เพราะอเล็กไซยังนั่งนิ่งๆ ได้ไม่ทันถึงหนึ่งอึดใจ...ผู้หญิงที่เขาอยากเอาชนะก็โผล่หน้ามาให้เห็น...ว่าที่เมียที่อยากมีจนตัวสั่น!!
ชะเอมเดินผ่านเข้ามาในสายตา…พอดี...เธอชะงักกึก!!
อาการเหมือนเดินสะดุดขอบพรมปูพื้น...นั่นคืออาการแรกของหล่อนที่อเล็กไซมองเห็น...ชายหนุ่มกลั้นรอยยิ้มขำๆ ทำหน้าตาเฉยชา... ยกรีโหมตขึ้นกดเปิดทีวีจอยักษ์ ทำเป็นเหมือนกำลังรีแลกซ์ยามว่าง ทั้งที่ยังเหนื่อยหอบเพราะออกแรงวิ่งหน้าตั้งมาทิ้งตัวนั่งตรงจุดนี้...ก่อนหน้าที่ชะเอมจะมาถึงแบบเฉียดฉิว!! หากชะเอมฉลาดเป็นกรด รู้ทันเหลี่ยมกลโกงของเขา หล่อนน่าจะรู้ได้จากรถยนต์ที่จอดอยู่ตรงโถงทางเข้า...เมื่อเครื่องยนต์ยังระอุร้อนอยู่เลย
ปากบางเฉียบขยับกดลง มุมปากบิดเบี้ยวด้วยความอึดอัด เสียงถอนใจเฮือกใหญ่ๆ ดังขึ้น เสยกมือขึ้นถอดหมวกแก็บที่สวมไว้บนศีรษะออก สะบัดเส้นผมยาวสลวยให้ทิ้งตัวลงมา ก่อนจะกล่าวทักทายเจ้าของบ้านหนุ่ม แบบ...เสียไม่ได้...
“สวัสดีค่ะคุณเจ้าของบ้าน...เอมไม่คิดว่าคุณจะอยู่ ไม่ทราบว่าคนของเอมแจ้งให้คุณทราบแล้วใช่ไหมคะ เอมเข้ามาดูสถานที่จริง เพื่อจะเริ่มงาน” เสียงชะเอมเป็นงานเป็นการ
“เหมาะเลยครับคุณ...แหมๆ โชคดีเสียจริง...ผมว่างพอดี ความจริงผมมีเรื่องอยากปรึกษาคุณด้วย...ได้เจอคุณเลยก็ดี จะได้ไม่ต้องนัดนอกรอบให้ลำบาก...”
ชายหนุ่มแสร้งอยู่ในโหมดเป็นงานเป็นการเช่นกัน เขากดปิดทีวีจอยักษ์ ผุดลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปเผชิญหน้ากับชะเอม
“คะ?!!”
ชะเอมมึน...ไม่รู้ว่าหนุ่มมหาเศรษฐีพ่อหม้ายจะมาไม้ไหน เขาไม่มีวี่แววว่าจะกะล่อน ดูขึงขังจริงจังจนไม่อยากเชื่อ
“ทำห้องเอวาจบ...รบกวนช่วยปรับห้องทำงานผมให้ใหม่ด้วยได้ไหมครับ...อะ...อ๋อ!! เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนั้นผมไหว”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นโบกไปมา เขารู้ว่าหล่อนจะบอกปัด แต่หากเอาเงินมาล่อมีหรือจอมงกอย่างชะเอมจะปฏิเสธ แบบนี้หล่อนได้กำไรเห็นๆ หากชะเอมถอย...หล่อนก็โง่เต็มประดา...
“ค่ะ!!” ชะเอมกระแทกเสียงตอบแบบฉุนๆ เขามัดมือชก บีบให้เธอเสียดาย เอาน่า...เธอคงไม่โชคร้ายเกินไป และนักธุรกิจแบบเขาก็คงไม่ว่างงานนานนัก...
“จะไปดูห้องยัยหนูก่อน หรือจะเข้าห้องผมก่อนดีครับ”
อเล็กไซถามยวนๆ เขาอยากรู้ว่าชะเอมจะโต้กลับแบบไหน?
“ห้องเอวาค่ะ ส่วนห้องคุณ...เราต้องคุยรายละเอียดกันก่อน เอมไม่รู้ว่าคุณต้องการแบบไหน เราต้องวางโครงก่อนที่จะไปดูของจริง”
รอยยิ้มหยันๆ แต้มมุมปากสีระเรื่อก่อนจะหายไปเมื่อหล่อนตอบกลับมาแบบเป็นจริงเป็นจัง ชะเอมทำท่าทางขึงขัง หล่อนไม่สนใจสายตากรุ้มกริ่มของอเล็กไซ
ชายหนุ่มไหวไหล่ เขาหมุนตัวเดินนำหน้า สองมือล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง...ผิวปากแบบสบายอารมณ์ จนชะเอมแอบหมั่นไส้เล็กๆ
ห้องนอนของอิรินาน่ารักสมกับตัว ชะเอมขมวดคิ้ว เธอยกมือถูกับสีที่ผนังห้อง ความรู้สึกบางอย่างเตือน ห้องนี้เพิ่งจะถูกรีโนเวทได้ไม่นาน...เพราะสียังไม่ฝังแน่นแค่ถูเบาๆ ยังหลุดติดมือมา ผู้ชายคนนี้ต้องการอะไรกันแน่...
“เอวาไม่อยู่เหรอคะ? ...เอมอยากคุยกับแกเองจะได้รู้ว่าแกอยากได้ห้องแบบไหน”
เธอหันมาถามเจ้าของบ้าน เขายืนอิงกรอบประตูด้วยทีท่าแสนสบาย
“อีกสักพักครับคงกลับครับ...เอวาเข้าโรงเรียนแล้ว...” เขายกมือขึ้น พลิกดูเวลาที่นาฬิกาโรเล็กซ์บนข้อมือแข็งแรงก่อนจะประเมินช่วงเวลา
“ค่ะ!! งั้นเอมขอเวลาส่วนตัว เอมจะร่างแบบไว้ให้เอวาเลือก ไม่ต้องเทคแคร์ค่ะ เอมถนัดทำงานคนเดียวมากกว่า”
ชะเอมเอ่ยปากไล่ซึ่งๆ หน้า สีหน้าหล่อนนิ่งสนิท อเล็กไซเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง เขาไหวไหล่ ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่ได้ตอแยต่อ
ที่ชะเอมไม่รู้ อเล็กไซยอมถอยทัพ ไม่ได้หมายความว่าเขายอมแพ้ ชายหนุ่มกลับไปนั่งคิดแผนเงียบๆ ในห้องทำงาน เขาวาดฝันในใจ... ให้เวลาชะเอม3 วันหากหล่อนสามารถหนีรอดจากกรงเล็บเขาได้ อเล็กไซยินดีปล่อยหล่อน เพราะเวลานานขนาดนี้ ยังไม่มีสาวคนไหนหนีพ้นเสน่ห์ของเขาสักที
“หม่ามี้!!” เสียงวิ่งดังตึงตัง ก่อนที่ร่างกลมป้อมของอิรินาจะโผล่หน้ามาให้เห็น พวงแก้มอิ่มปะแป้งลายพร้อย คงเพิ่งจะนอนกลางวัน ก่อนเวลากลับผมสีดำยับยุ่งกระเซอะกระเซิงจนคนมองเห็นแล้วอ่อนใจ หากเธอมีลูกสาวน่ารักขนาดนี้ เธอจะจับแต่งตัวสวยๆ มัดผมให้เรียบร้อยไม่มีทางปล่อยให้รุงรังเช่นนี้แน่
“ดีจ้ะเอวา...ทำไมมอมแมมจังเลย อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีไหม เดี๋ยวหม่ามี้ทักเปียให้”
ชะเอมวางสมุดโน้ตในมือ เธอเดินไปสวมกอดอิรินา กดจมูกกับพวงแก้มยุ้ยของลูกสาวนอกไส้
“ได้ค่า รอเอวาแป๊บเดียวค่า”
เด็กหญิงกอดตอบ ก่อนจะวิ่งตื๋อไปกับพี่เลี้ยงที่ยืนรออยู่ทางด้านหลัง เพื่อจัดการตามที่ชะเอมบอก
หญิงสาวหยัดกายลุกขึ้นยืน เธอเดินสำรวจห้องนอนของอิรินาซ้ำ จดบันทึกสิ่งที่ควรแก้ เพราะเมื่อร่างแบบแล้ว ผลออกมาจะได้เป็นที่ถูกใจ
เด็กหญิงย้อนกลับมาอีกครั้งหลังหายไปเกือบ30 นาที คราวนี้มาในชุดอยู่บ้านสุดน่ารัก เหมือนตุ๊กตาเดินได้ จริงอยู่อิรินามีตาสีเขียวมรกต แต่ผมของเธอกลับเป็นสีดำสนิท มันอาจจะเป็นเพราะยีนของอเล็กไซก็ได้ เพราะชายหนุ่มเองก็มีผมสีดำ
“มาแว้วววว...หิวแล้วอ่า”
เสียงเล็กๆ ร้องแจ้วๆ พอโผล่หน้าเข้ามาก็ร้องแต่หิวๆ พี่เลี้ยงยิ้มกร่อยๆ หล่อนอยู่กับอิรินามานานพอสมควร เรื่องกินนี่มาเป็นอันดับหนึ่ง
“เดี๋ยวดิฉันเอาของว่างมาให้ค่ะ”
หล่อนเปรยกับนายจ้างตัวน้อย เตรียมตัวจะหมุนตัวกลับเพื่อไปจัดการตามความต้องการของคุณหนูของบ้าน
“เดี๋ยวจ้ะ...ลงไปข้างล่างดีกว่าไหม ห้องนอนไม่สมควรนำขนม หรือของหวานเข้ามา มันไม่สะอาด”
ชะเอมย่อตัวลง เธอกล่าวกับเด็กหญิง สอนในเรื่องที่ตัวเองสามารถทำได้
“แต่ว่า...”
อิรินาเป็นคนติดห้อง เธอมักจะขลุกอยู่แต่ในห้องนอน มันอาจเป็นเพราะไม่มีเพื่อนเล่นด้วยก็ได้
“เอาขนมมาทานในห้อง ตกกลางคืนน้องหนูก็เข้ามาหา...ไหนจะพี่แมลงสาบอีก เอวากลัวไหมล่ะคะ”
“หูยยย...เอวาเกลียดที่สุดค่า ไปค่ะไปค่ะ ลงไปทานข้างล่างก็ได้”
เด็กหญิงห่อปากทำตาโต รีบฉุดมือของชะเอมแล้วรีบจูงออกจากห้องนอนตัวเอง เพราะหากมีสัตว์จำพวกนั้นแวะเวียนมาเยี่ยมตอนที่ตัวเองหลับ คงนอนผวาไปทั้งคืน
พี่เลี้ยงอมยิ้ม เธอมองชะเอมด้วยความชื่นชม ไม่มีใครชี้นำคุณหนูอิรินาได้ เมื่อเจ้าตัวทั้งรั้นและดื้อ
ดังนั้นวันนี้ เก้าอี้เหล็กในบริเวณสวนหลังบ้านจึงได้มีโอกาสได้รับใช้เจ้าของบ้านสุดป่วน เมนูวันนี้ไม่ถูกปากเจ้าตัวเท่าไหร่ จึงมีเสียงบ่นอุบตลอดเวลา แม้ขณะที่กำลังเคี้ยวหยับๆ
“ไม่อร่อยเลยสู้ฝีมือหม่ามี้ก็ไม่ได้ วันหลังหม่ามี้มาทำให้เอวาทานอีกนะคะ”
ชะเอมอมยิ้ม ดูดน้ำหวานในแก้วเฉย ไม่ได้ตอบอะไรออกมา...
“บ้านเอวามีสระด้วยนะคะ หากหม่ามี้ว่างๆ เราลงสระกันนะคะ เอวาอยากว่ายน้ำเป็น แต่...ไม่มีใครสอน”
เรื่องออดอ้อนฉอเลาะ ไม่ต้องมีใครสอนสั่ง มันเป็นสัญชาตญาณของคนที่ขาด มีระบบในตัวเอง เป็นกลไกแบบอัตโนมัติ
ใบหน้ากลมแป้นม่อยลง แม้จะกำลังเจริญอาหารแบบนี้จะไม่ให้ชะเอมใจอ่อนยวบได้ยังไง
“ได้สิ...ยังไงหม่ามี้ก็ต้องมาบ่อยๆ ไว้ว่างๆ หม่ามี้จะสอนเอวาว่ายน้ำเองค่ะ”
พอได้ยินคำตอบที่เป็นที่พอใจ ใบหน้าหงิกหงอยก็ผลิบานเหมือนดอกไม้ได้น้ำฝน ชะเอมอมยิ้ม มีลูกสาวสุดน่ารักแบบนี้ ทำไมคนเป็นพ่อถึงปล่อยให้เจ้าตัวหงอยเหงาได้ เท่าที่เห็นรอบตัวอิรินามีแต่พี่เลี้ยงกับการ์ด มันไม่ใช่การเลี้ยงเด็กที่ถูกวิธีนัก