13

1401 Words
13 “คุณท่านว่ามาได้เลยค่ะว่า จะให้แก้วทำอะไรบ้าง” สกาวใจยิ้มกับประโยคที่ได้ยิน เพราะมันทำให้นางคิดว่า ศรัญญาจะยอมทำทุกอย่างที่นางต้องการ “หล่อนต้องตื่นแต่เช้ามาทำอาหารเช้าให้พวกฉันกิน ทำเสร็จก็ต้องทำความสะอาดบ้าน แต่แค่ห้องรับแขกก็พอ เดี๋ยวจะหาว่าฉันใช้งานเยอะ พอเสร็จจากห้องรับแขก หล่อนก็ไปล้างจานที่พวกฉันกินข้าวเช้าเสร็จ ตอนเก้าโมงฉันจะต้องแช่เท้าทุกวัน หล่อนก็ต้องเตรียมน้ำอุ่นมาให้ฉันอย่าได้เกินเวลาเชียวนะ เพราะฉันเป็นคนตรงต่อเวลา หน้าที่คร่าวๆ ของหล่อนก็มีแค่นี้แหละ ถ้าฉันจะให้หล่อนทำอะไรเพิ่มเติม ฉันจะบอกหล่อนทีหลัง” สกาวใจร่ายหน้าที่ที่ศรัญญาจะต้องรับผิดชอบ ทั้งที่หน้าที่ที่ว่านี้ เป็นหน้าที่ของเหล่าสาวใช้ แต่อย่างที่รู้กัน สกาวใจต้องการแก้แค้นนภาพร นางจึงหางานให้หลานสะใภ้ทำ “ได้ค่ะ แก้วจะทำตามที่คุณท่านสั่ง เริ่มต้นจากพรุ่งนี้นะคะ” ศรัญญายอมทำตามโดยไม่มีเงื่อนไข “วันนี้แก้วขอตัวก่อนนะคะ มีงานด่วนที่ร้านจริงๆ ค่ะ” “ใครบอกให้หล่อนไปได้ หล่อนต้องทำหน้าที่หนึ่งก่อน” สกาวใจเอ่ยเสียงเฉียบ มีรอยยิ้มร้ายเกิดขึ้นตรงมุมปาก “ฉันยังไม่ได้แช่เท้า หล่อนไปเตรียมน้ำอุ่นมาให้ฉัน ประนอมจะเป็นคนสอนหล่อนเองว่าต้องทำยังไง เสร็จแล้วหล่อนค่อยไปทำงาน” คนถูกสั่งอยากจะปฏิเสธ เนื่องจากกลัวว่าตนเองจะสายมากไปกว่านี้ แค่นี้เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำตามออเดอร์ทันหรือไม่ แต่ด้วยความที่ไม่อยากมีเรื่องกับสกาวใจ เกรงว่าจะพาลไปพถึงนภาพร ศรัญญาจึงยอมทำตามแต่โดยดี “ได้ค่ะคุณท่าน” “ตามฉันมา” ประนอมหันมาบอกศรัญญาที่ลุกเดินตามไปอย่างว่าง่าย ทั้งคู่มาถึงห้องครัวในอึดใจต่อมา ประนอมทำให้ศรัญญาเห็นเป็นตัวอย่างว่า กะละมังแช่เท้าอยู่ที่ใด ต้องเติมน้ำร้อน น้ำธรรมดาเท่าไหร่ถึงจะได้อุณภูมิที่สกาวใจต้องการ จากนั้นก็ยกออกไปให้สกาวใจแช่เท้า สกาวใจใช้เวลาแช่เท้าสิบนาที ระหว่างที่แช่นางสั่งไม่ให้ศรัญญาไปไหนจนกว่านางจะแช่เท้าเสร็จ ทั้งที่ศรัญญาไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ แต่ที่อยู่เพราะสกาวใจมีแผนบางอย่าง “ฉันแช่เท้าเสร็จแล้ว” สกาวใจบอก หลานสะใภ้ขยับตัวเข้าไปชิดกะละมัง ยกเท้านางขึ้นมาก่อนจะใช้ผ้าขนหนูซับน้ำให้แห้งทั้งสองเท้า “หล่อนเอาน้ำในนี้ไปรดน้ำต้นไม้ข้างนอกทีสิ” “ค่ะคุณท่าน” ศรัญญายกกะละมังน้ำออกไปด้านนอก โดยไม่รู้ว่า สกาวใจกับประนอมเดินตามมา “เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเท” สกาวใจสั่งเสียงเฉียบ ศรัญญาหันมามองคนสั่งอย่างสงสัย แต่ยังไม่ทันที่จะถามอะไร กะละมังในมือก็ถูกคนสั่งชิงมาถือไว้ แล้วทำบางอย่างที่เธอไม่คาดคิด สกาวใจสาดน้ำในกะละมังใส่หน้าศรัญญาหมดใบ ยืนยิ้มอย่างคนกำชัยชนะ มองหลานสะใภ้ด้วยประกายตาสะใจ สาสมใจ ศรัญญาน้ำตาไหลปะปนกับน้ำแช่เท้าที่อาบอยู่บนใบหน้า “ฉันไล่เสนียดจัญไรที่อยู่ในตัวหล่อนด้วยน้ำแช่เท้าของฉัน คราวนี้เนื้อตัวหล่อนก็สะอาด อยู่บ้านหลังนี้ได้แล้ว แต่ถ้าฉันคิดว่า ความอัปรีย์ยังไม่หมดไปจากตัวหล่อนอีกละก็ ฉันจะเอาน้ำในโถส้วมราดตัวหล่อน” สกาวใจเอ่ยเสียงเยาะ แค่นหัวเราะเบาๆ “หล่อนอยากไปไหนก็ไปได้แล้ว หมดหน้าที่หล่อนแล้ว” ประนอมโยนกระเป๋าสะพายของศรัญญาลงบนพื้น ก่อนจะเดินตามเจ้านายที่เดินกลับเข้าไปในตัวบ้านอย่างอารมณ์ดี โดยไม่รู้สึกสงสารและเห็นใจคนถูกรังแกเลยแม้แต่น้อย ศรัญญาก้มลงหยิบกระเป๋าทั้งน้ำตา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทำให้เธอตระหนักว่า มันเป็นแค่การเริ่มต้น ยังมีการกลั่นแกล้งอีกมากมายที่ตนต้องพบเจอ ซึ่งต่อจากนี้ศรัญญาต้องใช้คำว่า อดทนให้มากขึ้นกว่าที่คิดไว้ ตกบ่าย สภาพอากาศด้านนอกที่ร้อนอบอ้าว แดดจัด ทำให้ร้านกาแฟ ร้านเครื่องดื่มละแวกสีลมมีลูกค้ามากกว่าปกติ เพราะทุกคนต่างพึ่งเครื่องดื่มเย็นๆ ดับบรรยากาศสุดร้อน ร้านศรัญญาเบเกอรี่ก็เช่นกัน มีเพียงโต๊ะว่างเพียงหนึ่งโต๊ะ แล้วยังมีลูกค้าต่อแถวซื้อเครื่องดื่มอีกหลายคน ไพลินก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เลือกจะพึ่งพาแอร์เย็นๆ กับมอคค่าสักแก้ว เพื่อให้อุณหูมิในร่างมีความเย็นบ้าง ก่อนที่เธอจะตับแตกตาย “โอ๊ยๆๆ ร้อนอะไรอย่างนี้นะเนี่ย วันนี้เป้ฯวันที่มีพระอาทิตย์ขึ้นสองดวงรึไง ร้อนจะบ้า” พอเข้ามาในร้าน ไพลินก็เดินไปหาศรัญญาที่กำลังทำเบเกอรี่อย่างขะมักเขม้น พร้อมกับบ่นให้เพื่อนรักฟังยกใหญ่ “ก็หน้าร้อนแล้วนี่ มันก็ต้องร้อนเป็นธรรมดา แกทำอย่างกับว่าเพิ่งมาอยู่เมืองไทยอย่างนั้นแหละ” ปากเจ้าของร้านพูด ทว่ามือกับสายตาไม่ได้ละจากสิ่งที่ทำอยู่ “ฉันรู้ย่ะว่า เมืองไทยมันร้อน ฉันก็แค่บ่นเฉยๆ” ไพลินเป็นคนที่ขอให้ได้บ่น พอบ่นจบก็สบายใจ “ว่าแต่แต่งงานวันแรกเป็นไงบ้าง เล่าให้ฟังบ้างสิ แล้วบ้านผัวแกเขาดีกับแกหรือเปล่า” ศรัญญาชะงักมือไปชั่วขณะหนึ่งกับคำถามของไพลิน ก่อนที่เธอจะปรับสีหน้าและกิริยาให้เป็นปกติเพื่อไม่ให้เพื่อนสงสัย “ก็ไม่มีอะไรนี่นา ฉันกับคุณใหญ่ไม่เต็มใจแต่งงานกัน เราก็ต่างคนต่างอยู่ ส่วนทางครอบครัวของคุณใหญ่ก็ปกตินะ ไม่เห็นแสดงความรังเกียจฉันเลย” ศรัญญาปดไปคำโต ด้วยเหตุผลหลายประการที่ทำให้เธอตัดสินใจไม่พูดความจริง “พวกเขารู้ไหมว่าแกเป็นหลานย่าเล็ก” ไพลินยังถามต่อ “ไม่รู้หรอก คุณปู่ไม่ได้บอก” “แล้วแกกับคุณใหญ่ต้องอยู่ในสภาพจำยอมแต่งงานนานแค่ไหน มีกำหนดเลิกกันหรือเปล่า” ข้อนี้ไพลินก็อยากรู้เช่นกัน จากที่รู้มา คู่สมรสที่ไม่เต็มใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน สามในห้ามักเลิกลากันในระยะเวลาอันใกล้ “ข้อนี้ฉันตอบแกไม่ได้หรอก แล้วแต่พรหมลิขิตก็แล้วกัน” คำถามนี้ศรัญญาหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เช่นกัน “ว่าแต่แกเถอะ วันนี้มาทำอะไรแถวนี้ล่ะ” “ฉันมาแถวนี้ได้ก็มีเหตุผลสองอย่าง อย่างแรกมาหาแกโดยเฉพาะ อย่างที่สองถูกเจ้านายจอมเอาแต่ใจใช้งานเยี่ยงทาสให้มาทำธุรให้แถวนี้ ซึ่งเหตุผลมันก็คืออย่างหลัง” ไพลินพูดไปกรอกตาขึ้นบนไป ไม่ใช่เพราะเกียจคร้านในการทำงาน แต่เธอรู้สึกเบื่อที่จะออกมาตากแดดตากลมมากกว่านั่งทำงานสบายๆ ในห้องแอร์ ทว่าเป็นเพราะหน้าที่ไพลินจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เบื่อแค่ไหน ร้อนเพียงใดก็ต้องอดทน “แกจะกลับไปทำงานกี่โมง ตอนนี้มันก็บ่ายสามแล้วนะ” “ไม่กลับแล้ว ตอนห้าโมงฉันต้องไปโรงแรมแกรนไฮเอทเอราวัณ คุณจิมนัดลูกค้าไว้ ฉันก็เลยกะว่าจะนั่งอยู่ร้านแกจนถึงสี่โมงกว่าๆ แล้วค่อยไปที่โน่น อยู่ไม่ไกลกันมานั่งมอไซร์แปปเดียวก็ถึง” “งั้นแกไปนั่งรอฉันข้างนอกก่อนไป ฉันขอทำขนมปังเสร็จก่อนแล้วฉันจะออกไปคุยด้วย เหลือออเดอร์สุดท้ายแล้ว” “ฉันไปสั่งมอคค่ารอแกนะ หิวน้ำชะมัด” พูดจบ คนหิวน้ำหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำขนม เดินไปสั่งเครื่องดื่มตรงเคาน์เตอร์แล้วมานั่งรอเจ้าของร้านบนโต๊ะด้านในสุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD