ตอนที่10. หวั่นไหวเมื่อใกล้เธอ/1

1434 Words
อิงดาวใช้ชีวิตอยู่ที่ไร่ธารดาวในสถานะคนงานกึ่งทาสในเรือนเบี้ยมาร่วมหนึ่งเดือน จิณณ์ใช้อำนาจความเป็นเจ้านายสั่งให้เธอทำงานสารพัด หญิงสาวตื่นแต่เช้ามาช่วยนางนิ่มทำงานบ้าน ไปคอกม้าเพื่อดูแลเจ้าสายลมและทำความสะอาดคอก จากนั้นก็กลับมาเป็นสารถีให้จิณณ์คอยขับรถพาเขาไปยังที่ต่างๆ ค่ำมายังต้องมาคอยทำหน้าที่เลขาจัดการเอกสารให้เขาด้วย ผ่านไปแต่ละวันกับความเหน็ดเหนื่อย ทว่าไม่ทำให้หญิงสาวท้อถอย บิดาของเธอโทรมาบอกว่าตอนนี้ท่านกำลังฟื้นฟูกิจการ หากทุกอย่างดีขึ้นก็จะสามารถใช้หนี้ให้ท่านเจ้าสัวได้บางส่วน อิงดาวจึงมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น ด้านมารดาของเธอนั้น อิงดาวจำต้องโกหกท่านว่าเธอมาช่วยงานบิดา เธอจำเป็นต้องปิดบังความจริงไว้ไม่ให้มารดาเกลียดชังบิดามากกว่าเดิม “อิงดาว วันนี้ไปขับรถให้ฉันด้วย ฉันมีนัดคุยงานในเมือง เตรียมเอกสารให้ด้วยนะ” จิณณ์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอิงดาวเข้ามาในห้องทำงานของเขา “ค่ะ เจ้านาย” หญิงสาวพยักหน้ารับเดินไปจัดเอกสารตามที่เขาสั่ง ร่างเล็กนั้นดูผอมลงกว่าเดิมมาก งานหนักทำให้อิงดาวไม่อยากอาหาร ถึงเวลาพักก็รับประทานอาหารเล็กน้อยแล้วเข้านอนเลย เพื่อจะได้ตื่นแต่เช้ามาทำงานอีก “นี่เธอกินข้าวบ้างหรือเปล่า ทำไมดูผอมแห้งแรงน้อยแบบนี้” จิณณ์สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของหญิงสาวเหมือนกัน แม้เขาจะทำท่าไม่สนใจเธอ แต่คนใกล้ชิดกันทุกวันย่อมเห็นอะไรผิดตาบ้าง “กินค่ะ ฉันทำงานทุกวันมันเลยไม่อ้วนค่ะ นี่ค่ะเอกสาร” อิงดาวนำเอกสารมาวางบนโต๊ะให้เขาตรวจ ขยับถอยออกมายืนรอคำสั่งอยู่ข้างๆ “นี่เงินเดือนของเธอ” จิณณ์เปิดลิ้นชักหยิบซองสีขาวมาส่งให้ พอเห็นเธอมองหน้าเขาด้วยแววตาแปลกใจ ก็โยนซองเงินเดือนลงบนโต๊ะ ชักสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมา “ทำไม คิดว่าฉันจะใช้งานเธอฟรีหรือไง ทำงานก็ต้องได้เงิน รับไปสิ” “ขอบคุณค่ะ” อิงดาวเอ่ยขอบคุณ รีบหยิบซองเดือนมาถือไว้ ดวงตากลมสวยคู่นั้นเปล่งประกายวาวจ้าด้วยความยินดี ทำเอาคนที่เห็นคลายสีหน้าลง มุมปากแย้มกว้างขึ้นอย่างลืมตัว ก่อนจะนึกได้ว่าเผลอยิ้มก็รีบปรับสีหน้าแทบไม่ทัน “เงินเดือนเธอไม่ได้มากกว่าคนงานคนอื่นในไร่หรอกนะ ฉันให้ตามความเหมาะสม” “ขอบคุณมากค่ะ ฉันจะตั้งใจทำงานค่ะ” อิงดาวตอบรับด้วยรอยยิ้ม ใบหน้างามดูสดใสน่ามองเมื่อมีรอยยิ้มนั้น “ไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ใส่บ้าง ฉันเห็นเธอใส่แต่ชุดเก่าๆ” เวลาร่วมเดือนที่อิงดาวอยู่ที่นี่ จิณณ์สังเกตเห็นว่าหญิงสาวมักสวมเสื้อผ้าเก่าๆ แทบจะไม่มีชุดใหม่เลย ถึงกระนั้นความสวยน่ารักของเธอ ก็เข้าตาหนุ่มๆ ในไร่ วิทยาแวะเวียนมาทักทายอยู่เสมอ หัวหน้าคนงานในไร่ก็เข้ามาช่วยงานหญิงสาว อิงดาวมนุษย์สัมพันธ์ดีทำให้คนงานในไร่สนิทสนมด้วยง่าย นอกจากนางนิ่มที่เป็นเหมือนคู่ต่างวัยแล้ว คนงานคนอื่นก็ชอบเธอไม่ต่างกัน ทำให้เขานึกถึงตอนที่อรนิภายังมีชีวิต เธอชอบเข้าไปในไร่กับเขา เธอบอกเขาว่าเธออยากปลูกผักกินเอง มีสวนดอกไม้สวยๆ และชอบม้าด้วย เขาสร้างไร่นี้ขึ้นตามความฝันของอรนิภา “ค่ะ เจ้านาย” อิงดาวตอบรับสั้นๆ แอบมองเสื้อผ้าของตัวเองแล้วรู้สึกว่ามันเริ่มเก่าจริงๆ เธอไม่ค่อยสนใจแฟชั่นมักจะซื้อเสื้อผ้าแบบเดิมๆ ใช้ซ้ำจนมันหมดสภาพถึงซื้อใหม่ มารดามักจะบ่นว่าเธอไม่รักสวยรักงาม แต่งตัวเหมือนทอมบอยจนไม่มีคนมาจีบ บิดาเลี้ยงมักให้ท้ายเธอว่า ถ้าเธอมีหนุ่มมาจีบแล้วแต่งงานออกไปจะพากันคิดถึง สู้ให้อยู่แบบนี้กับพ่อแม่นานๆ จะดีกว่า อิงดาวจึงแทบจะไม่มีความเป็นหญิงเท่าใดนัก “ไปเตรียมรถให้พร้อม เดี๋ยวฉันจะลงไป เอาเอกสารนี่ไปไว้ในรถด้วย” “ได้ค่ะ เจ้านาย” อิงดาวมาหยิบแฟ้มเอกสาร เดินออกไปจากห้อง จิณณ์มองตามหลังแล้วยกมือขึ้นลูบหน้า ถอนหายใจแรงๆ ห้ามไม่ให้เผลอตัวทำดีกับอิงดาวอีก “ก็แค่ได้ซองเงินเดือน ทำหน้าเหมือนคนถูกหวย ฉันแค่ให้เงินเธอตามหน้าที่ ไม่ได้ใจดีกับเธอหรอกนะ” เขาหาข้อแก้ตัวให้กับตนเอง เพื่อไม่ให้รู้สึกผิดต่ออรนิภา เขาไม่มีวันให้ผู้หญิงคนไหนมาแทนที่เธอ แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะหน้าเหมือนเธอแค่ไหนก็ตาม เมื่อจิณณ์เดินลงมาแล้ว อิงดาวก็รีบเปิดประตูรถให้เขานั่งด้านหลัง วันนี้หญิงสาวเตรียมรถยนต์คันหรูให้ผู้เป็นนายโดยสาร ปกติหากเข้าไร่ก็จะเป็นรถกระบะคันใหญ่สามารถขับลุยแบบสมบุกสมบันได้ แต่เมื่อเข้าเมืองก็ต้องเปลี่ยนเป็นรถอีกคันให้สมฐานะ “ไปที่โรงแรม... ขับดีๆ ล่ะ ฉันจะเอนหลังสักหน่อย” จิณณ์บอกชื่อสถานที่ที่เขาต้องการจะไป ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเบาะแล้วหลับตาลง ปล่อยให้อิงดาวทำหน้าที่สารถีอย่างไว้วางไว้ หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาแทบไม่ได้ขับรถเอง ใช้อิงดาวทำหน้าที่นี้ให้ตลอด อิงดาวตั้งใจขับรถให้นิ่มที่สุด เพื่อให้เจ้านายของเธอนอนสบาย หญิงสาวแอบลอบมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาผ่านกระจกมองหลัง ยามนอนหลับจิณณ์ดูไร้พิษสง คิ้วดกหนามักชอบขมวดนิ่วบ่อยๆ คลายลง ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยราวกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง อิงดาวคลี่ยิ้มละมุนละสายตาจากกระจก หันไปตั้งใจมองถนน ออกมาจากไร่ใช้เวลาอีกร่วมสองชั่วโมงก็เข้าสู่เขตเมือง สารถีสาวพารถมายังจุดหมายก็จอดตรงชั้นใต้ดินของโรงแรมใหญ่ นี่เป็นหนึ่งในกิจการของท่านเจ้าสัว จิณณ์มักใช้ที่นี่นัดพบลูกค้าของเขาเสมอ “ถึงแล้วค่ะ เจ้านาย” อิงดาวส่งเสียงปลุกคนที่เอนหลังอยู่ “อืม... วันนี้ฉันคุยงานนานหน่อย เธอไปรอที่ล็อบบีนะ ถ้าหิวก็หาอะไรกินไปก่อน เสร็จแล้วฉันจะโทรเรียก” จิณณ์สั่งการเสร็จก็ลงจากรถไป วันนี้เขามีนัดคุยงาน หลังจากมีแผนจะเปิดไร่ธารดาวเป็นที่ท่องเที่ยว และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของไร่ รวมถึงทำฟาร์มสเตย์ให้คนมาพัก “รอนานไหมมารุต” จิณณ์ทักทายมารุตเพื่อนสนิทของเขา มารุตเป็นคนแนะนำให้เขารู้จักกับอรนิภาจนได้แต่งงานกัน “ฉันเพิ่งมาเมื่อกี้นี้เอง นี่คุณธีร์มือหนึ่งของบริษัทฉันเลยนะ” มารุตแนะนำให้จิณณ์ได้รู้จักกับธีร์ สถาปนิกมือหนึ่งของบริษัทเขา “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมได้ยินคุณมารุตพูดถึงคุณมานานแล้ว” จิณณ์ทักทายพลางส่งมือให้อีกฝ่ายจับ ธีร์ค้อมศีรษะทักทายตอบพลางกระชับมือตามมารยาท “ยินดีที่ได้ร่วมงานกันครับ ผมร่างโปรเจกต์มาแล้ว เชิญคุณจิณณ์ทางนี้ครับ” ธีร์เปิดโน้ตบุ๊กของเขา นำเสนอผลงานที่เขาได้ทำไว้ให้จิณณ์ดู พร้อมกับอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม “ทางเราได้จัดทีมสถาปนิกไปดูแลในส่วนของฟาร์มสเตย์ ออกแบบที่พัก และมีแผนกจัดสวนไปดูแลเรื่องต้นไม้ที่จะปลูกทั้งหมด แปลนของไร่ธารดาว แบ่งเป็นส่วนต่างๆ ตามรูปภาพ จะมีป้ายติดตามทางเดิน และจุดต่างๆ ทั่วไร่ ใช้ระบบเซ็นเซอร์ในการตรวจจับการเคลื่อนไหวและมีกล้องวงจรปิดติดไว้ ในศูนย์ควบคุมส่วนกลางจะมองเห็นนักท่องเที่ยวผ่านกล้อง สามารถดูแลความปลอดภัยได้อย่างทั่วถึง” “ดีมาก ผมอยากให้เพิ่มตรงส่วนของห้องน้ำ แต่ละจุดดูไกลเกินไป และตรงลานกางเต็นท์ ขอให้มีพื้นที่เฉพาะสำหรับปิ้งย่าง ไม่ให้รบกวนนักท่องเที่ยวคนอื่น” จิณณ์พยักหน้าพอใจ และเสนอแนะในส่วนที่ยังต้องปรับปรุง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD