องก์ที่ ๕

3916 Words
รู้ไหมผมยังกลับไม่ถึงห้องเลยก็มีสายเข้า แต่เหมือนยิงมามากกว่าเบอร์ไม่คุ้น ผมไม่ได้คิดว่าจะเป็นเบอร์เด็กพวกนั้นที่จะโทรมาด่า แต่ผมยิ้มออกมาอย่างมีความสุข "นายพูดนะครับ โทรมาหรือเปล่าครับ" ผมกรอกเสียงไปตามสาย "เอ่อ ครับ" "ใครนะครับ" "ผม ผมต้อมเองครับพี่" แทบอยากจะกรี๊ดออกมา เห็นไหมผมบอกแล้วผมไม่ได้ประเมินน้องเขาต่ำไปนะ "อ้าว ต้อมซ้อมเสร็จแล้วเหรอครับ อยากให้พี่พาไปกินข้าวที่ไหนครับ ว่ามาเลย" ผมทำเสียงลิงโลดเหมือนได้รางวัลที่หนึ่งก็ไม่ปาน "เอ่อ พี่จะเลี้ยงข้าวจริงเหรอครับ" "อ้าว จริงสิครับ แต่วันนี้คงไม่ได้นะ เพราะพี่เพิ่งกินมากับเพื่อน พรุ่งนี้ดีไหม พี่เลิกงานสี่โมงนะ เราเลิกเรียนกี่โมงครับ" ผมไม่เปิดโอกาสให้เขาได้เอ่ยปาก ชิงพูดก่อนสิจะได้ไม่มีข้อต่อรอง "อ้อ ได้ครับพี่ ผมเลิกเรียน สามโมงครึ่ง" "แล้วเราไม่ซ้อมบอลเหรอครับ" "ไม่เป็นไรครับพี่ เพิ่งแข่งเสร็จ" "อ้อ จะรอพี่ที่ไหนดีครับ พี่จะได้ขับรถไปรับ" "เอ่อ พี่ครับ ผมพาเพื่อนไปด้วยได้ไหม" ฮึฮึ คิดไว้แล้วเชียว เอาน่าไม่เป็นไร เพราะน้องมันคงยังไม่ไว้ใจ "ได้ครับ พามาเลย พี่ไม่ว่า เรารู้จักร้านอาหารดีๆไหม เดี๋ยวพี่ให้เราเลือกเองเลย" ผมคุยอยู่กับน้องเขาสักพักก็วางสาย "แหม กระแดะนะมึง ดอดจะไปกินในโรงแรม" ผมสบถออกมาเพราะน้องมันเอ่ยชื่อร้านอาหารในโรงแรมในละแวกนั้น ไม่มีทาง ผมต้องพามันไปที่ที่ผมคุ้นเคยสิ หรือไม่ก็ไกลๆเรื่องอะไรจะตามใจมัน ทำท่าถามไปอย่างนั้นเองล่ะแต่พอถึงเวลาค่อยว่ากัน แต่ว่าตอนนี้รู้สึกว่าปลาติดเบ็ดแล้ว "พี่ติ่งเหรอครับ นายเองนะพี่ สบายดีไหมไม่ได้คุยกันตั้งนาน" ระหว่างรอไฟเขียวที่แยกกล้วยน้ำไทผมก็หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนๆหาราย ชื่อเผื่อจะมีใครให้ต้องคุย ละผมก็เจอ พี่ติ่ง หัวหน้าของไอ้เรย์ เคยไปกินข้าวด้วยกัน เท่าที่สังเกตพี่ติ่งชอบการสนทนาของผมมากทีเดียว ไม่ได้คุยนานแล้ว กระชับสัมพันธไมตรีหน่อยเป็นไรไป "อ้าวน้องนาย เป็นไงบ้าง ต๊าย ไม่ได้คุยกันตั้งนาน สบายดีเหรอจ๊ะ" "สบายดีครับพี่ พี่ติ่งว่างไหม ไปนั่งกินเหล้ากันไหมครับ" "ว้ายตาย พี่เป็นสาวเป็นนางนะค้า จะมาชวนไปนั่งกินเหล้า ที่ไหนคะว่ามาเลย" ผมแอบยิ้มไม่ได้ คุยกับพี่ติ่งทีไรได้หัวเราะทุกที ผมนัดแนะร้านไปแล้วเป็นร้านนั่งดื่มแถวบ้านพี่ติ่งนั่นล่ะครับผมแค่วนรถกลับ นิดหน่อยก็ถึงแล้ว พี่ติ่งแกอยู่คอนโดฯในซอยเอ็มโพเรียม ผมตรงไปยังที่นัดก่อนเวลาแล้วไปนั่งรอ ระหว่างนั้นก็โทรฯไปเมาท์กับอีพัท แต่มันคุยด้วยไม่นานเพราะนางกำลังเก็บองุ่นอยู่ ที่ว่าเก็บองุ่นก็อยู่ในซาวน่านั่นล่ะครับเป็นศัพท์ส่วนตัวของมัน ตอนแรกผมก็งงแต่มันบอกองุ่นมันเป็นพวงๆ ก็เลยเข้าใจไม่ให้มันเล่าต่อ โทรฯไปหาอีป้า รายนั้นก็กินเบียร์กับผู้ชายอยู่ร้านของเจ๊ ผมจึงไม่อยากคุยเท่าไหร่เพราะป้าแกเวลาอยู่กับผู้ชายนี่จะแอ๊บแมนเต็มที่ไม่ อยากให้นางแตกสาว เดี๋ยวมันด่าเอา "มารอนานรึยังน้องนาย ตายจริงหน้าใสเชียว" พี่ติ่งมาแล้วครับ ชอบใจจริงๆผู้หญิงวัยกลางคนแล้วนะแต่แต่งตัวเปรี้ยวได้ใจมาก ใส่เลกกิ้งสีดำกระโปรงพับจีบสีดำ เสื้อผ้าบางๆลื่นๆสีดำอีก ทาตาก็ดำ "สวัสดีครับพี่ติ่ง พี่ติ่งนี่ก็สวยไม่สร่างเลยนะครับ เจอทีไรเปรี้ยวได้ใจทุกที" "อู๊ยไม่ได้หรอกนาย ทำงานแบบนี้ไม่เปรี้ยวเดี๋ยวลูกค้าไม่สนใจ" "แหมพี่ติ่งก็เป็นถึงหัวหน้าเขานี่ครับ ลูกน้องก็มี" "ไม่ได้ดั่งใจหรอกนาย อ้าวแล้วไม่ชวนเรย์ออกมาด้วยเหรอ เห็นเรย์กลับบ้านไปแล้วนี่บอกนัดกับแฟนไว้ ไม่ใช่นัดนายหรอกเหรอ" พี่ติ่งพูดออกมาผมทำหน้าเศร้าลงทันที แล้วเล่าให้พี่ติ่งฟัง "ต๊าย เลิกกันแล้วเหรอ อะไรกัน พี่ไม่อยากจะเชื่อ" "ช่างมันเถอะครับพี่ติ่ง เขาคงเจอคนที่ดีกว่านาย แต่ที่อยากเจอพี่ติ่งนี่ไม่ใช่เรื่องนี้นะครับ พอดีคิดถึงอยากหาเพื่อนกินเหล้า" "พี่เข้าใจจ๊ะ มาๆ ชนกันหน่อย" พี่ติ่งแกก็เหมือนรู้สึกผิดที่ถามออกมาแบบนั้นแต่ผมก็ทำให้แกรู้แล้วว่าผมไม่ได้เสียใจอะไรมาก "แล้วเรย์เขาทำงานเป็นไงบ้างครับพี่ติ่ง บางทีผมก็เป็นห่วงเขานะ" "เรย์น่ะเหรอ เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นไงของมัน งานต้องแก้แบบอยู่เรื่อย พี่ก็ไม่อยากจะว่ามันนะ เพราะมันทำงานมานาน แต่พักนี้พี่ว่ามันฝีมือตกลงไปนะ" "เรย์คงเครียดน่ะพี่ติ่ง" "นั่นสินะ"อผมพยายามล้วงเอาความลับ หรือข้อเสียหลายๆอย่างมาจากปากพี่ติ่ง รู้ไหมทำไมถึงชวนคุยแล้วทำไมต้องเป็นร้านเหล้า เพราะเวลากึ่มเหล้าคนเรามักจะพูดสิ่งที่เก็บไว้ในใจเสมอ ความกล้าด้วยฤทธิ์ของน้ำเมามันทำให้ความละอายนั้นลดน้อยถอยลง ผมพอใจนะที่นัดพี่ติ่งมากินเหล้าด้วยวันนี้ ได้รู้อะไรหลายอย่างที่ไอ้เรย์เองมันก็ไม่เคยเล่าให้ฟัง กว่าจะแยกย้ายจากพี่ติ่งก็เกือบตีหนึ่งไปแล้ว ผมรู้สึกว่าเมานะเพราะพี่ติ่งแกให้ยกตลอด จะขับรถกลับยังไงวะเนี่ย ขับไปตอนนี้โดนพ่อให้เป่าแน่ๆ ผมต้องนั่งแท็กซี่กลับฝากรถไว้ที่คอนโดฯของพี่ติ่งดีกว่าตอนเลิกงานค่อยแวะ มาเอา "ซวยแท้ๆ" ผมบ่นแล้วเรียกแท็กซี่กลับห้อง เอาวะลำบากก็ต้องทน แต่สิ่งที่จะได้มามันคิดว่าคุ้มค่าเหนื่อย กลับถึงห้องผมก็ได้ยินเสียงคนคุยกันดังแว่วออกมาจากในห้อง อีพัทมาเหรอ ผมรีบเปิดประตูห้องเข้าไป "อ้าว กลับแล้วเหรอแก" ผงะเลยสิครับ อีป้ามันไม่ได้อยู่กับอีพัทนะ มันอยู่กับไอ้พวกปากหมาที่เจอวันนั้น "เอ่อ" "มากินเบียร์สิแก เนี่ยน้องเขามากินด้วย" ยังมีหน้ามาชวนอีกนะ ผมยืนนิ่งตั้งสติอยู่ก่อนจะเดินเอาของเข้าไปเก็บในห้อง "อ้าวพี่อยู่กับเขาเหรอ หึ" หึ เพื่อ ผมหันขวับทันที "ใช่นั่นนายเพื่อนพี่เอง ที่เราว่าเขากวนตีนน่ะ" "ใครกวนตีนใคร แล้วนี่ไม่หลับไม่นอนกันเหรอแก ฉันจะนอนนะ" "อ้าวคู้ณ จะนอนก็นอนไปดิ นอนคนละห้องไม่ใช่เหรอ" ดูมัน นี่มันห้องส่วนตัวของอีป้า ถึงผมจะมาอาศัยก็เถอะนะ แต่มันไม่ควรพูดแบบนี้ "เออ จะนอนแต่หนวกหูน่ะ เข้าใจไหม" "นี่ๆ อย่าทะเลาะกันเลย ทะเลาะกันไปเอาไปเอามาเดี๋ยวก็ได้กันหรอก" อีป้าพูดแล้วหัวเราะ ช่างอีกคนที่มากับมันก็หัวเราะ "ต๊าย ได้กะผีน่ะสิ ต่อให้ผู้ชายหมดโลกฉันขอเสพของปลอมแทนดีกว่า" ผมเบะปากใส่มัน "โหพี่ ผมก็ไม่นิยมผู้หญิงมีไข่หรอกนะ" เมื่อครู่รู้สึกกึ่มๆเหล้านะ แต่พอได้ยินมันพูดแบบนี้สร่างทันที แต่พวกมันหัวเราะอย่างพอใจ "ฉันก็ไม่นิยมผู้ชายสกปรก มีตะกร้อครอบปากหรอกนะ" "เฮ้ย" "หยุดๆ อย่าทะเลาะกัน อะไรกัน ทำไมไม่ชอบหน้ากันขนาดนี้เลยเหรอ" อีป้าแตะแขนมันไว้เพราะมันทำท่าจะลุกขึ้น มาเลย จะถีบเข้ายอดอกสักทีซ่านักเหรอ "ไม่ใช่ไม่ชอบหน้ากันนะแก แต่ไม่ชอบมาก รู้นี่ว่าไม่ชอบ ไปให้พ้นหน้าซะที" ผมพูดออกไปยืนยกไหล่ใส่มันอยู่ "ผมกลับนะพี่ ไม่อยู่ก็ได้วะ" "เฮ้ย อย่าไปถือสาเลยหลวง พี่ขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยก็แล้วกัน นายแกไปอาบน้ำนอนได้แล้ว" นี่อีป้ามันไล่ผมให้ไปอาบน้ำเหรอ ไอ้นั่นมันเป็นใคร ผมสะบัดหน้าเดินเข้าห้องน้ำไป ให้น้ำมันไหลลงตัว โอ๊ยโมโห "นี่แก หลวงมันเพิ่งเลิกกับแฟน มันเสียใจน่ะ ฉันเลยชวนมันมากินเบียร์ที่ห้อง" อีป้าเดินตามเข้ามาเมื่อผมอาบน้ำเสร็จ "แล้วไง ฉันก็เพิ่งเลิกกับแฟน" "อีนี่ มันไม่เหมือนกันนะมึง น้องมันน่าสงสาร ซื้อของให้ทุกอย่างจะว่าไปก็เหมือนแกนั่นล่ะ หัวอกเดียวกันแทนที่จะเข้าใจกันนะ ไปว่าเขาอีกมันยิ่งเสียๆใจอยู่" "ฉันจะรู้ไหมล่ะ มาปากหมาใส่เองนี่" "เออๆ แม่วิเศษ แกเองก็ใช่ย่อยนะ ว่าน้องเขาไปก็แรง นอนไปเถอะ อย่ามาว่าอะไรน้องอีกล่ะ" "ต๊าย ปกป้องกันจริ๊ง ระวังเถอะฉันจะฟ้องอีตาดั๊ก" "ฟ้องเลย มันรู้แล้วฉันบอกมันแล้ว" ดั๊กนี่คือแฟนมันนั่นล่ะครับ สองคนนี้คบกันมานานมากแล้ว จะเชื่อไหมว่าตั้งแต่วันที่เขาตกลงใจจะคบกัน จนถึงวันนี้อีตาดั๊กโทรศัพท์หาอีป้าทุกวันไม่เคยเว้น แม้ผมจะไม่ได้อยู่ด้วยก็ตาม แต่ผมรู้ว่าเขาทำแบบนั้นจริงๆ น่าสรรเสริญมาก ไม่เคยเจอ ผมปิดห้องนอนไม่ได้สนใจ ไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่งอย่ามายุ่งกับฉันก็แล้วกัน ผมนอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย แต่ก่อนหลับก็แสยะยิ้มออกมาเมื่อคิดไปถึงแผนการณ์ที่วางเอาไว้ "อือ" ผมสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะหิวน้ำ ลุกออกจากเตียงแล้วเดินออกนอกห้องไป เปิดประตูตู้เย็นพอแสงไฟจากในตู้เย็นสาดออกมาผมถึงกับผงะ "เอ๊ะ ยังไม่กลับกันอีกเหรอ" ผมเห็นร่างไอ้บ้านั่นนอนอยู่บนโซฟาท่าทางคงเมามาก แต่เพื่อนมันอีกคนกลับไปแล้ว "เลวร้าย กินไม่รู้จักประมาณตน" ผมบ่นออกมาแล้วไม่สนใจเดินกลับเข้าไปในห้องนอนต่อ ตื่นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุก อะไรเนี่ยเหมือนเพิ่งนอนไปเอง "อีป้าเร็วๆหน่อย จะเข้าห้องน้ำ" ผมตะโกนเรียกมันหน้าห้องน้ำ เพราะข้าศึกบุกหนักแล้ว "ปวดขี้เหรอคุณ" คนที่โผล่หน้าออกมาไม่ใช่อีป้า แต่มันเป็นไอ้นั่น เหมือนมันจะไปล้างหน้าล้างตา น้ำยังเกาะอยู่ที่ใบหน้าอยู่เลย ผมผงะออก "หยาบคาย เสร็จยังเนี่ยคนอื่นจะได้เข้า" "ก็เข้าไปดิ ปวดขี้สิท่าหน้านี่งอเชียว" "ไอ้บ้า" ผมว่ามันแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป อาบน้ำด้วยเลยเพราะกลัวสาย "จะนอนต่อไหมล่ะหลวง นอนได้นะ" อีป้าถามตอนเราพร้อมจะออกจากบ้านแล้ว "ไม่หรอกพี่ขอบคุณครับ ผมต้องไปทำงาน" "ก็น่าจะอยู่หรอกนะ จะมานอนห้องคนอื่นได้ไง ห้องตัวเองไม่มีเหรอ" "นาย" อีป้าปราม มันหน้าหงิกทันที "ผมไปนะพี่ ขอบคุณครับ" มันเดินผ่านผมออกจากประตูห้องไป สายตาปราดมามองแบบเจ็บแค้นใจ เชิดใส่ สนใจที่ไหน "อีบ้า บอกไม่ให้พูด น้องมันโดนแฟนไล่ออกจากห้องนะแกรู้ไหม" "อ้าว ก็แสดงว่าเป็นคนไม่ดีน่ะสิ แฟนถึงไล่ออกจากห้อง" "นี่แก ถ้าไม่รู้เรื่องน่ะอย่าเดาสุ่ม มันแทงใจคนอื่นเขา" "ต๊ายอีป้า เห็นอกเห็นใจมันขนาดนั้นเชียว" "แหมแก ก็แฟนมันน่ะพาผู้ชายคนอื่นมานอน มันกลับไปเจอพอดีไง แล้วมีเรื่องกัน อีนั่นก็บอกว่าให้มันไปอยู่ที่อื่น ของทุกอย่างอีนั่นก็ยึดเอาหมด" "แล้วทำไมถึงยอมล่ะ ในเมื่อหามาด้วยกัน จะแยกกันก็ต้องครึ่งๆสิ" "ก็ฉันบอกแล้วว่าไอ้หลวงน่ะมันเป็นคนดี นิสัยดี คงไม่ทันพวกปลาไหลแบบนั้นหรอกนะ" "รู้ดีเนอะ เร็วๆรีบไปเดี๋ยวฉันสาย" ผมเร่งมัน แล้วหอบกระเป๋าเดินไปที่ลิฟท์ เสียงเราสองคนถกกันจอแจดังทั้งชั้นเลยก็ว่าได้ "เออ วันนี้ทันว่ะ" "ไม่ทันได้ไงก็มารถไฟฟ้า" อีป้าดอดขึ้นผมนี่นะไม่น่าปล่อยช่องให้มันกัดเลย "เออเนอะ รู้งี้ไม่ขับรถไปทำงานดีกว่า มารถไฟสะดวกกว่าตั้งเยอะ ไม่อารมณ์เสียด้วย" "แล้วรถแกไปจอดไว้ไหนล่ะ" ผมบอกมันไป คนบนรถไฟฟ้านี่แน่นเหมือนกันเนอะ ผมสังเกตดูหลายคนที่กำลังยืนนิ่งฟังเพลงผ่านโทรศัพท์มือถือ แต่เอ๊ะนั่นมันรุ่นเดียวกันกับของผมนี่ คนนั้นก็ใช่ คนโน้นก็ใช่ "โหแก คนนั่งรถไฟนี่เขาใช้ห้าจีกันเยอะเหมือนกันนะ" "แหมอีนาย แกยังมีปัญญาใช้ คนอื่นเขาก็มีเหมือนกันล่ะ" อ้าวอีนี่ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อย "ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ แสดงว่าเขาก็เงินเดือนเยอะ มีรถกันทุกคนสินะ แต่คงเบื่อรถติด" "ไม่หรอกแก บางคนมีเพราะแฟชั่น เงินเดือนน่ะไม่ได้เยอะอะไรหรอก แต่เห็นเขามี ก็อยากมี" "หือ เพื่อ" "อ้าวอีนี่ แฟชั่นไงยะ แกมีเพราะแกเงินเดือนเยอะไม่แปลก แต่แกดูโน่น เด็กมัธยมห้อยไอโฟนรุ่นล่าสุด แกว่าไงล่ะ" "ก็บ้านมันรวย" "ไม่รวยอย่างเดียวนะ พ่อแม่ต้องตามใจมากๆด้วย" "โอ๊ยอย่าไปวิจารณ์เลยได้ไหมเด็กมัธยมน่ะ เกลียด" ผมชักสีหน้าเมินหน้าหนี เพิ่งสังเกตเห็นจริงๆนั่นล่ะ เด็กมัธยมสมัยนี้ห้อยโทรศัพท์แพงๆ แต่สมัยผมเรียนนะหยอดตู้กันกระหน่ำ มันก็เป็นไปตามยุคตามสมัยนั่นล่ะนะ สังคมมันย่อมหมุนไปตามกระแสโลก ไม่ว่ากันเรื่องแบบนี้ แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดี ตอนผมเรียน ม ต้นอยู่ที่นี่ผมได้เงินไปโรงเรียนวันละ ๕๐ บาท รวมค่ารถไปกลับด้วยนะ ให้พ่อแม่ไปส่งน่ะเหรอฝันไปเถอะ แต่หลังจากหักค่าข้าวกลางวันที่โรงเรียน ค่าขนมบ้างบางวันผมยังมีเงินเหลือเก็บนะ อยากได้อะไรสำคัญหรือฟุ่มเฟือยนี่เก็บเงินซื้อเองสุดฤทธิ์ ผมแค่สงสัยว่าแล้วค่าโทรศัพท์ที่น้องๆเขาห้อยนั่นล่ะ พ่อแม่ก็จ่ายให้ด้วยเหรอ เริดที่สุด เอาเถอะเรื่องของเขา เรื่องของผมนี่ก็แก้ไม่ตกอยู่แล้วไม่เอาเรื่องคนอื่นมาใส่สมองหรอก ยิ่งมีลางสังหรณ์ว่าจะเสียเงินก้อนอยู่เพราะเด็กคนนั้น "เอส ว่าไงอ่ะได้เรื่องป่ะ" พอเจอหน้าเอสผมก็ยิงเข้าประเด็นทันที "อ้อ น้องเขาชื่อต้อม ตามที่ส่งรูปให้ดูนั่นล่ะ เป็นนักฟุตบอลทีมโรงเรียน ฮอตนะนาย ได้ข่าวว่าเด็กในโรงเรียนกรี๊ดกันสนั่น" "ชายล้วนเนี่ยนะ" "แหมนาย สมัยนี้เขาเปิดเผยกันจะตาย" "อ้อ แล้วไงว่าต่อๆ" "แต่น้องเขาเป็นเด็กทุนนะ เป็นคนชลบุรี ได้ทุนนักกีฬามาเรียน" "อ้อ โอเค แล้วน้องเอสรู้จักเขาดีไหม" "ไม่ค่อยนะ เพราะเขามีกลุ่มของเขาเอง พวกดังๆน่ะเข้าถึงตัวยาก" "แล้วถามน้องเอสให้หน่อยสิ ว่ารู้จักน้องชื่อเบียร์ไหม" "โห กว้างไปไหมนาย ชื่อเบียร์น่ะมีเป็นร้อยเลยมั้ง" เออนั่นสินะ รูปมันก็ไม่มี ผมก็เลยอาศัยอธิบายลักษณะภายนอกคร่าวๆให้เอสฟัง ส่วนเอสก็นะบีบีคุยกับน้องมันตามที่ผมบอก "อ้อ น่าจะเป็นเบียร์ ม ๕" "หือ รู้ได้ไง" "ก็น้องเราบอกว่า เบียร์มีคนหนึ่งแรดกว่าใคร อยู่ ม ๕ คนนี้ออกหน้าออกตา น้องบอกแรงมาก" "อืม น่าจะใช่" ไม่แรงธรรมดานะ ออกตัวแรงมากทีเดียว ผมยิ้มออกมาแล้วคุยกับเอสต่อ วันทั้งวันก็นะส่งข้อความตอดน้องต้อมทั้งวัน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม แต่น้องเขาก็เล่นด้วยนะเออ ไม่ใช่ผมคิดเองเออเอง "ตกลงอยากไปกินที่ไหนครับ ต้อม" พอเลิกงานผมก็รีบไปเอารถที่คอนโดฯพี่ติ่ง แล้วตรงไปรับน้องต้อมที่สถานีรถไฟช่องนนทรี มันพาเพื่อนมาด้วยสองคน ก็สองคนเดิมนั่นล่ะครับ "ที่ไหนก็ได้ครับพี่" ต้อมบอกแล้วหันไปมองเพื่อน คือมันนั่งข้างผมนะครับส่วนเพื่อนมันอีกสองคนนั่งหลัง "พี่พาไปดีกว่าครับ" "อ้าวเหรอ พี่ไม่ค่อยรู้จักที่นะ เราสามคนอยากกินไรล่ะ พี่จะได้พาไป บอกมาเถอะไม่ต้องเกรงใจ วันนี้เต็มที่ครับน้อง" "ไปกินริมน้ำไหมพี่ ไม่แพงมาก" ต้อมมันเอ่ยขึ้นไม่กล้ามองสบตาผม "อยากกินอาหารทะเลเหรอ" "ครับพี่" สองคนด้านหลังเอ่ยขึ้นพร้อมกัน "ได้สิไม่มีปัญหา" ผมเอาสายโทรศัพท์เสียบใส่หู โทรไปถามจอยดีกว่า ไหนบอกเป็นคนเมืองถามมันหน่อยซิ ผมก็พูดเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเคย "เพื่อนพี่บอกว่ามีร้านอาหารทะเลแถวบางขุนเทียน อยู่ตรงไหนอ่ะพี่ไม่รู้จัก" ผมหันไปถามน้องต้อม มันก็หันไปหาเพื่อนอีกทีหนึ่ง "อ้อ ผมรู้จักครับพี่ เดี๋ยวบอกทาง" น้องคนนั้นชื่อโป้ง อีกคนชื่ออูหน้าตาหล่อดีนะผมว่าทั้งสองคน แต่น้องต้อมเนี่ยเด็ดกว่าร่างกายไม่เหมือนเด็กมัธยมเลยสูงหนาใหญ่ โอ๊ยไม่เอาๆ ผมไม่ใช่พวกชอบบริโภคเด็กยิ่งเด็กมัธยมยิ่งสแลงใจ ผมขับรถไปตามทางที่น้องมันบอก ระหว่างทางมันก็ถามนั่นถามนี่เหมือนอยากรู้ข้อมูล "แล้วเล่นบอลแบบนี้ สาวๆก็กรี๊ดตรึมเลยดิ เราสามคนน่ะ" ผมถามขึ้นระหว่างรออาหาร "ธรรมดาพี่ ผมกะไอ้อูน่ะเบาๆ ส่วนไอ้ต้อมน่ะเรตติ้งมันดี" "มึงก็ว่าไป" "ยังไงครับ เล่าให้ฟังหน่อยดิ" "ก็มีสาวๆมาติดอ่ะพี่ แต่ว่าที่จริงมีทั้งสาวทั้งตุ๊ดอ่ะมาติด" "หือ จริงเหรอ แล้วเราชอบแบบไหนล่ะ" มันมองหน้าผมแปลกๆ "ผมก็ชอบผู้หญิงดิพี่ ไม่ได้ชอบตุ๊ดนะ" "อ้อ ครับ ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น พี่ถามเฉยๆ" เออนะ เผื่อไก่ตื่น ผมนี่ถามอะไรไปก็ไม่รู้ เลยต้องยกเรื่องนั้นเรื่องนี้มาแทน "พักแถวไหนครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง" "พี่ส่งผมสองคนลงรถไฟก็ได้ครับ" "อ้าว แล้วต้อมล่ะ" "ไอ้ต้อมมันอยู่หอน่ะพี่ พี่ไปส่งมันให้หน่อย" "ไม่เป็นไรครับพี่ผมกลับเองได้" "เหรอ กลัวพี่หรือเปล่าน้องต้อม ฮ่าๆๆ ตามใจนะพี่ไม่ได้มีจุดประสงค์ร้าย" ผมหัวเราะออกมา ที่จริงก็อยากหัวเราะนะ แหมทำมาเป็นรู้ดีเด็กพวกนี้ เดี๋ยวเถอะ "ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นครับพี่ แต่ผมเกรงใจพี่" "เกรงใจอะไร พี่ต่างหากที่ต้องขอบใจเราสามคนที่ยอมมาให้พี่เลี้ยงข้าวเพื่อไถ่โทษ ขอบใจนะโป้ง อู" ผมหันไปย้มให้ทั้งสองคน อย่ามาตั้งแง่ให้มากนะ รู้จักคนอย่างนายพลน้อยไป "กลับบ้านดีๆนะครับ ไว้คราวหน้าพี่พาไปกินแถวรามอินทรา แถวนั้นอาหารอร่อย" ผมบอกทั้งสอง แทนที่ไอ้ต้อมมันจะลงไปด้วยนะ แต่มันก็นั่งนิ่งอยู่ "ตกลงพักตรงไหนนะต้อม พี่จะไปส่ง" "พี่นาย ผมถามจริงๆนะพี่ พี่คิดอะไรกับผมป่ะครับ" เอ่อ มันถามตรงๆเลยนะ ได้ จัดไปไอ้น้อง ในเมื่อกล้าถามตรงๆ ก็จะตอบแบบตรงบ้างไม่ตรงบ้าง "เอาจริงๆเลยเหรอครับต้อม" "ครับ ผมว่าพี่ต้องมีจุดประสงค์อย่างอื่น" ฉลาดเหมือนกันนี่ นึกว่าจะกะโหลกกะลา "คือพี่อยากให้เราทำอะไรให้พี่อย่างหนึ่งน่ะครับ ไม่ลำบากหรอก พี่แค่อยากเลี้ยงเด็กสักคนน่ะ" ผมมองหน้ามัน มันมองหน้าผมอ้าปากค้างทันที "เฮ้ยพี่ ผมไม่" "พี่รู้ แต่แค่เลี้ยงนะไม่ต้องมีอะไรกัน เพราะเผื่อว่าพี่อยากให้ช่วยอะไร" "ช่วยอะไรพี่" "เดี๋ยวก็รู้เองล่ะ เราไม่ทำก็ได้นะ แต่อยากได้อะไรพี่จะให้หมด" "เอ่อ" "เก็บไปคิดก่อนก็ได้นะต้อม พี่ไม่รีบ แต่ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่ได้คำตอบ พี่คงต้องมองหาคนอื่น ขอโทษนะที่เราอาจจะไม่ชอบใจ แต่พี่ไม่ได้อยากเลี้ยงเราเพราะอยากมีอะไรกับเรานะ อยากให้เราเข้าใจ" ผมไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่พูดแบบนั้นออกไป เอาวะ วัดใจกัน รำคาญจะมาคอยตาม ติดก็ติดไม่ติดก็มองหาคนใหม่ ผมคิดแผนสองเอาไว้แล้วด้วยล่ะ ไม่อยากง้อใคร เปลืองเงินอีกต่างหาก ผมขับรถกลับห้องด้วยใจที่เต้นระทึก แต่รู้ไหมครับ ว่ายังไม่ถึงแยกสะพานไทยเบลเยี่ยมเลยน้องมันก็ยิงเบอร์มา "ครับต้อม ว่าไงครับ" "เอ่อ เรื่องที่พี่พูดน่ะครับ พี่ไม่ได้อยากมีอะไรกับผมจริงเหรอ" "อ้าวนะ ไม่อยากมี ไม่ชอบเด็ก แค่อยากเลี้ยงดูอยากเห็นเขามีอนาคตดีๆ แค่นี้เอง พี่ไม่มีน้องชายน่ะต้อมพี่อยากมี อยากดูแลห่วงใยเอาใจใส่น้องชายสักคน แค่นั้นจริงๆ" ผมแถไป เฮ้อนะ โทษทีนะต้อมที่ต้องสตอเบอร์รี่ใส่ ทำไงได้ "ครับ" "ครับนี่คือตกลงใช่ไหม" ผมพูดเองเออเอง "ครับพี่ ถ้าพี่ไม่อยากมีอะไรกับผม ผมก็โอเคครับ แต่มีข้อแม้นะครับพี่ ถ้าพี่ล่วงเกินผมผมจะหยุดทันที" กรี๊ด อยากจะกรี๊ดใส่ หล่อมาก วิเศษมากพ่อคุณ โอ๊ยเด็กหนอเด็ก ถ้าอยากกินแกน่ะฉันเอาเงินซื้อที่ไหนก็ได้ ไอ้หนูเอ๊ย แหมนะ มั่นมากคุณชาย เอาเถอะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว แต่เกมนี้มันไม่นานหรอกนะต้อม พี่ไม่ได้เลวนะ แต่แค่อย่าให้ร้าย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD