บทที่ ๗ # เรียกสามีว่า…ท่านพี่
ศาลาริมบึงเหลียนฮวา
หลังจากที่อนุเก้าเกิดหิวข้าวขึ้นมา สามี แค่ก แค่ก แม่ทัพผู้เกรียงไกรก็รีบสั่งให้บ่าวไพร่รีบไปยกสำรับมาที่ศาลาริมบึง ท่ามกลางดอกเหลียนฮวาหลากสีสันชูช่ออย่างงดงาม ต่างส่งกลิ่นหอม ๆ ลอยมาให้ชื่นใจ
รอไม่นานสำรับร้อน ๆ หอมฉุยหลากหลายก็ถูกยกมาที่โต๊ะ
อี๋เหนียงกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ ! ด้วยความหิว แต่ตนเป็นเพียงอนุจะทานก่อนได้ยังไง
ต้องให้ประธานเป็นคนเปิดงานก่อน!
‘โอ๊ยยยย หิววว’
เปิดงานซักทีสิ ตามองผู้เป็นประธานเขม็ง ฝ่ายท่านประธานเมื่อเห็นคนตัวบางส่งแววตากดดันมาให้ มุมปากก็กระตุกก่อนที่จะทำพิธีเปิดงาน เพื่อให้คนตัวเล็กได้กินเสียที
เมื่อท่านประธานคีบชิ้นผักเข้าปากเพื่อเป็นการเปิดงานเรียบร้อย พร้อมมองอีกคนนิ่ง ๆ ทำให้เฟงหลุนเหลอทำตาขุ่นโดยไม่รู้ตัว ‘เมื่อไหร่จะเปิดงานสักที หิวจะตายอยู่แล้วนะ’
เมื่อเห็นสายตาขุ่นจัดส่งมาให้ แม่ทัพหน้าโหดต้องขำในใจ ทำไมน่ารักเช่นนี้นะ
‘ทำไมไม่กินเล่า หิวอยู่ไม่ใช่หรือ” เมื่อทนไม่ได้ แม่ทัพหนุ่มผู้มีหนวดเคราก็ถามขึ้น
“…ก็แล้วทำไม ท่านแม่ทัพไม่กิน” เสียงขุ่น ๆ เหล่าคนสนิทถึงกับตาโต ที่ผู้เป็นนายกล้าขึ้นเสียงกับท่านแม่ทัพ
"เจ้าไม่หิวหรือ มองข้าไปใย หรือว่าเจ้าไม่อยากทาน" เอ่ยถามอย่างเจ้าเล่ห์
"ทานสิขอรับ ข้าหิว ก็ข้ารอให้ท่านเปิดงานอยู่นี่นา" รีบตอบ โดยลืมตัวใช้ภาษาบ้านเกิดตัวเอง สร้างความงุนงงให้กับแม่ทัพใหญ่จนต้องเอ่ยถาม
“เปิดงานอันใดของเจ้า” แม่ทัพหยางอยากจะรู้ ว่าคำนี้มันหมายถึงอันใด คนตัวนุ่มเลิ่กลั่กทันที ก่อนจะทำเฉไฉรีบคีบเต้าหู้ผัดใส่ปากทันทีโดยลืมที่จะเป่าซะงั้น
"อุ๊ปปปปส์" ร้อน ๆ ๆ ๆ คนตัวบางรีบปิดปากเอาไว้ น้ำตาซึมที่หางตา ตนอยากจะคายเต้าหู้นั่นทิ้งแต่ก็ทำไม่ได้ ต่อหน้าผู้เป็นใหญ่ทำเช่นนั้นจะเสียมารยาทได้
จำต้องฝืนกลืนเต้าหู้ลงท้องทั้ง ๆ ที่ร้อน ๆ อย่างว่องไว
กลืนเสร็จรีบนำชามาจิบไล่ทันที
แววตาท่านแม่ทัพเป็นประกายวาววับ แม่ทัพหนุ่มรู้สึกขบขันอนุผู้นี้ยิ่งนัก เกอผู้นี้ช่างหลากหลายอารมณ์ มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ ถ้าให้ตนนั่งมองใบหน้าที่เปลี่ยนไปมาทั้งวันตนก็ไม่เบื่อ
เมื่อคิดได้แบบนั้น มุมปากจึงกระตุกบางเบาคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม แม่ทัพคู่พระทัยหวงตี้ คีบชิ้นปลาทอดขมิ้นให้กับอนุของตน พลางยั่วเย้าอีกคนอย่างยั่วเย้า
"ปลาชิ้นนี้คงไม่ร้อนเท่าไหร่ เจ้าทานระวังไว้ด้วยก็ดี เผื่อมีก้างหลงเหลืออาจทำให้ก้างติดคอเจ้าได้" กึก ! เฟิงหลุนเหลือบมองคนพูดทันที
ร้ายกาจนัก แววตาขุ่นจัดมองสามีที่รักยิ่ง แต่กลับเห็นรอยยิ้มในดวงตาที่ทอประกายระยิบระยับ ทำให้เสมองชิ้นปลาไม่กล้ามองตาคนตัวโหญ่อีก
แม่ทัพหนุ่มเห็นตาขุ่นจากคนตัวบางส่งมาให้ก็นึกแปลกใจ ความสงสัย ความท้าทายที่มีต่อคนร่างบาง เริ่มเกิดขึ้นทีละนิดละน้อย และส่งผลต่อหัวใจของท่านแม่ทัพอย่างไม่รู้ตัว
"ขอบคุณท่านแม่ทัพขอรับ" เอ่ยตามมารยาท แต่อีกฝ่ายตอบกลับ มันก็เกินความคาดหมายไปไกลโข
"ไยเจ้าถึงเรียกสามีอย่างห่างเหินนัก" กำลังจะคีบเต้าหู้เข้าปากก็ชะงักกึกอีกรอบ
รีบมองหน้าโหด ๆ ของท่านแม่ทัพทันที
"ถ้าไม่เรียกท่านแม่ทัพแล้วข้าต้องเรียกยังไงหรือขอรับ" เรื่องมากจริง คนหลงยุคถาม ก่อนจะคีบเต้าหู้เข้าปากอีกครั้ง
"เรียกว่า ท่านพี่ หรือเรียกสามีก็ดีเช่นกัน" อะไรนะ เวรแล้ว
" แค่ก แค่ก" เฟิงหลุนถึงกับสำลักเต้าหู้ที่เพิ่งกลืนลงคอ เสียงไอโขลกหน้าดำหน้าแดง ร้อนถึงบ่าวไพร่ตาตื่นรีบมาดูผู้เป็นนาย แต่ถูกสายตาพิฆาตของท่านแม่ทัพเข้า เลยทำให้คอตกต้องถอยทัพกลับที่เดิม
อนุเก้าสำลักจนน้ำหูน้ำตาไหล คนตัวโตจึงรีบนำน้ำชามาให้จิบ มืออีกข้างลูบหลังให้เบา ๆ อย่างเอาใจ
"เบา ๆ สิหลุนเอ๋อร์ ทำไมไม่ระวังฮึ หากอาหารติดคอขึ้นมาเจ้าจะทำเช่นไร" ดุไปอีกนิดเพื่อเพิ่มความโหด
แค่ก แค่ก !
ใครจะไปคิดเล่าว่าอีกคนจะให้เขาเรียกขานแบบหวานซึ้งขนาดนั้นได้ คำเรียกขานแบบหวานหูเช่นนั้นจะเรียกได้ต้องเป็นคู่สามีภรรยากันไม่ใช่หรือ แต่เอ๊ะ หรือว่าเขาก็เป็นภรรยาหว่า ?
คนเป็นอนุจะเรียกแบบนั้นได้ยังไง...ชักงง ๆ กินข้าวก่อนดีกว่า ค่อยคิดทีหลัง
ตกลงเต้าหู้นี้จะได้กินดี ๆ บ้างไหมนะ ? คิดแล้วก็คีบอาหารเข้าปากชิ้นต่อไป เคี้ยวตุ้ย ๆ แก้มป่องอย่างมีความสุข
" ว่าอย่างไร ทำไมไม่เรียกข้าว่าท่านพี่เล่า" ยังไม่ยอมจบ คนกำลังเคี้ยวต้องชะงักอีกรอบ สงสัยจะไม่ได้กินแน่ อีหรอบนี้
คนข้ามยุคเงยหน้าสบตาคมกริบของท่านแม่ทัพหน้าโหดเป็นครู่ ก่อนกระพริบตาปริบ ๆ
"เอ่อ" มองอีกคนอย่างโง่งม
แม่ทัพหน้าโหดจ้องตากดดัน
"มันไม่เหมาะ" พูดพร้อมสบตาไปด้วย แม้จะผวากับสายตาของแม่ทัพบ้าเลือดนี่ก็ตาม
" อันใดคือไม่เหมาะ" ถามเสียงเย็น ๆ เฟิงหลุนคอหด
"ก็ข้าเป็นอนุ ไม่ใช่ภรรยาเอก" บอกไป อีตาแม่ทัพนี่จะได้เลิกถาม เขาอยากกินข้าวเต็มทีแล้ว
" เจ้าอยากเป็นฮูหยินเอก" น้ำเสียงรื่นรมชอบกล
แค่ก แค่ก
"จะบ้าเหรอท่าน" เฟิงหลุนมองตาขุ่นพูดเสียงเข้ม แต่ก็โดนจ้องตากลับ
"ก็เจ้าบอกเอง ว่าคนเป็นภรรยาเอกเท่านั้นถึงจะเรียกข้าว่า ท่านพี่ หรือสามีได้" พูดเสียงหยอกเย้า..เหมือแมวหยอกหนู แต่หนูอย่างเฟิงหลุนไม่ปลื้ม
"ข้า...เอ่อ" เฟิงหลุนถึงกับใบกิน ‘โชว์โง่อีกแล้วกู แต่กูไม่อยากเป็นเมียเอกโว้ย’
"ว่าอย่างไร เจ้าจะเรียกข้าว่าท่านพี่ได้หรือไม่ หรือว่า ต้องรอให้ข้าแต่งเจ้าเป็นภรรยาเอกก่อน" พูดเสียงเย็น รังสีฆ่าฟันแผ่ออกมา จนเฟิงหลุนขนลุกซู่ทันที รวมทั้งทุกคนที่อยู่ในศาลาต่างก็อึดอัดหายใจไม่ออกกันทั้งนั้น
"เอ่อ ท ท่านพี่" เสียงแผ่วเบา แล้วรีบก้มหน้าลง
“อันใดของเจ้า ข้าไม่ได้ยิน” เอียงหูนิดนึง
“เอ่อ ท่านพี่” เสียงดังขึ้นเล็กน้อย
“ตกลงเจ้าจะพูดหรือไม่ ถ้าไม่พูด ก็อย่าทานเลยข้าวน่ะ” เสียงโหด ๆ เอ่ยขึ้น เฟิงหลุนหน้าตาแดงจัด อันนี้คือความไม่พอใจนะไม่ใช่ความดีใจ
“ท่านพี่” เสียงดังจนทุกคนหันมามอง คนพูดต้องห่อไหล่ แล้วรีบก้มหน้างุดทันที
“หึหึ สามีได้ยินแล้ว ภรรยาทานข้าวเยอะ ๆ นะ ร่างกายจะได้อวบอิ่ม สามีชอบ” คนหื่นชอบใจ พูดกลั้วหัวเราะ
“ฟู่…เกือบไปแล้ว” เกือบถูกรังสีของแม่ทัพใหญ่ทำให้ใจขาดเสียแล้ว คนอะไรมีรังสีฆ่าฟันสุด ๆ คนตัวบางมีเหงื่อซึมตามไรผมไปหมดแล้ว
เมื่อได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจแล้ว ท่านแม่ทัพใหญ่ก็คีบอาหารให้อีกคนอย่างเอาใจทันที
" เจ้าหิวก็ทานให้เยอะ ๆ นะ สามีจะตักให้" ยิ้มหว่านเสน่ห์มาให้ หนุ่มหลงยุคถึงกับกรอกตาขึ้นบน
"ขอบคุณขอรับ ท ท่านพี่" กำลังจะเรียกท่านแม่ทัพ แต่เจอสายตาแห่งความกดดันจึงรีบเรียกท่านพี่อย่างไว จึงรอดพ้นจากความตายด้วยประการฉะนี้แล !!
หลังจากผ่านพ้นการทานอาหาร ด้วยความอิหลักอิเหลื่อของคนตัวบาง แต่เป็นความสุขสมใจของแม่ทัพหน้าโหดผ่านไป ท่านผู้ยิ่งใหญ่ก็ถึงเวลากลับเรือนใหญ่ของตน ก่อนกลับก็จ้องตาคนเป็นอนุนิ่ง ๆ แล้วก็
จุ๊บ!
จุมพิตที่หน้าผากนวลเนียนหนึ่งครั้งแล้วเดินจากไป
ทิ้งให้คนถูกกินเต้าหู้ต้องหน้าเหวอ แถมหูตาแดงก่ำอย่างคนขัดเขินจนทำอะไรไม่ถูก ก็เขาไม่คิดว่าจะถูกผู้ชายด้วยกันทำแบบนี้นี่นา.. ใครจะไม่แตกตื่นกันล่ะ
บ่าวทั้งหลายเห็นอี๋เหนียงถูกเจ้าของจวนแสดงความรักก็รีบก้มหน้า ซ่อนแววตาแห่งความเขินอายแทบไม่ทัน พวกตนไม่เคยคิดว่าท่านแม่ทัพจะทำเช่นนี้กับผู้เป็นนายของตนได้ ทั้งที่สองหนาวที่ผ่านมานั้น ท่านแม่ทัพหวงเนื้อหวงตัวยิ่ง แทบจะไม่ย่างกรายมาที่เรือนโม่ลี่ เมื่อเห็นเช่นนี้ จะไม่ให้พวกตนดีใจจนเนื้อเต้นได้ยังไงกัน