ร้านเสริมสวยครบวงจรที่ขวัญชีวาตามผู้เป็นเพื่อนเข้าไปนั้นอยู่ย่านสุขุมวิท เป็นร้านที่นอกจากจะมีแผนกเสริมความงามด้านทรงผมแล้ว ยังมีสปาสำหรับใบหน้าและอะโรมาสำหรับนวดตัวเพื่อผ่อนคลายด้วย
“ร้านที่แกพาฉันมานี่ไม่แพงไปหรือยายนก” ขวัญชีวากระซิบถามขณะตามอีกฝ่ายเข้ามานั่งตรงโซฟานุ่มซึ่งมีไว้สำหรับให้ลูกค้านั่งรอ
“เอาน่า จะทำทั้งทีต้องทำกับร้านระดับมืออาชีพสิหนูวา อย่างแกน่ะเขาเรียกมาเพิ่มความสวยไม่ใช่มาเสริมให้สวยย่ะ แล้วร้านนี้นะแม้จะแพงแต่ฝีมือของช่างในร้านรับรองว่ากินขาด เจ้าของร้านเป็นเพื่อนกับน้าฉัน ดังนั้นเรื่องราคาแกไม่ต้องห่วง ลดพิเศษอยู่แล้ว” พูดพลางก็มองคนบ่นอย่างขวางๆ ระคนหมั่นไส้ “แกนะชอบพูดให้ฉันเขวคิดว่าแกเป็นพวกเบี้ยน้อยหอยน้อยอยู่เรื่อย เบื่อจริงพวกคนรวยชอบทำตัวเป็นคนจนเนี่ย แกนั่งรอฉันอยู่ตรงนี้แป๊บนะ เดี๋ยวฉันเข้าไปหาน้าเหมียวก่อน” จบคำพูดกรวรรณก็ก้าวฉับๆ เข้าไปด้านในอย่างคุ้นเคย
ขวัญชีวากวาดตามองภายในร้านตามประสาคนช่างสังเกต ร้านนี้ค่อนข้างกว้างขวางสมกับเป็นร้านเสริมสวยแบบครบวงจร ลูกค้าแต่ละคนที่เข้ามาใช้บริการล้วนแต่งกายสวยงาม จากเสื้อผ้าและเครื่องประดับบนร่างกายมองดูก็รู้ว่าเป็นคนอยู่ในสังคมชั้นสูง ช่างเสริมสวยในชุดฟอร์มเรียบร้อยกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น ไม่ว่อกแว่กเหมือนช่างตามร้านเสริมสวยทั่วไปที่มักจะทำแล้วพูดนินทาคนโน้นคนนี้ไปด้วย
ถัดจากแผนกผมเป็นแผนกหน้าที่มีลูกค้านอนนวดหน้า เคาะหน้ากันอยู่บนเตียง ส่วนในสุดคาดว่าจะเป็นแผนกนวดตัวเพราะมีผ้าม่านปิดบังไว้อย่างมิดชิด หญิงสาวก้มลงหยิบนิตยสารที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเล็กขึ้นมาอ่านพลางคิดในใจอย่างขำๆ เพราะแม้แต่นิตยสารที่มีไว้ให้ลูกค้าอ่านก็ยังเป็นนิตยสารชื่อดังของต่างประเทศ ไม่ใช่ คู่สร้างคู่รัก หรือนิตยสารดาราที่ชอบล้วงลึกสอดรู้สอดเห็นเอาเรื่องส่วนตัวของคนโน้นคนนี้มาแฉ
“หนูวา”
เสียงเรียกของกรวรรณทำเอาคนกำลังคิดอะไรเพลินๆ สะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเจ้าของเสียงเดินยิ้มร่าเข้ามาโดยมีสุภาพสตรีในชุดจั๊มสูทสีดำ ดวงหน้านั้นตกแต่งอย่างงดงาม ขวัญชีวาเดาว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้านที่ชื่อน้าเหมียว ซึ่งก็เดาไม่ผิดเมื่อได้ยินผู้เป็นเพื่อนเอ่ยแนะนำ
“หนูวา นี่น้ามิราหรือน้าเหมียว เป็นเจ้าของร้าน”
คนถูกแนะนำยกมือขึ้นไหว้พร้อมด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะน้าเหมียว”
มิรามองหญิงสาวในชุดกางเกงยีนสี่ส่วนเสื้อคอจีนสีดำลายจุดขาวตัวยาวคลุมสะโพก ที่หลานสาวของผู้เป็นเพื่อนบอกกับเธอว่าให้ช่วยเพิ่มความสวยให้อย่างพินิจพิจารณา แม้อีกฝ่ายจะแต่งกายเรียบง่าย เครื่องประดับสักชิ้นก็ไม่มีติดกาย แต่น่าแปลกที่เธอรู้สึกว่าเจ้าตัวไม่ธรรมดา อีกทั้งหน้าตาก็สะสวยตามธรรมชาติโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมแต่อย่างใด
“สวัสดีจ้ะ” แล้วจึงหันไปทางหลานสาวเพื่อน “เพื่อนของนกก็สวยอยู่แล้ว จะให้น้าเหมียวเพิ่มตรงไหนล่ะจ๊ะ”
“แล้วแต่น้าเหมียวจะเห็นควรค่ะ” กรวรรณพูดพลางอมยิ้ม
มิรามองไปทางหญิงสาวอีกครั้ง “ไหนยืนให้ดูหน่อยสิจ๊ะ”
คนถูกบอกให้ยืนลุกขึ้นตามคำสั่งพลางคิดในใจ นี่ถ้าบอกให้หมุนตัวด้วยต้องคิดว่าอีกฝ่ายจะส่งเธอเข้าประกวดนางงามอย่างแน่นอน
“สูงจัง รูปร่างก็ดี มีอก มีเอว สะโพกสวยเชียว ไม่ผอมแห้งเหมือนสาวๆ สมัยนี้ หุ่นอย่างนี้น่าส่งเข้าประกวดนางงามจริงๆ หนูสนใจจะประกวดไหมเดี๋ยวน้าเหมียวเป็นสปอนเซอร์ให้เองจ้ะ”
คำพูดของเจ้าของร้านทำให้กรวรรณหัวเราะคิกออกมาอย่างขบขัน ยิ่งเห็นสีหน้าปั้นยากของผู้เป็นเพื่อนก็ขันมากขึ้น เพราะเจ้าตัวมักจะถูกทักและชักชวนแบบนี้ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วก็ว่าได้ นี่ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่ลูกสาวเจ้าของธุรกิจก่อสร้างอันดับต้นๆ ของประเทศ เธอยุให้ประกวดไปนานแล้ว
“ไม่หรอกค่ะ หนูไม่ชอบ” คนชื่อเล่นว่าหนูวาแต่ชอบแทนตัวเองว่าหนูส่ายหน้าจนผมกระจาย ก่อนจะทรุดนั่งลงบนโซฟาเหมือนเดิม
“อ้าว ทำไมล่ะ รับรองว่าหนูต้องได้เข้ารอบแน่นอน หน้าตาถือว่าผ่านแล้วเพราะนางงามสมัยนี้ส่วนใหญ่สวยด้วยศัลยกรรมแทบทั้งนั้น แต่หนูสวยตามธรรมชาติ...” คนพูดพูดยังไม่ทันจบประโยคกรวรรณก็เดินเข้าไปกระซิบที่ข้างหู ทำให้สีหน้าฉายแววตื่นเต้นของมิราเปลี่ยนเป็นเสียดายขึ้นมาทันที ก่อนจะมองสำรวจหญิงสาวอีกครั้ง
“น่าเสียดายจริงๆ แต่เอาละ เรื่องเพิ่มความสวยน้าเหมียวรู้แล้วจะเพิ่มตรงไหน หนูวาไปนั่งตรงเก้าอี้นั่นได้เลย รับรองว่าจากที่สวยอยู่แล้วจะสวยมากกว่าเก่าแน่นอน”