7

1277 Words
7 “แม่จะกลัวอะไรกับอีแค่เรื่องอดตาย ถ้าไม่มีพี่ใหญ่ เราอดตายไหมละ ก็ไม่เห็นอด แถมอยู่สุขสบายอยู่ที่นี่มาตั้งกี่ปีแล้ว หรือแม่ว่าไม่จริง” ธนัสสรณ์เถียงกลับ “เออ ฉันไม่เถียงแกเรื่องนี้ แต่แกไม่คิดอยากมีเงินใช้สบายๆ โดยไม่ต้องเหนื่อยกายนอนกับผู้ชายมั้งเหรอ มีใหญ่เป็นผัวเท่ากับมีเงินใช้ไปตลอดชีวิต ยิ่งใหญ่รักแกมากมีเหรอจะไม่ปรนเปรอแกมาก แกอยากได้อะไรก็ประเคนให้ สบายทั้งแกทั้งฉัน ที่ฉันพูด ฉันบ่นเพราะฉันอยากให้แกเลิกทำตัวแบบนี้ แล้วลงหลักปักฐานกับใหญ่ซะที แกนี่โง่หรือบ้านะที่ไม่ยอมแต่งงาน” ธนวรรณระอาไม่น้อยกับพฤติกรรมของบุตรสาว แล้วรู้สาเหตุที่ธนัสสรณ์ไม่ยอมแต่งงานกับจอมทัพ ทั้งที่มีโอกาสหลายร้อยครั้ง เป็นเพราะธนัสสรณ์อยากมีชีวิตอิสระ ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ยังไม่อยากผูกมัดจากใครทั้งสิ้น ส่วนเรื่องการเรียน ธนัสสรณ์ไม่สนใจเท่าไหร่นัก เพื่อนในวัยเดียวกันต่างจบปริญญาตรีกันเกือบทุกคน ต่างกับลูกสาวของนางที่ต้องเปลี่ยนมหาวิทยาลัยถึงสามแห่ง หากจะนับเวลาเรียนก็เข้าปีที่สิบแล้ว ธนัสสรณ์ยังไม่มีวี่แววว่าจะจบ ทว่าธนัสสรณ์บอกกับจอมทัพว่า ขณะนี้ตนกำลังเรียนปริญญาเอกอยู่ หากเรียนจบเมื่อไหร่จะแต่งงานกับเขาทันที เป็นข้ออ้างที่ทำให้จอมทัพไม่เร่งรัดงานวิวาห์ “เอาน่าแม่ อย่าบ่นไปหน่อยเลย เดี๋ยวหวานโทรหาพี่ใหญ่เอง” พูดจบ เจ้าของห้องปิดประตูห้องทันที เพราะไม่อยากทนฟังมารดาบ่น “คุยอะไรกับแม่เหรอ ท่าทางจะเครียด” เดวิดถาม เพราะสองแม่ลูกคุยกันเป็นภาษาไทย “เรื่องทั่วๆ ไปน่ะ แต่แม่ชอบคิดมากก็เลยทำหน้าเครียด” เธอบอกปัด “คุณไปอาบน้ำเถอะ เราจะได้ออกไปหาอะไรกินกัน” “ไปอาบน้ำด้วยกันนะ ฉันอยากให้เธอถูหลังให้” เขาโอบเอวบางร่างน้อยแล้วยิ้มกริ่ม ซึ่งเธอเองก็ไม่ปฏิเสธ ก้าวเดินไปพร้อมกับเดวิดเข้าไปในห้องน้ำ ลืมเรื่องที่รับปากไว้กับมารดาสนิทใจ ตกดึกวันเดียวกัน เสียงเคาะประตูดังควบคู่กับเสียงร้องเรียกของเจ้าของมือที่ยังคงเคาะต่อเนื่อง ทำให้เจ้าของห้องที่กำลังล้มตัวลงนอนถึงกับหงุดหงิด ลุกเดินไปเปิดประตูอย่างอารมณ์เสีย “แกจะเคาะหาสวรรค์วิมานอะไรนักหนาห๊ะ ทอร์นาโดถล่มเมืองรึไง” ธนวรรณหัวเสียใส่บุตรสาว “หวานจะมาบอกแม่ว่า พี่ใหญ่กำลังจะแต่งงานอาทิตย์นี้” ธนัสสรณ์บอกมารดาเสียงเรียบ คล้ายกับว่าไม่ใส่ใจหรือรู้สึกใดกับเรื่องที่ได้รับรู้มาสดๆ ร้อนๆ “หา...แกว่าอะไรนะ ใหญ่น่ะเหรอจะแต่งงาน เป็นไปได้ยังไง แกหูฟาดหรือเปล่า” อารมณ์ของธนวรรณเปลี่ยนแปลงไปในทันที จากเดิมที่หงุดหงิดกลับกลายเป็นตกใจถึงขั้นตื่นตะลึง เนื่องจากนางไม่คิดมาก่อนว่า จอมทัพจะวิวาห์กับหญิงสาวคนอื่น เพราะเขาเอ่ยคำมั่นสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะกับนางว่า เจ้าสาวของเขาคือธนัสสรณ์คนเดียว “หูฟาดที่ไหนกันแม่ ได้ยินเต็มสองรูหูเลย แล้วที่พี่ใหญ่โทรมาหาหวานเป็นสิบครั้งเพราะจะบอกเรื่องนี้นี่แหละ” ธนัสสรณ์ก้าวเดินเข้าไปในห้องมารดา ทรุดกายนั่งริมเตียง “หวานโทรกลับไปหาพี่ใหญ่เมื่อกี้นี้ พี่ใหญ่บอกเรื่องนี้ให้หวานฟัง แล้วที่ต้องแต่งงานก็เพราะคุณปู่บังคับ ไม่อย่างนั้นจะยกสมบัติครึ่งหนึ่งให้แม่นั่น ส่วนอีกครึ่งยกให้การกุศล พี่ใหญ่ไม่อยากให้ทุกคนลำบากเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุก็เลยตกลงแต่งงานไปก่อน รอสักพักค่อยเลิกกับแม่นั่น พี่ใหญ่ยังบอกอีกว่า ถ้าเลิกกันมันแล้วก็จะแต่งงานกับหวานทันที” ธนวรรณลดระดับความตกใจและกังวลลง เมื่อได้ยินประโยคต่อมาของบุตรสาว แต่ก็ไม่หมดไปเสียทีเดียว จะให้นางสบายใจก็ต่อเมื่อ จอมทัพเข้าพิธีวิวาห์กับธนัสสรณ์ตามที่หมายมั่นไว้หลายปี ทว่านางก็ยังนึกสงสัยอยู่ว่า เหตุใดลิขิตถึงได้บังคับให้จอมทัพแต่งงาน “ถ้าใหญ่บอกแบบนี้ก็ไม่ต้องกังวลอะไรสิ เพราะเดี๋ยวก็หย่า แต่แม่สงสัยว่า อยู่ๆ คุณปู่ถึงทำแบบนี้ล่ะ เท่าที่แม่รู้มา คุณปู่ไม่มีนิสัยบังคับลูกหลานนะ จะตามใจซะมากกว่าด้วยซ้ำไป” “พี่ใหญ่ไม่ได้บอกนะแม่ แต่หวานก็สงสัยอยู่เหมือนกัน อาจเป็นเพราะอยากเห็นพี่ใหญ่เป็นฝั่งเป็นฝาก้ได้นะ” ธนัสรณ์คาดเดา “คุณปู่ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่า ใหญ่รักและจะแต่งงานกับแกคนเดียว ถ้าอยากให้ใหญ่แต่งงานกับผู้หญิงสักคน คนนั้นก็ต้องเป็นแกไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมกลับเป็นใครก็ไม่รู้” ธนัสสรณ์ทำท่าทางคิดตามคำพูดของธนวรรณ “นั่นสิแม่ ทางบ้านพี่ใหญ่ก็รู้กันหมด แล้วทำไมคุณปู่ถึงบังคับพี่ใหญ่ให้แต่งงานกับมันนะ” “หรือว่าทนรอแกไม่ไหว ต้องใช้แน่ๆ เลย ใหญ่รอแกมาตั้งหลายปี แกก็มัวแต่เล่นตัวอยู่นั่นแหละ เป็นไงล่ะ ปลาชิ้นใหญ่หลุดมือไปเลย เหลือแต่ปลาซิวปลาสร้อยให้แกแทะกิน” ธนวรรณหันมาต่อว่าลูกสาว “โธ่แม่ ไม่ต้องมาลงที่หวานเลย พี่ใหญ่บอกเองว่า มันเป็นแค่การแต่งงานตามใจคุณปู่ ไม่มีวันมีอะไรกับแม่นั่น แล้วที่สำคัญคุณย่าจะหาทางกำจัดมันออกไปจากบ้านให้เร็วที่สุด แล้วมาแต่งงานกับหวาน ถ้าวันนั้นมาถึง หวานจะไม่พลาดเลยแม่ รับรองว่าคราวนี้จะจับพี่ใหญ่ให้อยู่หมัด” “ขอให้มันจริงเถอะ แกนะแก ตกลงกับใหญ่ตั้งแต่ปีมะโว้ก็จบเรื่องแล้ว” ธนวรรณนึกเสียดายโอกาสที่จะได้มีลูกเขยฐานะร่ำรวย “แม่เชื่อหวานเถอะ พี่ใหญ่ดิ้นไปไหนไม่ได้แน่ รักหวานขนาดนั้น” เธอยังคงมั่นใจเช่นเดิม “เออฉันรู้ว่าใหญ่รักแกมาก แต่ก็อดหวั่นไม่ได้นี่นา” “พี่ใหญ่ย้ำบอกหวานอีกว่า ไม่มีวันลืมสัญญาที่ให้ไว้ ขอให้หวานมั่นใจในความรักที่พี่ใหญ่มีต่อหวาน คำพูดแค่นี้ก็การันตีได้แล้วนะแม่ว่า หัวใจพี่ใหญ่ไม่มีวันมอบให้ใครนอกจากหวานคนเดียว” “แต่แม่ว่า ถ้าจะให้มั่นใจกว่านี้ มั่นใจชนิดที่ว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราต้องทำอะไรสักอย่าง” ธนัสสรณ์สนใจคำพูดของมารดาขึ้นมา เธอรีบถามทันควัน “ทำอะไรแม่” “ตอนนี้คิดไม่ออก คิดออกจะบอก” “ถ้างั้นแม่คิดไปก่อนนะ หวานจะกลับห้องแล้ว คืนนี้แซมมานอนค้างที่นี่ หวานไม่อยากให้แซมคอยนาน” พูดจบธนัสสรณ์ก็รีบลุกเดินออกไปจากห้อง ไม่สนใจเสียงธนวรรณที่ดังไล่หลัง “แกนะแก แทนที่จะช่วยกันคิดกลับไม่สนใจซะนี่ ฉันเอือมแกจริงๆ” ธนวรรณอ่อนอกอ่อนใจแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้นอกจากบ่นและบ่น เมื่อธนัสสรณ์นำเรื่องร้อนใจมาให้ ธนวรรณถึงกับนอนไม่หลับ นั่งขบคิดหาวิธีสร้างความมั่นใจให้กับตนและบุตรสาว ครั้นจะคิดคนเดียวคงไม่ได้เรื่องแน่ งานนี้นางจึงต้องหาตัวช่วย แล้วคนที่นางนึกถึงเป็นคนแรกคือ ธนพรน้องสาว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD