ตอนที่
1
พาฝันกับฝันร้าย
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
กลางดึกของคืนวันศุกร์ ฝันหรือ ‘พาฝัน’ เธอพาแม่ของเธอมาที่โรงพยาบาลเนื่องจากอยู่ ๆ แย้ม ‘จารีย์’ แม่ของเธอก็มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงจนไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะลุกขึ้นเดิน พาฝันจึงโทรเรียกรถพยาบาลให้มารับแม่เธอไปที่โรงพยาบาล
เมื่อเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงคุณหมอก็เดินมาบอกกับพาฝันว่าแม่ของเธอป่วยเป็นโรคหลอดเลือดในสมองซึ่งเป็นโรคที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะและต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โรคนี้มีโอกาสเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้และที่โชคร้ายกว่านั้นคือถึงแก่ชีวิตถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
“หนูคือญาติของคุณจารีย์ใช่มั้ย” คุณหมอเดินมาพูดกับพาฝันด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
“ใช่ค่ะ คุณหมอหนูคือลูกสาวค่ะ” พาฝันมองไปที่ใบหน้าของคุณหมอก็รับรู้ได้ทันทีว่าอาการของแม่เธอน่าจะไม่ดี
คุณหมอได้เล่าอาการของแม่ให้เธอฟังพร้อมกับเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับโรคนี้พร้อมบอกเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายว่าต้องใช้เงินมากพอสมควร
“ค่ะ คุณหมอขอบคุณนะคะ” พาฝันยกมือไหว้คุณหมอก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้พร้อมกับร้องไห้ออกมาคนเดียว เธอเป็นกังวลว่าเธอจะหาเงินที่ไหนมารักษาแม่ของเธอ เงินตั้งมากมายอย่างนั้น
“แม่จ๋าหนูจะทำยังไงต่อไป” พาฝันเด็กสาวอายุเพียง 21 ปี กับภาระที่มีอยู่ตอนนี้มันก็มากเกินตัวของเธออยู่แล้ว
“แต่ยังไงหนูก็จะต้องสู้และทำให้ดีที่สุด” พาฝันพยายามรวบรวมกำลังกายกำลังใจทั้งหมดของเธอที่มีอยู่เพื่อสู้ต่อไปเพื่อแม่ของเธอ
พาฝันเดินเข้าไปในห้องที่แม่นอนอยู่ซึ่งเป็นห้องรวมของดรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง แม่ของเธอนอนหลับสนิท เมื่อพาฝันเดินไปเห็นใบหน้าของจารีย์แม่ของเธอ เธอแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มันเป็นน้ำตาแห่งความรักความห่วงใยที่เธอมีต่อแม่ของเธอ
พาฝันเธอสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กด้วยความจนทำให้เธอต้องทำงานช่วยแม่ เธอไม่มีเวลาไปเล่นกับเพื่อน ๆ เธอต้องทำงานช่วยแม่ทุกวันหลังเลิกเรียน เสาร์-อาทิตย์หรือปิดเทอมเธอก็ต้องช่วยแม่ทำงานเพราะครอบครัวของเธอมีแค่สองคนพ่อของเธอทิ้งเธอกับแม่ไปตั้งแต่เธอยังไม่ได้ลืมตาดูโลกจนตอนนี้เธอเรียนอยู่ปี 3 อีกหนึ่งปีเธอก็จะเรียนจบอยู่แล้วแต่โชคชะตาก็เล่นตลกกับเธอ แม่ของเธอมาป่วยอย่างกะทันหัน ทุกวันนี้เธอแทบจะไม่มีเวลาพักอยู่แล้วเพราะหลังเลิกเรียนเธอก็ต้องทำงานที่ร้านกาแฟเพื่อหาเงินมาเรียนมาจุนเจือครอบครัวแต่โชคดีที่เธอเป็นเด็กทุนจึงไม่ได้เสียค่าเทอมแต่ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นก็มีมากจนเธอหาเงินแทบไม่ทันอยู่แล้ว เธอต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาขายน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋กับแม่ที่หน้าบ้าน เธอต้องนอนดึกตื่นเช้าอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก ๆ ชีวิตของเธอช่างน่าสงสารเหลือเกิน
ณ มหาวิทยาลัย
“ฝันคุณแม่ของเธอเป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนฉันเห็นเธอโพสต์” กรชวัล ‘กลอยใจ’ เพื่อนของเธอถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ค่อยดีเท่าไรเลยแกแม่ฉันป่วยต้องใช้เงินรักษาแม่จำนวนมาก ฉันกังวลมากไม่รู้จะหาเงินจากไหนมากมายขนาดนั้น ตอนนี้แม่ก็นอนอยู่โรงพยาบาล เมื่อคืนฉันเฝ้าแม่ถึงตีสองจึงขอแม่กลับบ้านมาทำของขายตอนเช้าส่วนแม่ก็ฝากพี่พยาบาลให้ช่วยดูให้” พาฝันพูดออกมาทำให้กรชวัลถึงกับน้ำตาไหลเพราะความน่าสงสารของเธอ
“ให้ฉันช่วยมั้ยพาฝัน ยืมเงินฉันก่อนมั้ย” กรชวัลพยายามเสนอให้พาฝันเพื่อที่เธอจะได้ไม่เหนื่อยมากเกินไป
“ไม่ได้หรอกกลอยใจที่ฉันยืมแกมามันก็มากจนฉันจะหามาใช้แกไม่หมดอยู่แล้ว ขืนฉันทำอย่างนั้นต่อมีหวังฉันเป็นหนี้แกหัวโต หามาจ่ายไม่ได้แน่นอน ยังไงก็ขอบใจนะที่พยายามช่วยฉันมาตลอดแต่ครั้งนี้ฉันคงไม่กล้ารบกวนแกอีกแล้วล่ะ” พาฝันพูดด้วยสีหน้าที่ดูเหนื่อย ๆ อาจเป็นเพราะเธอแทบไม่ได้นอนและอีกอย่างเธอคิดมากเรื่องแม่เพราะนอกจากแม่เธอก็ไม่มีใครอีกแล้ว
“ถ้าไม่ไหวยังไงอย่าลืมว่ายังมีฉันกลอยใจเพื่อนที่รักแก คนนี้นะ” กรชวัลพูดพร้อมกับดึงพาฝันเข้ามากอด ทั้งสองเป็นเพื่อนกันตอนปีหนึ่งเพราะทั้งสองอยู่สายรหัสเดียวด้วยความที่มีนิสัยคล้าย ๆ กันทำให้ทั้งสองสนิทกันอย่างรวดเร็ว
“ขอบใจนะกลอยใจ ฉันคงต้องหาอะไรทำเพิ่มจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีก” พาฝันพูดพร้อมกับนั่งเหม่อ ๆ กรชวัลเห็นแล้วก็อดสงสารเธอไม่ได้จึงชวนเธอไปหาอะไรทานหวาน ๆ เย็นพอที่จะทำให้พาฝันสดชื่นขึ้นมาบ้าง
“เราไปหาอะไรเย็น ๆ ทานกันดีมั้ยพาฝันเดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” กรชวัลพูดพร้อมกับจูงมือเพื่อนไปที่ร้านกาแฟภายในมหาวิทยาลัย
เมื่อทั้งสองไปถึงร้านกาแฟพาฝันก็ต้องหัวใจเต้นรัวและสดชื่นมีความหวังในชีวิตขึ้นมาทันทีเมื่อเธอได้พบกับ ด้าย ‘ภาวิดา’ หญิงสาวรุ่นพี่หน้าตาดีที่เธอแอบมองมาตั้งแต่เธออยู่ปีหนึ่งแต่ก็ยังไม่กล้าบอกว่าชอบ พาฝันคิดว่าแค่ได้แอบรักก็ดีแล้ว
“นั่นไงสดชื่นขึ้นมาเลยนะพาฝัน” กรชวัลหัวเราะออกมาเพราะเธอรู้ใจเพื่อนของเธอว่าแอบชอบภาวิดามาตั้งแต่ปีหนึ่งจนตอนนี้รุ่นพี่คน แอบมองอยู่อย่างนั้น
“กลอยใจอย่าพูดเสียงดังไปเดี๋ยวพี่ด้ายได้ยินมีหวังฉันต้องมุดดินหนีแน่เลย” พาฝันที่แอบชอบภาวิดาแต่ก็กลัวอีกฝ่ายรู้ว่าชอบ
“ไม่เห็นต้องกลัวเลยชอบพี่เขาก็บอกไปตรง ๆ เถอะเดี๋ยวพี่เขาก็เรียนจบแล้วนะ” กรชวัลบอกกับเพื่อนของเธอก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะใกล้ ๆ ภาวิดา ทำให้พาฝันหัวใจเต้นแรงแทบจะไม่กล้าขยับตัวเดินผ่านไป
ภาวิดามองเห็นพาฝันก็จำได้ว่าน้องคนที่ทำงานที่ร้านกาแฟเธอก็ยิ้มให้อย่างเป็นกันเองแต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้หัวใจของพาฝันเต้นแรงยิ่งกว่าเดิมไปอีก พาฝันยิ้มตอบก่อนจะเดินให้เร็วที่สุดเพื่อผ่านโต๊ะของภาวิดาแต่ยิ่งเธอรีบก็เหมือนมันช้าลงอย่างไรไม่รู้