Chapter 2

1217 Words
ไพรัชมีลูกสาวอยู่หนึ่งคน คือ พราวพิลาส ซึ่งมีอายุเท่ากับรติรส แต่ฝ่ายนั้นอ่อนเดือนกว่า ภรรยาของเขาเสียไปปลายปีก่อน และการที่มีลูกสาวเพียงคนเดียว ไพรัชจึงเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมปานแก้วตาดวงใจ รักและตามใจมาก เขาจึงไม่ขัดเมื่อพราวพิลาสขอติดตามมาบันดัรด้วย “แต่ถ้าจะให้มั่นใจ มีคนหนึ่งที่ช่วยเราได้” บัณฑูรพูดยิ้มๆ ดวงตาวาวเป็นประกาย ไพรัชตาวาวอย่างสนใจเช่นกัน เมื่อมองตามการบุ้ยใบ้ของคู่สนทนา ก่อนจะอุทานเบาๆ “มิสเตอร์เดนิม อิสมาอิล” รติรสลอบมองไปทางเจ้าของชื่อ ซึ่งเธอรู้ว่าหมายถึงใครคนหนึ่ง และเจ้าของร่างสูงสง่า นัยน์ตาคมกล้ายียวนกำลังเดินมาทางพวกเธอพอดี “ใช่ คนนี้แหละมีอิทธิพลต่อประเทศนี้พอสมควร นัยว่าถ้าเขาเห็นชอบ ชีคเบนจามินก็จะเห็นชอบด้วย เราเข้าไปทักทายทำความรู้จักเขากันเถอะ” บัณฑูรลดเสียงลงพูดเบาๆ พอให้ได้ยินกันสองคน ก่อนจะฉีกยิ้มเมื่อเจ้าของหัวข้อสนทนาเดินเข้ามาใกล้ รติรสค่อยๆ หลบฉากออกไปยืนห่างออกไปอีก เพราะเธอไม่อยากทำความรู้จักเขา เช่นผู้เป็นลุงกับบัณฑูร “สวัสดีครับ” เดนิมยิ้มบางๆ ให้กับผู้ที่เข้ามาทักทาย หากยิ้มนั้นเผื่อแผ่ไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ก่อนจะยิ้มมากขึ้นกับการสะบัดหน้าหนีของอีกฝ่าย “ครับ ถ้าผมจำไม่ผิดพวกคุณเป็นตัวแทนจากเมืองไทย” ชายหนุ่มยื่นมือออกไปเพื่อสัมผัสกับบุคคลทั้งสองพร้อมรอยยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรแบบที่ถูกใจบัณฑูรกับไพรัช แต่ขัดใจรติรส “ครับ ผมบัณฑูร ส่วนนี่คุณไพรัชเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกอันดับต้นๆ ของประเทศ” “ยินดีที่ได้รู้จักกันอีกครั้ง ผมว่าข้อเสนอของทางคุณน่าสนใจมากๆ” “ขอบคุณมากครับ ยังไงเราก็หวังว่าจะมีโอกาสได้ทำธุรกิจกับบันดัร” บัณฑูรไม่ลืมหยอดเปิดทาง เดนิมยิ้มบางๆ นักธุรกิจอย่างเขา พอมองออกถึงความต้องการของบุคคลทั้งสอง แต่เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรเกินจริง นโยบายจากทางฝ่ายไทยสร้างความสนใจให้กับพวกเขาจริงๆ “ประเทศนี้ยังต้องการการพัฒนาอีกมากครับ ผมเองซึ่งเป็นนักธุรกิจคนหนึ่งก็คิดว่าคงดีถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับประเทศไทย ยังไงขอตัวก่อนนะครับ เย็นนี้คงได้เจอกันที่งานเลี้ยง” “โอ... แน่นอนครับ พวกเรายินดีอย่างยิ่งที่จะไปร่วมงานที่องค์ชีคท่านประธานเลี้ยง” ไพรัชรีบบอก เดนิมพยักหน้า เอ่ยล่ำลาอีกครั้ง ก่อนจะแยกตัวไปใบหน้าดุเข้มยังพยักเล็กน้อยให้กับหญิงสาวที่ยืนเงียบนั้นด้วยรอยยิ้มบางๆ รติรสแอบมองเป็นครั้งคราวอดนึกค่อนขอดในใจไม่ได้ คนอะไรหยิ่งชะมัด ทำตัวอย่างกับตัวเองเป็นเจ้าของประเทศนี้ซะยังงั้น ยืดซะไม่มี... แต่พอคิดแล้วก็ขำ นี่หรือเปล่านะที่เขาว่ากันว่า ไม่ชอบขี้หน้าแต่แรกเจอ... “คนนี้แหละ ถ้าเราอยากลงทุนในประเทศนี้ต้องเข้าทางคนคนนี้” บัณฑูรพูดขึ้นอีกครั้ง มองตามร่างสูงสง่าของชายหนุ่มคนนั้นออกไปจนลับตา “จากที่ดูๆ ในที่ประชุม องค์ชีคก็ให้ความสำคัญกับมิสเตอร์เดนิมอยู่ไม่น้อย ฉันว่าคืนนี้เราน่าจะมีโอกาสพูดคุยกับคนคนนี้ให้มาก” ไพรัชคิดถึงผลกำไรที่จะตามมานับจากนี้ หากว่าได้ร่วมงานกับบันดัรจริงๆ นอกจากธุรกิจส่งออกแล้ว เขายังมีร้านเพชรซึ่งเป็นนิยมของบรรดาคนชอบเพชรอยู่ร้านหนึ่ง “รายนั้นน่ะ มีธุรกิจหลายอย่างเชียว ทั้งน้ำมัน อัญมณี แล้วก็บริษัทผลิตแผ่นโซลาร์เซลล์” “อืม ช่างเป็นคนหนุ่มที่น่าสนใจจริงๆ ด้วย” “รวยเอาการละ ยังไงเรากลับไปพักกันก่อน คืนนี้ค่อยว่ากัน ไปเถอะหนูรส” บัณฑูรหันมาเรียกเลขาสาวของไพรัชอย่างคุ้นเคย “ค่ะ” รติรสเดินตามหลังคนทั้งสองไปเงียบๆ หูก็แว่วเรื่องที่ลุงและเพื่อนคุยกันไปตลอดทางกลับที่พักซึ่งเป็นโรงแรมสุดหรู ทางเจ้าบ้านจัดไว้เพื่อเป็นการต้อนรับ พอกลับถึงที่พัก ไพรัชรีบเล่าให้ลูกสาวฟังถึงงานเลี้ยง แต่เนื้อนัยส่วนใหญ่พูดถึงความรวยและธุรกิจของคนที่นี่ รติรสปลีกตัวออกไป ปล่อยให้สองพ่อลูกคุยกันตามลำพัง สักพักเธอกลับมาพร้อมกับน้ำเย็นๆ สำหรับลุง และน้ำหวานสำหรับพราวพิลาส “งานเลี้ยงเหรอคะพ่อ” พราวพิลาสกรีดร้อง สิ่งที่ทำให้หญิงสาวตื่นเต้นคือ งานเลี้ยง การสังสรรค์ดื่มกิน มากกว่าแขกหนวดเฟิ้ม ที่ต่อให้รวยแค่ไหนเธอก็ไม่สนใจ เพราะรังเกียจผู้ชายที่ไว้หนวดไว้เครารกรุงรัง “ใช่ลูก คืนนี้องค์ชีครัชทายาทท่านประธานเลี้ยงอาหารค่ำกับผู้เข้าร่วมประชุมทุกคน” “ตายแล้ว พราวไม่มีชุดใส่เลยค่ะ มีแต่ชุดเรียบๆ ที่เคยใส่แล้ว งั้นพราวขอไปซื้อชุดสวยๆ นะคะ ถัดจากที่เราพักไปสองตึกมีห้าง เมื่อกลางวันพราวไปดูมา หรูเลิศมากๆ เลยค่ะพ่อ” ไม่ว่าอยู่ที่ไหน สิ่งสำคัญสำหรับพราวพิลาสคือ เธอต้องโดดเด่นกว่าใคร... “ให้รสไปเป็นเพื่อนก็แล้วกันนะลูก ไปคนเดียวมันอันตราย เราเป็นผู้หญิงต่างชาติด้วย พ่อจะพักเสียหน่อย” รติรสสะดุ้งในใจ เหลือบไปมองหน้าญาติสาวก็พบว่า รายนั้นตวัดตาค้อนมาที่เธอ ไม่รู้ว่าทำไม พราวพิลาสถึงได้ตั้งป้อมไม่ชอบหน้าเธอนัก “ก็ได้ค่ะ” พราวพิลาสสะบัดไหล่ หันไปคว้ากระเป๋าถือ ก่อนจะหอมแก้มผู้เป็นพ่อฟอดใหญ่ “ระวังตัวกันด้วยล่ะ” ไพรัชสำทับมาอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงบุตรสาวและหลานสาว รติรสรับคำเบาๆ ก่อนจะตามญาติสาวออกไป วันนี้เธอเหนื่อยมาเกือบทั้งวัน อยากจะพักเอาแรงมากกว่า แต่เมื่อไพรัชสั่งเธอก็ต้องตามดูแลพราวพิลาส แม้ว่าใจจะไม่อยากไป และฝ่ายหลังเองไม่ปรารถนาจะให้เธอตามติดสักเท่าไหร่ สองสาวเดินจากโรงแรมที่พักกระทั่งถึงห้างสรรพสินค้า ซึ่งอยู่ถัดออกไปสองช่วงตึก รติรสจ้องมองอาคารแบบโดมหลังใหญ่อย่างสุดทึ่ง ลวดลายสถาปัตยกรรมด้านนอกนั้นสวยมาก ตัวอาคารเป็นตึกแบบสมัยเก่า แต่คงความงามสง่า ท่ามกลางตึกทันสมัยแบบใหม่ “เร็วสิรส เธอมัวโอ้เอ้แบบนี้เมื่อไหร่ฉันจะได้ชุดสวยๆ สักที” “ไปสิ” พราวพิลาสสะบัดหน้าเดินไปก่อน ความไม่พอใจกรุ่นๆ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายช่างยืดยาดเชื่องช้าไม่ทันใจ ตาคมสวยตวัดค้อนญาติสาวอยู่เนืองๆ “ถ้าคืนนี้ฉันไม่สวยเป็นความผิดของเธอเลยนะ” เสียงแหวตามมาเบาๆ “พราวสวยอยู่แล้ว ใส่ชุดอะไรก็สวยกว่าใครๆ อยู่แล้วล่ะน่า” “จริงเหรอ หรือว่าแกล้งชม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD