‘คืนนี้ฉันจะสำเร็จโทษเธอให้ได้’ ร่างหนาคิดอย่างหมายมาด หญิงสาวรอดน้ำมือของเขามาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ครั้งนี้เขาไม่ปล่อยเธอแน่ ใบหน้าคมเข้มหล่อเหล่าปานรูปสลักใบหน้าของเจ้าชายในเทพนิยาย ในยามนี้ช่างดูหื่นกระหายยิ่งนัก สายตาวาววับกำลังพิศมองกวางสาวน้อยที่กำลังหน้าตาแดงก่ำอยู่ใต้ร่างเขาอย่างเสน่หา ยิ่งมองหน้าหญิงสาวใกล้ๆ แม้ว่าหล่อนจะอยู่ในอารมณ์เคืองแค้นเขาอยู่ก็ตาม แต่ใบหน้าหวานก็ยังดูสวยยั่วยวนใจ
แม้ว่าวินาทีนี้ณัฐกานต์จะรู้สึกหวาดกลัวมากที่สุดที่ไม่อาจจะต่อกรกับคนร่างยักษ์ได้ แต่หัวใจของหญิงสาวกับเต้นตึ้กตั้กอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อเธอเผลอมองเข้าไปในดวงตาของผู้ชายที่เธอเรียกเขาว่าซาตาน ดวงตาของเขาเหมือนมีมนต์บางอย่าง ที่ทำให้คนมองรู้สึกหวาดกลัว หวั่นไหว แทบไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่เมื่อมองเห็นสิ่งที่เขากำลังจะทำกับเธอ เขาก็ไม่ต่างอะไรกันซาตานร้ายในคราบของเทพบุตรจอมปลอมดีๆ นี่เอง
“นายมันก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้พวกโจรถ่อย รังแกได้แม้กระทั่งผู้หญิงไม่มีทางสู้ นายมันขี้ขลาดตาขาว ไม่มีเกียรติไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยสักนิด” เมื่อร่างกายถูกพันธนาการด้วยร่างหนาใหญ่จนหมดสิ้น ริมฝีบางจึงขยับด่าทอต่อว่าชายหนุ่มด้วยความเกลียดชัง
“ปากดีนักนะ พยศแบบนี้มันต้องปราบให้เชื่อง” ทัพเทวินทร์ไม่พูดเปล่าแต่โน้มใบหน้าลงจู่โจมบดขยี้เรียวปากบางทันทีโดยไม่ให้หญิงสาวได้ตั้งตัวอีก แม้ร่างบางพยายามดิ้นรนขัดขืนแต่ด้วยความเชี่ยวชาญเขาจึงปราบเธอได้ไม่ยาก ชายหนุ่มรู้ว่าร่างกายหญิงสาวมีจุดอ่อนตรงไหน อ่อนไหวมากที่สุดตรงจุดไหน แล้วมีหรือที่สาวน้อยบริสุทธิ์ไร้ประสบการณ์อย่างณัฐกานต์จะทัดทานไหว
ร่างกายที่ไม่เคยต้องมือชายมาก่อน สะท้านไหวทุกครั้งเมื่อถูกมือหนากระตุ้นเร้าด้วยความช่ำชอง อารมณ์สาวกระเจิดกระเจิง แม้ในใจจะตะโกนก้องว่า ‘อย่า!’ แต่ร่างกายกลับสะเทิ้นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม ความซ่านสยิวเกิดขึ้นเมื่อเรียวลิ้นอันดุดันของเขาเข้าซอกซอนเกี่ยวกระหวัดหยอกเอินลิ้นสาวอย่างหิวกระหาย มือหนาก็ฟอนเฟ้นไปทั่วกาย อกแกร่งเสียดสีกับทรวงอกนุ่มหยุ่นไปมา จนร่างของทั้งสองแทบจะลุกเป็นไฟ
จากมือหนาที่เคล้นคลึงปทุมคู่สวย ก็เปลี่ยนมาเป็นเรียวปากหยักที่มาครอบครองยอดปทุมถันแทน ร่างบางผวาเฮือกเมื่อถูกดูดเม้มแรงๆ นาทีแรก แต่กลับสะท้านสั่นไหวในนาทีต่อมา ร่างเล็กสั่นระริกอ่อนระทวยอยู่ใต้ร่างหนาอย่างยอมจำนน บิกินีตัวจิ๋วถูกถอดออกทันที ทั้งๆ ที่หัวใจของหญิงสาวกำลังร่ำไห้กับสิ่งที่เขาทำกับเธอ ความฝันที่จะมอบสิ่งที่หวงแหนที่สุดในชีวิตให้กับคนที่เธอรักเป็นคนแรกกลับพังทลายสิ้น
หญิงสาวไม่อาจคิดอะไรต่อได้อีก เมื่อมือกร้านอันช่ำชองสอดนิ้วเข้าไปหยอกล้อกับกลีบกุหลาบที่มีเม็ดสีทับทิมอยู่บนยอดเกสรนั่นอย่างพลิ้วไหวนุ่มนวล นิ้วเพียงไม่กี่นิ้วกระตุ้นเร้าจุดที่อ่อนไหวที่สุดของกายสาวจนร่างบางบิดเร่าๆ อย่างซาบซ่านไปทุกอณูขุมขน ทั้งที่ใจอยากต่อต้านแต่ร่างกายกับตอบรับอย่างไร้เดียงสา
ทัพเทวินทร์หัวเราะหึๆ ในลำคอเบาๆ ที่เห็นผลงานของตนเอง เขาเลื่อนกายขึ้นและจูบเรียวปากของหญิงสาวอีกครั้งแต่ครั้งนี้เรียกร้องต้องการยิ่งกว่าเดิม ปลายนิ้วเรียวก็ยังคงทำหน้าที่ปลุกเร้าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าริมฝีปากหยักได้รูป และเมื่อนิ้วมือสัมผัสกับความนุ่มชื้นตรงแอ่งสวาทของหญิงสาว ชายหนุ่มก็ไม่รอช้ารีบถอดเสื้อผ้าออกจากร่างทันทีโดยที่ยังไม่ถอนริมฝีปากออกจากปากบางอิ่ม
ร่างแกร่งกำยำที่ตื่นตัวสุดขีดไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป ไฟปรารถนามันแผดเผาเขาไปทั่วร่างและแก่นกายของเขาคงจะระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แน่ถ้าไม่ได้รับการปลดปล่อย มือใหญ่ประครองลำกายอันมโหฬารของเขาที่กำลังแข็งขึงเข้าสู่ปากทางสวรรค์อย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้สัมผัสลึกซึ้งถึงข้างใน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
ตี๊ดๆ ! ตี๊ดๆ ! ตี๊ดๆ!...
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นไม่ขาดสาย ทำให้ชายหนุ่มต้องผละออกจากกายสาวอย่างแสนเสียดาย ร่างใหญ่กำยำเดินเปลือยกายโทงๆ ไปรับสาย ร่างเล็กได้สติจึงรีบเอาผ้าห่มคลุมร่างเอาไว้อย่างสั่นๆ และรีบผินหน้าออกไปอีกทาง เพราะไม่อยากเห็นภาพอนาจารแสนอุจาดตาของไอ้คนบ้ากามนั่น
‘เกือบไปแล้วเชียว อีกนิดเดียวแท้ๆ ไม่น่าเลยจริงๆ’ ร่างสูงใหญ่สบถในใจอย่างหงุดหงิดมองไปทางเชลยสาวแวบหนึ่งก่อนที่จะกดรับสาย
“สวัสดีครับ ผมเทวินทร์รับสายครับ” เสียงห้วนกรอกออกไปพร้อมกับสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วพ่นลมหายใจออกมายาวๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ขณะกำลังสนทนา
“สวัสดีค่ะ คุณทัพเทวินทร์ ดิฉันพยาบาลประจำตัวคุณเทวานะคะ ตอนนี้คุณเทวาน้องชายของคุณเริ่มรู้สึกตัวบ้างแล้วค่ะ” พยาบาลประจำตัวคนไข้กล่าวรายงานด้วยน้ำเสียงสดใส
“จริงเหรอครับ! ขอบคุณมากที่โทร.มาบอก ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ สวัสดีครับ” หลังจากวางสาย ทัพเทวินทร์ก็หันหน้ามาทางหญิงสาว ‘รอดเป็นครั้งที่สองแล้วนะแม่ตัวดี คืนนี้ฝากไว้ก่อนเถอะ แล้วฉันจะมาเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกทีเดียวเลยคอยดู!’ ร่างสูงใหญ่ครางกระหึ่มอยู่ในลำคออย่างหมายมั่น ก่อนที่จะหยิบเสื้อผ้ามาสวมแล้วเดินตรงรี่ออกจากห้องไปกระแทกประตูปิดดังปั้งจดร่างบางสะดุ้งตกใจ
ป้าเพ็ญแม่บ้านที่แสนเจ้าระเบียบเดินเข้ามาในบ้านพอดี ตามหลังด้วยหยาดฝนสาวใช้ที่ดูซื่อๆ ใสๆ ไม่มีพิษภัยกับใคร
“เอ้า...ป้าเพ็ญ หยาดฝน มากันพอดีเลยนะ ฝากดูแลนักโทษของฉันให้ดีๆ ล่ะ อย่าให้หนีไปได้” เสียงทุ้มออกคำสั่งเสียงเรียบ
“เอ่อ ป้อเลี้ยงเจ้า” หยาดฝนรีบเรียกเจ้านายหนุ่มก่อนที่เขาจะเดินออกไป
“มีอะไรอีกล่ะ” ร่างสูงหันมาถามอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก
“คือ ข้าเจ้าฮู้สึกว่า นักโทษของป้อเลี้ยงยังบ่ได้กิ๋นข้าวเย็นเลยเน้อเจ้า” หยาดฝนรายงานเตือนเจ้านายกรายๆ ด้วยความเป็นห่วงผู้หญิงที่ถูกขังอยู่ในบ้าน
“อ๋อเหรอ มิน่าล่ะถึงไม่ค่อยมีแรง” ประโยคหลังที่พ่อเลี้ยงหนุ่มพูดออกมาเหมือนกับจะพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า
“ป้อเลี้ยง ว่าอะหยังก๊ะเจ้า(พูดอะไรนะคะ) ฝนได้ยินบ่ชัด” เด็กสาวถามงงๆ เมื่อได้ยินเจ้านายพูดเสียงค่อยเกินไป
“แล้วป้อเลี้ยงจะออกไปไหนเจ้า ค่ำๆ มืดๆ แบบนี้” ป้าเพ็ญถามด้วยความเป็นห่วงเจ้านายของนางอย่างสุดซึ้ง เพราะทัพเทวินทร์มีศัตรูรอบข้างมากมายไปไหนก็ต้องพกบอดี้การ์ดไปด้วย อีกอย่างนางก็เคยเลี้ยงดูชายหนุ่มมาตั้งแต่ยังเด็ก นางก็เลยผูกพันและเป็นห่วงทัพเทวินทร์มากพอๆ กับทัพเทวาน้องชายของเขา
“ผมจะไปเยี่ยมเทวาที่โรงพยาบาล ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกตัวแล้ว พยาบาลเพิ่งโทร.มาแจ้งเมื่อกี้นี้”
“จริงหรือคะ!” สองสาวคนละรุ่นอุทานออกมาพร้อมกัน
“เย้! ดีใจ๋ขนาดเลย คุณเทวาฮู้สึกตั๋วแล้ว ดีใจ๋ๆๆ” หยาดฝนจับมือเหี่ยวๆ ของป้าเพ็ญกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ แต่พอหันหลังมาดูเจ้าของบ้านอีกทีร่างสูงใหญ่ก็เดินออกไปแล้ว
เพียงแค่ชั่วโมงกว่า มหาเศรษฐีหนุ่มก็มาปรากฏตัว พร้อมบอดี้การ์ดอีกสองสามคนที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ชายหนุ่มรีบตรงรี่เดินเข้าไปหาน้องชายที่มีพยาบาลสาวสวยยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ
“เทวา นายเป็นยังไงบ้างน้องรัก ฉันเป็นห่วงนายมากเลยนะเทวา ลืมตาขึ้นมาคุยกับฉันสิ” มือใหญ่หนากุมมือข้างหนึ่งของน้องชายของเขาเอาไว้อย่างอาทร
“เทวา ฉันพี่เทวินทร์พี่ชายนายไง ฉันเอาหนังสือการ์ตูนที่นายชอบมาให้อ่านด้วยนะ ตั้งหลายเล่มแน่ะ นายลืมตาขึ้นมาอ่านสิไอ้น้องรัก” เวลาผ่านไปหลายนาทีแล้วแต่ร่างที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมา จนทัพเทวินทร์รู้สึกใจคอไม่ดี ใบหน้าเข้มสลดลงทันทีที่น้องชายของเขาไม่แสดงปฏิกิริยาตอบรับใดๆ