“เมฆจ๋า...ซี๊ดดด...เร็ว ๆ เลย...แรง ๆ ด้วย”
“เร็วแล้วฝ้ายจ๋า...โอย...โอย...อ่าส์...อ่าส์...โอ๊ย”
เมฆร้องเสียงดังยังกะแน่ใจว่าแถวนั้นไม่มีใครก่อนเพิ่มแรงกระแทกซอยถี่ ๆ จนฝ้ายถึงกับน้ำตาเล็ด ท่อนเอ็นของเมฆถูกอัดกระแทกเข้าไปหลายหนจนเด็กหนุ่มเริ่มเกร็งแล้วรีบถอนเจ้าจ้อนยักษ์ออกมาปล่อยให้มันพ่นน้ำขาวขุ่นข้นจนเปรอะเปื้อนบนแก้มก้นขาว ๆ ของฝ้าย
“โอย...โอย...เมฆจ๋า...ฝ้ายแตกแล้ว...ซี๊ดดด”
“เมฆก็แตกแล้วฝ้าย เมฆแตกแล้ว...ซี๊ดดดด”
เมฆแหงนหน้าขึ้นและซู๊ดปากเหมือนได้กินของแสนอร่อยเข้าไป หน้าตาของทั้งสองหนุ่มสาวบิดเบี้ยวแสดงออกซึ่งความเสียวเต็มที่ เมื่อเห็นดังนั้นข้าวหอมก็รู้แล้วว่าทั้งสองเสร็จกิจและต่างคนต่างรีบแต่งตัว หล่อนย่องเงียบออกจากด้านหลังของชั้นหนังสือกลับไปที่โต๊ะทำงานโดยทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ
ตอนที่กลับออกมานั่งที่โต๊ะ บรรณารักษ์สาวสังเกตว่าภายในห้องสมุดยังเงียบเชียบ โชคดีที่ไม่มีใครเข้ามาตอนนี้ เพราะถ้ามีคนเข้ามาแล้วเห็นสองหนุ่มสาวเมฆและฝ้ายกำลังทำอะไรกันอยู่ก็คงต้องเป็นเรื่อง
แต่ที่สำคัญถ้ามีคนเห็นหล่อนยืนแอบดูทั้งสองอยู่หลังชั้นวางหนังสือน่าจะเป็นเรื่องใหญ่กว่านั้น เพราะคนที่จะอับอายมากที่สุดไม่ใช่เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองแต่จะกลายเป็นหล่อนเสียเอง
เวลาผ่านไปสักครู่ข้าวหอมก็ได้ยินเสียงหนุ่มสาวทั้งสองเดินออกมาพร้อมกัน เมฆและฝ้ายอยู่ในชุดที่ดูเรียบร้อย บรรณารักษ์สาวแสร้งก้มหน้าก้มตาทำงานทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สักพักฝ้ายก็เดินเข้ามาที่โต๊ะทำงานของหล่อน
“ขอโทษค่ะ พี่บรรณารักษ์”
ฝ้ายเอ่ยขึ้นและทำให้ข้าวหอมเงยหน้ามองเด็กสาววัยใสที่หน้าตาของหล่อนสะสวย ฝ้ายเป็นสาวสวยผิวพรรณดี หล่อนยิ้มให้ข้าวหอมที่มองและลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ใจของหล่อนเต้นตึกตักแถมมือเย็นเพราะยังตื่นเต้นกับภาพที่เห็นเมื่อครู่ไม่หาย
“ว่าไงคะน้อง?” ข้าวหอมถามออกไป
“เมื่อกี๊นี้...มีเพื่อนของฝ้าย...เข้ามาหาฝ้ายที่นี่หรือเปล่าคะ”
“มะ...ไม่มีค่ะ...”
“ไม่มีใครเลยเหรอคะพี่?”
“ไม่มีค่ะ...เอ้อ...มันเป็นเวลาพักเที่ยงนี่คะ นี่พี่ก็นั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว เมื่อกี๊ไม่มีใครเข้ามาเลยค่ะ”
“อ๋อ...ถ้าอย่างนั้นขอบคุณนะคะ”
ฝ้ายยิ้มกับบรรณารักษ์แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะอ่านหนังสือซึ่งเมฆนั่งอยู่ที่นั่น สักพักทั้งสองก็คุยกันเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปพร้อมกัน ข้าวหอมเงยหน้ามองและยิ้มให้คนทั้งคู่แต่ก็สังเกตเห็นว่าเมฆหันมามองหล่อนด้วยสายตาแปลก ๆ เด็กหนุ่มคนนั้นเหลือบมองบรรณารักษ์สาวเหมือนเขาชอบหล่อนยังไงยังงั้น แต่ข้าวหอมก็ไม่ได้ตื่นเต้นกับแววตาของเด็กหนุ่มรุ่นน้อง เมื่อทั้งสองออกไปจากห้องสมุดแล้วข้าวหอมก็ถอนใจโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยทีเดียว
“เฮ้อ! นี่มันวันอะไรกันนี่...”
“บ่นอะไรเหรอคะพี่ข้าวหอม”
เสียงน้องปิ๋มทำให้ข้าวหอมที่กำลังจะตั้งใจทำงานต่อต้องหยุดชะงัก หล่อนเงยหน้ามองเด็กสาวรุ่นน้องที่หอบหิ้วขนมเข้ามาและหย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ
“พี่ข้าวหอมกินข้าวหรือยังคะ?”
“ยังเลยจ้ะ”
ข้าวหอมไม่อยากบอกเลยว่าวันนี้ตั้งแต่เช้ามาจนถึงเที่ยงหล่อนยังไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด ในหัวมีแต่เรื่องที่หล่อนแอบไปรู้ไปเห็นมาจนไม่รู้สึกนึกอยากกินข้าว
“ปิ๋มกินข้าวแล้วเหรอจ๊ะ?”
“ค่ะ...พอดีเจอผอ.เด่นชัยน่ะ”
ข้าวหอมเกือบจะสำลักน้ำลายตัวเองเมื่อผู้ช่วยรุ่นน้องบอกอย่างนั้น หล่อนแสร้งยิ้ม ๆ
“ท่านเลี้ยงข้าวน้องปิ๋มเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ...พี่ข้าวหอม...ผอ.เด่นชัยนี่ ถ้าไม่บอกก็ไม่น่าเชื่อนะคะว่าอายุอานามห้าสิบเข้าไปแล้ว ท่านยังดูหนุ่มกว่าอายุมาก ดุดีกว่าเด็กหนุ่ม ๆ ด้วยซ้ำไป”
“ภรรยาท่านก็สวยมากด้วยล่ะ”
“แต่ปิ๋มว่าเมียผอ.ดูแก่แล้วนะคะ แหม...ปิ๋มเคยเห็นเวลาผอ.เดินกับเมียเหมือนพี่กับน้อง ไม่เหมือานสามีภรรยาเลยล่ะค่ะ...เนี่ย...อายุขนาดนี้แต่ยังดูหนุ่ม ผอ.น่ะ ยังเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์นะพี่ข้าวหอม”
“แต่ท่านก็มีครอบครัวแล้วนี่นะ...ผู้ชายที่ดูดีก็จะมีครอบครัวที่น่ารัก”
พอข้าวหอมพูดจบน้องปิ๋มก็ขยับตัวเข้ามาใกล้และกระซิบเบา ๆ กับบรรณารักษ์สาวรุ่นพี่
“นี่...พี่ข้าวหอม...เดี๋ยวนี้ผู้ชายที่มีอายุแล้วแต่ดูดีอย่างนี้น่ะมีบ้านเล็กบ้านน้อยกันออกเยอะแยะไป แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับลีลาเด็ดของหนุ่มใหญ่หรอกนะพี่ข้าวหอม”
ข้าวหอมยิ้ม ๆ บรรณารักษ์สาวไม่ขัดคอผู้ช่วยรุ่นน้อง ดูท่าว่าน้องปิ๋มจะไม่สะทกสะท้านกับเรื่องแบบนี้เลย น้องปิ๋มควงรู้สึกดีด้วยซ้ำเรื่องที่หล่อนแอบเล่นกับผอ.ในห้องสมุดกลางวันแสก ๆ
บทที่ 5
เมื่อถึงเวลาเลิกงานข้าวหอมก็รีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋าออกจากห้องสมุดเพราะน้องปิ๋ม ผู้ช่วยสาวรุ่นน้องล่วงหน้ากลับบ้านไปก่อนแล้ว หญิงสาวเดินไปด้านหน้าห้องสมุดและกำลังจะตรงไปยังป้ายรถเมล์เพื่อรอรถกลับบ้าน แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น
“หนูข้าวหอม...หนูข้าวหอม”
เสียงเรียกนั้นทำให้ข้าวหอมหันไปมองก็เห็นรถเก๋งคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดใกล้ ๆ กระจกรถถูกลดลงจนหมดทำให้เห็นคนที่นั่งอยู่ข้างใน