลยคือเรื่องงาน สายงานในไร่ค่อนข้างเยอะเงินเดือนก็เยอะตามด้วย หนูเคยทำงานกรุงเทพได้เงินเยอะ ถ้าไปสมัครที่สำนักงานเล็กๆ สตาร์ทเก้าพัน ไม่เกินหมื่นสองเท่านั้น สามสำคัญสุดคือเจ้านายใจดี เมตตา เอ็นดูเรา ไม่ว่าจะเป็นพ่ออาร์มหรือคุณๆ ทั้งหลายในบ้านนั้น พ่อบอกได้เท่านี้ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหนูคนเดียว” “เป็นแม่ แม่เลือกตั้งแต่เหตุผลข้อแรกแล้วนะลูก เหมือนที่แม่เลือกทำงานในหมู่บ้านของเราไงจ๊ะ” แม่ด้ายพูดเสริมเข้ามา อาทิตย์จึงเริ่มคล้อยตาม ประเด็นหลักไม่ใช่ข้อหนึ่งหรอกแต่เป็นข้อสองต่างหาก เรื่องเงินล้วนๆ เลย อาทิตยาเข้าใจว่าถึงเลือกไร่สัตยาก็อาจได้เงินเดือนไม่สู้ตอนอยู่กรุงเทพ แต่ถ้าวัดกันเรื่องค่าครองชีพจริงๆ อยู่บ้านแทบไม่มีค่าใช้จ่ายดังนั้นก็จะได้เก็บเงินเต็มๆ ดวงตาคู่สวยหลุบลงมองข้าวในจาน ใช้ความคิด ใช้ช้อนเขี่ยไปมา “ค่อยเก็บไปคิดแล้วกันนะจ๊ะ ไม่ต้องรีบให้คำตอบ” “ค่ะ ขอบคุณพ่อแม่มากนะคะ ที่สนับสนุนเอยมาตลอดเลย” “จ้า กินข้าวกันเถอะ แต่แกงฮังเลนี่อร่อยจริงๆ นะ แม่ว่าต้องถูกปากทุกคนแน่เลย” อาหารมื้อเช้าธรรมดาแบบชาวบ้านอบอวลไปด้วยรอยยิ้ม ต่างชวนคุยถึงเหตุการณ์เมื่อคืนทว่าเสียดายที่คนบ้านนั้นมีแขก อาทิตยาจึงไม่ได้ขึ้นไปกราบคุณนายทั้งสอง พ่อโยกับแม่ด้ายขี่มอเตอร์ไซด์คนละคันไปทำงาน ส่วนอาทิตยานั้นเก็บโต๊ะอาหาร ล้างจาน ก่อนจะมานอนอ่านหนังสือข้างแปลของตาหนูพลางเข้าอินเทอร์เน็ตดูตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD