เรื่องที่ 5 พี่น้องท้องติดกัน (2/2)

3900 Words
นิ่มตื่นมาพร้อมกับอาการปวดหัว สรัญเคาะห้องปลุกเธอขึ้นมาทานข้าวต้ม นิ่มเดินออกมาในสภาพหัวยุ่งในชุดเสื้อยืดกางเกงนอนขายาว มองสรัญที่กำลังตักข้าวต้มให้ เขาใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขาสั้น “พี่สรัญไม่ไปทำงานเหรอ อาทิตย์ตะกี้ก็หยุดไปทีแล้วนี่” นิ่มถาม “เพื่อนขอแลกเวรกับพี่” สรัญตอบ มองหน้าคนที่ท้าให้จูบเมื่อคืน เธอคงยังจำอะไรไม่ได้ ถึงได้พูดกับเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นิ่มมองสรัญที่กำลังเป่าข้าวต้มอยู่ตรงหน้า เมื่อคืนเธอฝันว่าเธอท้าให้เขาจูบเธอ และเขายังบอกว่าชอบเธอและอยากมีอะไรกับเธออีกด้วย ‘ฝันดีชะมัด...แต่โอ้ย ฝันไปได้ยังไงกันนะ’ นิ่มคิดแล้วอมยิ้มออกมา ตักข้าวต้มมาเป่าไปยิ้มไป “เป็นอะไรนิ่ม ยังไม่สร่างเมาเหรอ” สรัญถาม “ไม่มีอะไรค่ะ พอดีเมื่อคืนฝันดีนิดหน่อย” นิ่มบอกแล้วกินข้าวต้ม สีหน้าสดใส สรัญยิ้มในความน่ารักของคนตรงหน้า ต่างคนต่างกินข้าวต้มตรงหน้าจนหมด “อร่อยเหมือนเดิม” นิ่มบอก “กินเลอะเหมือนเด็ก ดูสิ มีเม็ดข้าวติดอยู่ที่ปากนิ่ม” สรัญบอก “เช็ดให้นิ่มหน่อยสิ” นิ่มบอก ทำตัวอ้อนเหมือนเด็ก เลื่อนกล่องทิชชูให้สรัญเช็ดให้ ในใจจินตนาการว่าถ้าเป็นพระเอกเกาหลีคงเอานิ้วโป้งเช็ดให้เธอโดยไม่ต้องใช้ทิชชู สรัญยิ้มแล้วชะโงกหน้าไปใช้ปากจูบริมฝีปากล่างเม้มเม็ดข้าวนั้นมาไว้ในปากแล้วกินเข้าไป “ต้องกินข้าวให้หมด สงสารชาวนา” สรัญบอกยิ้มๆ “เมื่อคืนไม่ได้ฝัน!!” นิ่มอุทานออกมา หน้าแดงเรื่อ คิดในใจว่าพี่สรัญคนสุภาพอ่อนโยนกลายร่างเป็นโอ้ปป้าเกาหลีโคตรโรแมนติกไปได้อย่างไร สรัญจึงเดาได้ทันทีว่าฝันดีของนิ่มหมายถึงอะไร และถ้าเขาจูบเธอคือฝันดี แสดงว่านิ่มเองก็คงมีใจให้เขาอยู่บ้าง “ที่เราจูบกันเมื่อคืนนี้นะเหรอ” สรัญย้ำ ได้ผล นิ่มทำตาโต หน้าแดงแปรดไปถึงใบหู ท่าทางลนลาน ท่าทีของคนที่มีความมั่นใจในตัวเองไม่มีให้เห็นเลย “เอ่อ ดะ เดี๋ยวนิ่มละ ล้างถ้วยเองนะ” นิ่มพูดตะกุกตะกัก นึกอายที่เมื่อคืนเป็นฝ่ายไปท้าทายให้เขาจูบ นิ่มเก็บถ้วยข้าวต้มไปล้างที่ซิงค์ล้างจาน โดยมีสรัญมองตามด้านหลังเธอแบบขำๆ ปนเอ็นดู “วันนี้ไม่มีอะไรทำ ไปดูหนังกันไหม” สรัญถามนิ่มที่กำลังพยายามทำตัวเป็นปกติอยู่ “วันนี้นิ่มว่าจะซักผ้า แล้วก็จะ เอ่อ จะ...” นิ่มกำลังหาเหตุผลปฏิเสธ เพราะไม่กล้าสู้หน้าสรัญ “ถ้าไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ เมื่อคืนนิ่มคงแค่เมา” สรัญพูดแล้วทำท่าจะเดินเข้าห้องไป “พี่สรัญค่ะ เอ่อ ดูหนังบนห้องได้ไหม นิ่มไม่อยากออกไป” นิ่มบอก “ไม่อยากเดินข้างผู้ชายสำอางแบบพี่นะเหรอ” สรัญถามเสียงเบา “เปล่าค่ะ นิ่มอยากอยู่กับพี่สองต่อสอง เอ่อ... นิ่มหมายถึง อยากดูหนังกันสองคนจะได้ไม่วุ่นวาย” นิ่มรู้ว่าโพล่งความคิดในใจออกไป พยายามแก้คำผิด แต่ก็คงไม่ทันแล้ว เพราะตอนนี้สรัญยิ้มหน้าบาน “อืม ก็ดี” สรัญพูดแล้วไปเลือกหนังที่จะดู “เอาแนวไหนดี” สรัญถาม นิ่มนิ่งคิด ถ้าเอาแนวโรแมนติก ถ้ามีฉากจูบคงอึดอัด หนังตลกก็จะเผลอยิ้มให้กันอีก หนังผีเดี๋ยวเผลอเกาะแขนกันมันคงไม่ดีแน่ “เอาหนังแอคชั่นค่ะ แบบบู๊ๆ หรือSci-fi ก็ได้” นิ่มบอก นิ่มเอาเสื้อผ้าไปลงซักในเครื่องซักผ้าไว้ แล้วเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดลำลองออกมาดูหนังที่สรัญเตรียมเปิดรอ หนังเริ่มเปิดไปได้สักพัก แต่จิตใจของทั้งสองคนนั้นว้าวุ่นไม่ได้เข้าใจเนื้อเรื่องเลยสักนิด “ที่พี่บอกว่าชอบนิ่ม พี่พูดจริงๆ นะ” สรัญเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่นุ่มนวล “....” นิ่มนิ่งเงียบ ทำตัวไม่ถูก เมื่อคนที่เธอเข้าใจว่าเป็นเกย์มาตลอด และในใจเธออยากให้เขาเป็นผู้ชายจริงๆ แต่พอเขาบอกว่าเขาเป็นผู้ชายจริงๆ เธอกลับทำตัวไม่ถูก “ถ้าพี่จะจีบนิ่ม นิ่มจะว่ายังไง” สรัญถามด้วยท่าทีอบอุ่น ไม่ได้แสดงอาการเจ้าชู้หรือแทะโลมเธอเลย “ห๊ะ! พี่สรัญจะจีบนิ่มเนี่ยนะ” นิ่มถาม นึกว่าตัวเองหูฝาดแต่คงไม่ใช่ แววตาที่เขามองมามันแสดงถึงความจริงใจขั้นสุด “อนุญาตไหม” สรัญถามย้ำอีกครั้ง “หรือยังกังวลว่าพี่ไม่ใช่ผู้ชาย พิสูจน์อีกรอบก็ได้นะ” สรัญบอก “มะ..ไม่ต้องค่ะ” นิ่มพูดตะกุกตะกัก หน้าแดงด้วยความเขิน “นิ่ม พี่ทำงานแทบทุกวัน บางวันก็เลิกดึก พี่ไม่มีเวลามารอฟังคำอนุญาตจากนิ่มทั้งวันหรอกนะ วันนี้ว่างพี่ก็อยากคุยให้รู้เรื่อง ถ้านิ่มอนุญาตพี่ก็จะจีบ คุยกันแบบผู้ใหญ่ พี่กับนิ่มก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว นิ่มว่ายังไง” สรัญยกเหตุผลมาอ้าง เพื่อเร่งรัดให้นิ่มตัดสินใจ คาดหวังคำตอบให้นิ่มเปิดใจให้จีบ นิ่มนิ่งคิดสักพัก มองหน้าพี่ชายต่างสายเลือดที่ส่งแววตาเว้าวอนมาที่เธอ “ถ้าพี่สรัญไม่มีเวลาขนาดนั้น ไม่ต้องเสียเวลาจีบนิ่มหรอกค่ะ” นิ่มบอก สรัญแววตาสลดลงนิดนึง แต่ก็ฝืนยิ้มออกมา “เฮ้อ! นั่นสินะ พี่คิดอยู่แล้วว่านิ่มคงปฏิเสธ” สรัญบ่นออกมาตามตรง ผู้ชายสำอาง ตัวขาวปากแดง แบบเขา จะมีผู้หญิงมาสนใจได้ยังไง “คือนิ่มจะบอกว่า เราโตๆ เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว จะเสียเวลาจีบกันทำไม ถ้าใจตรงกันก็ลองคบกันไปเลย ถ้ามันใช่เราก็คบกันต่อ ถ้าไม่ใช่เราก็กลับไปเป็นพี่น้องกัน” ฉ่า!!!!! คนพูด พูดเสร็จหน้าก็ร้อนอย่างกับเอาหน้าไปแนบกระทะร้อนๆ ไว้ สรัญยิ้มกว้าง คาดไม่ถึงกับคำตอบของเธอ “ใจตรงกันคือ..?” สรัญแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ เห็นสุภาพ เรียบร้อยแบบนี้ จริงๆ ก็แอบร้ายไม่เบา “ก็ชอบ” นิ่มตอบเสียงเบา “อะไรนะ พี่ไม่ได้ยิน” สรัญแกล้งถาม “เออ นิ่มก็ชอบพี่สรัญ พอใจรึยัง” นิ่มตอบเสียงดัง แล้วเอนหลังพิงเบาะ แกล้งสนใจหนังตรงหน้า สรัญยิ้ม เลื่อนมือไปกุมมือนิ่มไว้ นั่งอมยิ้มดูหนังด้วยกันอย่างมีความสุข ********************** ทั้งคู่เลื่อนสถานะเป็นคู่รักระยะทดลอง แต่กิจวัตรประจำวันก็ยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไหร่ เพียงแค่เพิ่มความมุ้งมิ้งให้กันเล็กน้อย ตอนเช้าสรัญทำอาหารเช้าเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือเวลาจะไปทำงาน เปลี่ยนจากเคยลูบหัวนิ่ม เป็นจูบหน้าผาก และนิ่มหอมแก้มให้กำลังใจเขาทุกเช้า ก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานของตัวเอง ระหว่างเวลาพักจากที่ไม่เคยไลน์หากัน ก็ไลน์บอกว่าคิดถึงกันตลอดที่มีเวลาจับโทรศัพท์ ตอนเย็นก็ทำกับข้าวทานกันเหมือนเดิม แต่จากที่เคยแยกย้ายกันเข้านอน ก็กลายเป็นว่ามานั่งคุยกันมุ้งมิ้งบ้าง ดูหนังบ้าง ออกไปทานข้าวกับพ่อแม่บ้าง แต่ยังไม่บอกพวกท่านว่าคบกัน และไม่ได้ล่วงเกินนิ่มไปกว่าการจับมือและหอมแก้ม ผ่านไปสามเดือนการทดลองคบกันก็ยังไม่มีปัญหาอะไร นอกจากเวลาที่สรัญมีเคสด่วนที่ต้องกลับดึก และการเข้าเวรวันเสาร์อาทิตย์ “พี่สรัญค่ะ นิ่มไม่อยากให้พี่ทำงานดึกๆ แบบนี้เลย พี่ทำงานแค่เวลาปกติได้รึเปล่า ไม่ต้องรับเคสด่วน ไม่ต้องเข้าเวรเพิ่ม ทำงานกะเดียว หยุดเสาร์-อาทิตย์เหมือนคนทั่วไปจะได้รึเปล่า” นิ่มลองคุยกับสรัญดู “ไม่ได้หรอกนิ่ม พี่ต้องเก็บเงินเพื่ออนาคตของเราด้วย” สรัญบอก “ถ้าให้เลือกระหว่างแฟนที่มีเงินเก็บ กับ แฟนที่มีเวลาให้ นิ่มอยากเลือกอย่างหลังดีกว่า” นิ่มตัดพ้อ “พี่ว่าเรื่องนี้เราคุยกันหลายครั้งแล้วนะครับนิ่ม วันนี้พี่เหนื่อย พี่ขอตัวก่อนนะ” สรัญบอกแล้วจูบหน้าผากเธอ ก่อนจะเข้าห้องนอนของตัวเอง เวลาทำงานของสรัญจริงๆ คือจันทร์ถึงศุกร์ แต่เขารับเข้าเวรต่อทุกวันเสาร์ และวันอาทิตย์เข้าเวรสลับกัน เหตุผลหลักๆ เมื่อก่อนก็คงเป็นเพราะอยากมีเงินเก็บเยอะๆ เพื่อใช้ดูแลแม่ตอนท่านแก่ตัวไป แต่พอแม่แต่งงานไป แล้วมีนิ่มเข้ามา จุดประสงค์จึงเปลี่ยนเป็นเก็บเงินไว้เพื่อแต่งงานกับเธอ แต่เธอกลับบอกให้เขาให้เวลากับเธอมากกว่าโดยไม่คำนึงถึงอนาคต สรัญอยากให้นิ่มอยู่อย่างสุขสบายที่สุด แต่เธอกลับเรียกร้องเวลามากกว่าเงินทอง นิ่มเดินเข้าห้องของตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมสรัญถึงต้องอยากเก็บเงิน ต้องเข้าเวรหนักขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ถึงเขาทำงานปกติเขาก็ไม่ได้ลำบากอะไร เธออยากให้เขามีเวลาให้ อยากใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นที่แฟนพาไปดูหนังพาไปทานข้าวนอกบ้านบ้าง หรือพาไปเที่ยวไกลๆ นิ่มมานั่งคิดดู ที่จริงสรัญก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว อยู่ดีๆ เธอไปขอให้เขาเปลี่ยนเป็นแบบที่เธอต้องการ มันคงเป็นการบังคับใจเขาเกินไป เธอคงคิดมากไปเอง ก่อนเป็นแฟนกันเธอไม่งี่เง่าขนาดนี้ ตอนนี้เธอเองเป็นฝ่ายที่เรียกร้องจากเขามากเกินไป ทั้งคู่ต่างห่วงความรู้สึกของกันและกัน แต่ยังไม่อยากคุยเพราะไม่อยากทะเลาะกัน ทุกครั้งที่ดูเหมือนจะทะเลาะกัน สรัญจะตัดบทและจูบปลอบโยนอย่างสุภาพก่อนจะแยกเข้าห้องเสมอ มันเลยเป็นเหมือนปัญหาเดิมๆ ที่ไม่ยอมคุยกัน ไม่ได้รับการแก้ไขใดๆ ทั้งสิ้น เช้าวันต่อมาสรัญก็ยังปฏิบัติกับนิ่มเหมือนเดิม ทำอาหารเช้าให้ จูบลา และนิ่มก็หอมแก้มเขาเหมือนทุกครั้ง แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือนิ่มที่ทำงานหนักมากขึ้น ปกติเธอกลับมาตอนห้าโมงเย็น ทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ รอทานข้าวพร้อมสรัญ แล้วค่อยเข้านอน ทุกวันนี้นิ่มกลับค่ำ บางวันโทรบอกให้สรัญทานข้าวไปก่อน งานบ้านก็ลุกมาทำตอนเช้าแทน ไม่ได้ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด วันอาทิตย์ที่เธอหยุดก็รับจ็อบถ่ายรูปไม่หยุด จนสรัญรู้สึกว่าช่วงนี้ทั้งคู่ไม่ได้มีเวลาร่วมกันเลย “นิ่ม ช่วงนี้นับงานหนักไปรึเปล่า ไม่เห็นหยุดพักเลย” “ช่วงนี้งานพรีเวดดิ้งเข้าเยอะเลยค่ะ ช่วงนี้ของทุกปีเป็นแบบนี้ตลอดเลย อีกสองเดือนงานก็เริ่มซาลงแล้วล่ะค่ะ” นิ่มบอกสรัญ ที่ตอนนี้สีหน้าดูเป็นกังวล “นิ่ม..” “คะ?” “พี่เข้าใจความรู้สึกของนิ่มแล้ว ว่าการที่อีกฝ่ายทำแต่งานจนไม่มีเวลาให้ มันรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวแค่ไหน” สรัญพูด นิ่มถึงกับอึ้ง เธอลืมเรื่องนี้ไปสักพักแล้ว เพราะมัวแต่รับงานเพลิน “แต่ปีนึงนิ่มจะยุ่งๆ แค่ช่วงนี้เท่านั้นแหละค่ะ ไม่ใช่ตลอดไปสักหน่อย พี่สรัญอดทนนิดเดียวนะคะ นิ่มทำงานนะ ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหน” นิ่มบอกเขา “อืม” สรัญครางตอบรับเสียงเบา วันนี้ทั้งคู่เลิกตามปกติ จึงนัดพ่อแม่ทานข้าวที่ร้านอาหารประจำ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้ม กำพลกับนิดาดีใจที่ลูกๆ เข้ากันได้ดีกว่าที่คิด “คุณลุงครับ” สรัญเอ่ยขึ้นมาขณะที่ของหวานกำลังถูกนำมาเสิร์ฟหลังจากทานอาหารจานหลักไปแล้ว “ว่าไงสรัญ” กำพลถาม ทุกคนหันมาให้ความสนใจในสิ่งที่สรัญจะพูด “ผมจะขออนุญาตคุณลุง คบกับน้องนิ่มครับ” สรัญตัดสินใจพูดออกไป โดยไม่ปรึกษานิ่มก่อน เพราะเขากลัวว่าถ้ารอนานกว่านี้ กลัวความห่างเหินจะทำให้ต้องเสียเธอไป “พี่สรัญ” นิ่มเอ่ยชื่อเขาเสียงเบา แก้มแดงขึ้นมาด้วยความเขินและดีใจ “สรัญมั่นใจนะลูก ว่าชอบน้องจริงๆ ไม่ใช่เพื่อ... เอ่อ บังหน้า” นิดาถามลูกชายตรงๆ สรัญถึงกับเลิกคิ้ว “นี่แม่ก็คิดว่าผม ‘เป็น’ เหรอครับ” สรัญถามมารดาที่ตอนนี้ยิ้มเจื่อนๆ “ผมเป็นผู้ชายนะครับแม่” สรัญบอกมารดา กำพลมองหน้าลูกสาวที่เขินอาย คิดว่าคงมีใจให้อีกฝ่ายเหมือนกัน “ลุงไม่ห้ามนะถ้าจะคบกัน แล้วแต่นิ่มแล้วกันว่าจะตกลงรึเปล่า” กำพลบอกสรัญสีหน้ายิ้มแย้ม “ขอบคุณครับคุณลุง” สรัญยกมือไหว้ด้วยท่าทีสุภาพ มองนิ่มที่ส่งยิ้มให้แล้วยิ้มตอบกลับไป เมื่อกลับถึงห้องสรัญก็ดึงตัวนิ่มมานั่งที่โซฟาทันที “นิ่มพี่ตัดสินใจแล้วนะ เดือนหน้าพี่จะไม่รับเวรเสาร์อาทิตย์เพิ่ม แต่จะรับเฉพาะเวลาที่มีเคสด่วนแล้วคนไม่พอเท่านั้น จะได้มีเวลาให้นิ่ม” สรัญบอก “ไม่ต้องทำเพื่อนนิ่มขนาดนั้นหรอกค่ะ นิ่มเข้าใจแล้วว่าเราไม่ควรเปลี่ยนตัวตนของอีกฝ่าย พี่สรัญไม่ต้องทำเพื่อนิ่มหรอกค่ะ พี่เองที่จะไม่มีความสุข” นิ่มบอกเขาแล้วขอตัวไปอาบน้ำ สรัญนั่งคิดว่าที่เขากำลังทำนั้นมันฝืนใจตัวเองรึเปล่า คำตอบคือไม่ เพราะสิ่งที่ทำก็เพราะความสุขของตัวเองล้วนๆ สรัญรอจนนิ่มอาบน้ำเสร็จก็ไปอาบน้ำบ้าง วันนี้เขาชวนเธอนั่งดูหนังด้วยกัน หลังจากไม่ได้ดูหนังด้วยกันมานาน สรัญให้นิ่มเลือกหนังไว้รอแล้ว เป็นแนวตลก ไม่ซับซ้อน ผ่อนคลายสมองได้เป็นอย่างดี ขณะที่หนังกำลังเดินเรื่องไปเรื่อยๆ สรัญก็ตัดสินใจพูดกับนิ่ม “นิ่ม ที่พี่พูดเรื่องเลิกเข้าเวรเสาร์อาทิตย์ พี่จะทำจริงๆ นะ แต่พี่ไม่ได้ฝืนตัวเองเลย และพี่ไม่ได้ทำเพื่อเอาใจนิ่ม แต่พี่ทำเพื่อตัวเอง พี่อยากมีเวลาอยู่กับนิ่ม อยากมีเรื่องราวดีๆ ร่วมกัน พี่พูดจริงๆ นะ พี่รู้สึกแย่เวลาที่เรามัวแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้กัน พี่ไม่อยากให้มันเป็นปัญหากับเราในอนาคต” สรัญพูดความรู้สึกออกมา “นิ่มดีใจนะคะ ที่พี่ทำเพื่อนิ่มขนาดนี้ ทั้งเรื่องขอพ่อคบกับนิ่ม ทั้งเรื่องที่จะหยุดเข้าเวรพิเศษเพื่อนิ่ม แต่ช่วงนี้นิ่มทำงานหนัก นิ่มไม่สามารถทิ้งงานเพื่อมาให้เวลากับพี่ได้ พี่จะโกรธนิ่มรึเปล่า มันแค่ปีละครั้งเองนะคะ ที่นิ่มจะได้รับงานแบบนี้” นิ่มกังวลใจกลัวสรัญมีข้อแลกเปลี่ยนกับเธอ “ไม่เป็นไร แค่สองสามเดือน พี่ทนได้ อีกอย่างพี่ไปช่วยถือของให้นิ่มก็ยังได้ พี่ไม่เอาค่าจ้างด้วยนะ” สรัญบอก “พี่สรัญดีกับนิ่มขนาดนี้ ไม่มีข้อแลกเปลี่ยนอะไรเลยเหรอคะ” นิ่มถาม “ตอนแรกไม่ คิดไปคิดมา มีแล้ว” สรัญตอบ “อยากได้อะไรคะ” “พี่อยากทำมากกว่าจูบ” สรัญตอบเสียงนุ่ม แต่ทำไมแววตากรุ้มกริ่มนั้นมันดูทำให้นิ่มรู้สึกว่าหนุ่มเจ้าสำอางอาจไม่ใช่แมวอย่างที่คิด “จะว่าไปพี่สรัญเคยมีแฟนรึเปล่าคะ” นิ่มถาม “เคยมีสิ แต่ทุกคนก็คบๆ เลิกๆ กันไป พี่ไม่มีเวลาให้เขา” สรัญบอก “ทุกคน? กี่คนคะ” “ห้าคน” สรัญตอบ “ห๊ะ ห้าคนเลยเหรอคะ?” “ทำไม คิดว่าพี่ ‘ทำ’ ไม่เป็นเหรอ” สรัญถามเหมือนเข้าไปนั่งในใจเธอ “แค่คิดว่า บางทีพี่สรัญก็ไม่ได้ดูสุภาพอ่อนโยน เหมือนตอนนี้ ที่พี่มาขอนิ่มตรงๆ แบบนี้ เจ้าเล่ห์ชะมัด” นิ่มบอกตามความรู้สึก “อยากทำแล้ว ขอเลยแล้วกันนะ” สรัญบอก นิ่มดันตัวเขาออก “ไม่มีถุงยางก็เซย์โนค่ะ” นิ่มบอก “พี่เตรียมไว้นานแล้ว” สรัญยิ้มกว้างแล้วกดปากลงจูบคนที่กำลังอึ้งกับสิ่งที่เขาเพิ่งจะบอกไป สรัญบดปากเธอเบาๆ แล้วกดเธอนอนราบกับโซฟาคร่อมทับตัวเธอไว้ ใช้ลิ้นแทรกพันกันแลกน้ำหวานในปากอย่างดูดดื่ม ก่อนจะขบริมฝีปากล่างของนิ่มเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นถอดเสื้อกล้ามของตัวเองออก จ้องหน้านิ่มที่มองแผงอกล่ำที่ซ่อนรูปไว้ แล้วถอดเสื้อยืดของเธอออกเหลือแค่บราสีขาวปิดบังส่วนอวบอิ่มตรงหน้าไว้ สรัญก้มลงไปจูบอีกครั้งใช้มือล้วงเข้าไปปลดตะขอชั้นในแล้วใช้มืออีกข้างดึงออกไปจากลำตัวเธอแล้วก้มลงชิมความหอมหวานจากเม็ดบัวสีชมพูอ่อนนั้น จนเกิดเสียงดังน่าอาย แล้วเลือนปากไปไซร้ซอกคอหอมหวานนั้นแล้วสูดดมกล่นหอมจากตัวเธอจนนิ่มสั่นสะท้านด้วยความสยิวปนซาบซ่าน สรัญลุกขึ้นยืนช้อนตัวเธออุ้มขึ้นไปที่ห้องนอนของเขา วางเธอลงที่เตียงแล้วถอดอาภรณ์ชิ้นล่างออกจนหมด เผยให้เห็นความงามของเธอที่กำลังงดงามอย่างเต็มที่ในวัยยี่สิบหกปี แล้วถอดกางเกงของตัวเองทิ้งไป เผยให้เห็นความเป็นชายที่ผงาดพร้อมออกศึก เขาทาบทับบนตัวเธออีกครั้ง พรมจูบซ้ำๆ ไปทั่วใบหน้าก่อนจะกระซิบบอกเสียงต่ำพร่า “ชอบให้พี่ทำอะไรก็บอกนะ” “นิ่มแล้วแต่พี่สรัญค่ะ ยังไงก็ได้ นิ่มไม่เคย” นิ่มบอกเขา สรัญยิ้มพอใจทั้งที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นคนแรกของเธอ สรัญจูบไล่ลงมาที่คอแล้วใช้ปากและลิ้นเลียสำรวจไปทั่ว เพื่อกระตุ้นให้เธอมีอารมณ์ร่วม และมันได้ผล นิ่มตัวบิดไปมาครางเบาๆ ในลำคออย่างสุขสม สรัญไล่ลิ้นลงไปจนถึงท้องน้อย นิ่มดันหัวเขาออก สรัญจับมือทั้งสองของเธอกดไว้ข้างสะโพกของเธอแล้วใช้ลิ้นลากลงไปแตะที่ร่องกลางลำตัวที่เริ่มมีน้ำใสๆ ซึมออกมา นิ่มครางเร่าๆ ทันทีที่ลิ้นตวัดผ่านเข้าไปในร่องนั้น สรัญตวัดลิ้นแยงเข้าออกสลับกับจูบเบาๆ ปรนเปรอความสุขให้เธออย่างเต็มที่ ครั้งแรกของเธอ เขาต้องแสดงฝีมือให้เธอประทับใจที่สุด นิ่มแอ่นสะโพกรับกับลิ้นที่แยงไปมาอย่างสุขสม เผลอครางเสียงดังน่าฟัง แล้วเกร็งตัวปล่อยน้ำรักออกมาเต็มร่องชื้น สรัญปล่อยมือที่กดมือเธอเอาไว้ ลุกขึ้นไปใส่ถุงยาง แล้วคุกเข่าต่อหน้า มองนิ่มที่หลบสายตาด้วยความเขินอาย จับขาเธอแยกออกแล้วใช้นิ้วกลางแยงเข้าไป ชักเช้าออกรัวๆ เพื่อเปิดทางให้แท่งใหญ่เข้าไปได้ง่ายขึ้น นิ่มหน้าบิดเบ้ด้วยความเสียวซ่าน มือจิกผ้าปู ครางออกมาเหมือนหนังเอวี สรัญเอานิ้วออก นิ่มยกสะโพกตามอย่างเสียดาย สรัญมองภาพตรงหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะกดด้ามยาวนั้นเข้าไปทีละนิดแล้วดันเข้าไปจนสุด นิ่มเกร็งตัวนิดนึงแต่สักพักก็ผ่อนคลายลง สรัญขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ นิ่มกัดปากล่างมือจิกผ้าปูแน่นขึ้น สรัญก้มลงจูบเธอให้ผ่อนคลายขึ้นแล้วขยับสะโพกไปด้วย นิ่มยกมือขึ้นคล้องคอจูบตอบอย่างเก้กัง ยกสะโพกนับตามจังหวะที่สรัญสวนแทงเข้าออกอย่างมีความสุขเสียงซ่าน สรัญผละออกจากการจูบ คุกเข่าซอยเบาๆ ต่อ แล้วยกขาเธอขึ้นมาพาดบ่า ยกให้สะโพกสูงขึ้น แล้วซอยเข้าออกรัวๆ นิ่มครางออกมาดังๆ อย่างไม่อายด้วยอารมณ์ที่พาไป พร้อมๆ กับ สรัญที่ครางอย่างสุขสมเพราะช่องนั้นตอดรัดแท่งลำของเขาดีเหลือเกิน สักพักสรัญก็กลับมาใช้ท่ามาตรฐาน จับเข่าเธอกางออกแล้วกระแทกหนักๆ จนเนื้อตีกันส่งเสียงดังกระตุ้นอารมณ์ให้เร่าร้อนขึ้นมา “อืมมมม พี่สรัญ นิ่มไม่ไหวแล้ว” “อีกนิดนิ่ม รอพี่ก่อน พร้อมกันนะ” สรัญซอยสักพักก็ส่งเสียงครางดังๆ ออกมาพร้อมกัน ส่งสัญญาณว่าทั้งคู่ถึงเส้นชัยแล้ว สรัญถอนแท่งออกมาแล้วรูดถุงยางออกเดินเอาไปทิ้งที่ถังขยะ ก่อนจะทิ้งตัวนอนกอดนิ่มด้วยความเหนื่อยหอบเล็กน้อย “นี่พี่สรัญตัวจริงรึเปล่าคะ ความสุภาพอ่อนโยนหายไปไหน” นิ่มถามแซว เพราะลีลาเมื่อสักครู่ มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเอาไว้เลย มันดีกว่าที่คิดเป็นสิบเท่า “มารยาทในสังคม กับมารยาทบนเตียง อย่านำมาปนกันสิครับนิ่ม” สรัญบอก หอบเล็กน้อย “นี่แค่ออเดิร์ฟนะ จานหลักยังไม่เสิร์ฟด้วยซ้ำ อย่าเพิ่งคิดว่ามันจะจบแค่นี้” สรัญบอกตาลุกวาว “ไม่เอา พรุ่งนี้นิ่มมีงานเช้า” นิ่มบอก ในใจอยากได้ต่อ แต่ก็ห่วงงาน สรัญยิ้ม นอนกอดคนข้างๆ สูดดมอย่างหลงใหล “ไม่ก็ไม่ มีโอกาสอีกตั้งหลายคืน” สรัญบอก “บ้า!” นิ่มทุบอกเบาๆ ด้วยความเขิน “นิ่ม แต่งงานกันเลยไหม พี่อยากแต่งงานแล้ว” สรัญถาม “ขอแต่งงานกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอคะ” “ผู้ใหญ่คุยกัน ตรงๆ ไม่ต้องเสียเวลาฟอร์ม” สรัญบอกนิ่ม เหมือนแซวนิ่มกลายๆ ตอนที่เธอเป็นฝ่ายพูดประโยคแบบนี้ตอนเสนอให้ลองคบกัน “ค่ะ แต่งก็แต่ง” นิ่มบอก ไม่ต้องคิดนาน ทั้งคู่กอดกันกลม อย่างมีความสุข สรัญยิ้มไม่หุบที่มีคนที่ตัวเองรักอยู่ในอ้อมแขน “พี่เคยบอกนิ่มรึยัง ว่าพี่รักนิ่มนะ” สรัญกระซิบบอก นิ่มยิ้ม ขยับไปซบอกให้แนบชิดขึ้น “นิ่มก็รักพี่สรัญนะคะ” ทั้งคู่พร่ำบอกรักกัน นอนกอดก่ายกันด้วยความรักที่กำลังผลิบานอยู่ในใจ ยิ้มรับสถานะใหม่ไม่ใช่พี่ชายกับน้องสาวอีกต่อไป -------- จบ --------
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD