แต่ในเมื่อเขาเลือกที่จะแต่งงานกับเธอแบบมีสัญญา เธอคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากก้มหน้ายอมรับชะตากรรม ทิพลดาน้ำตาซึมด้วยความเจ็บและน้อยใจปนเปกันไป
“ตรงนั้น?”
“เออ” แล้วเธอก็แทบจะร้องกรี๊ดออกมา เมื่อเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่บนเตียง เหลือแต่ตัวล่อนจ่อน ทิพลดาจึงวิ่งกระเผลก ๆ เข้าห้องน้ำไป
ขณะที่ทิพลดากำลังแต่งตัวในห้องน้ำ ธีรกรก็ใช้ความคิดอย่างหนัก หาวิธีรับผิดชอบเธอโดยที่ไม่ต้องแต่งงาน แต่คิดอย่างไรก็เหมือนทางตัน เพราะอุทุมพรคงไม่ยอมแน่นอน ในเมื่อเป็นโอกาสเดียวที่จะจับให้เขาแต่งงานโดยที่ปฏิเสธไม่ได้
อาจจะต้องขอเวลาศึกษากันไปก่อน ถ้าแม่ของเขาจะรับฟังบ้าง แต่ถ้าไม่ก็คงให้ทนายเตรียมร่างสัญญาไว้
‘เฮ้อ… เมีย..บทจะได้ก็หาง่ายเกิน แถมมีพยานคนสำคัญอย่างแม่อีก งานนี้รอดยาก’
ชายหนุ่มได้แต่ปลงในใจ คนที่รักกันมานานเป็นสิบปีอย่างเขากับแพรวดาวยังเลิกกันได้ แล้วนี่คุยกันแค่ครั้งเดียว พอครั้งที่สองก็ได้เสียกันแล้ว จะไปอยู่กันยืดได้อย่างไร
เขาเคยคิดว่า เมื่อตัดสินใจแต่งงานจะต้องรักและมั่นใจ อยู่ด้วย กันไปจนแก่เฒ่า จะไม่เลิกรากัน แต่พอชีวิตจริงไม่ต้องถามถึงความมั่นใจใดๆ แค่รู้จักชื่อ ก็ต้องมาแต่งงานกันแล้ว ส่วนนิสัยใจคอยังไม่ต้องพูดถึง เรียกได้ว่าเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน
ทิพลดายังอยู่ในห้องน้ำ ส่วนธีรกรออกมาก่อน พอก้าวเท้าเข้าไปในห้องทำงานของเขา ก็เจออุทุมพรที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับ หญิงม่ายวัยกลางคน รูปร่างท้วม ผิวขาว หน้าตามีเค้าความงามเมื่อวัยสาว
ปกติเป็นคนที่ยิ้มแย้ม อัธยาศัยดี มีไมตรีกับทุกคน สมัยก่อนทำการค้าสองคนสามีภรรยา ลูกค้าส่วนใหญ่ก็มักจะมาอุดหนุน เพราะอุทุมพรเป็นคนคุยง่าย ไม่เอาเปรียบลูกค้า เป็นผู้บุกเบิกร่วมกับสามีเปิดร้านวัสดุก่อสร้าง และรับเหมางานก่อสร้าง
เธอมีลูกชาย 2 คน คนโตคือธีรกร ที่กำลังเดินเข้ามา ส่วนคนเล็ก สุดเขต ชอบทำงานลงพื้นที่ ดูแลไซด์งาน ไม่ชอบติดต่อหรือสุงสิงกับใคร
ธีรกรนั่งลงโซฟารับแขกติดกับลุงดลนั่งรออยู่ก่อนแล้ว สายตาของคนทั้งคู่มองตรงมาที่เขาทันที
“แม่ถามลุงดลแล้ว เมื่อคืนธีร์อยู่ที่ร้านอาหารจนถึงสามทุ่ม ก่อนที่จะลุงดลออกไปทำธุระ เลยไม่รู้ว่าธีร์กลับตอนไหน แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงพาลูกสาวเค้ามาทำมิดีมิร้ายแบบนี้ ตอนแม่แนะนำหนูทิพให้รู้จัก ทำท่าทำทางไม่สนใจไม่อยากคุย แต่พอวันนี้กลับมาแอบทำไม่ดีที่ร้าน ไม่ให้เกียรติน้องเค้า ทำอะไรก็ต้องคิดถึงหน้าของน้ากาญจนาบ้างนะ”
อุทุมพรพูดด้วยความหมั่นไส้ลูกชาย ทีตอนแม่บอกขัดไปหมดทุกอย่าง พอตอนนี้ข้ามขั้นไปไกลจนแม่อย่างเธอก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“ในเมื่อลูกเลิกกับแพรวดาวมาเป็นปีแล้ว ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ฉะนั้นลูกต้องรับผิดชอบ เป็นผู้ชายไม่เสียหาย แต่น้องเค้าเป็นผู้หญิงเสียไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้”
ในที่สุดอุทุมพรก็เข้าเรื่องที่เธอต้องการมากที่สุด ใบหน้าทำบึ้งกดดันลูกชาย แต่ในใจเบิกบานจนแทบอยากจะจุดพลุฉลองชัย
“...”
“อย่าบอกนะว่ายังรอแฟนเก่า แม่บอกตามตรงนะว่าแม่ไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น ต่อให้กลับมาแม่ก็ไม่ยอมรับ”
ในใจของอุทุมพรกำลังลุ้นว่าลูกชายจะตอบตกลงไหม เรื่องออกมาเป็นแบบนี้กลับดีด้วยซ้ำ ลูกชายเธอจะได้แต่งงานมีครอบครัวสักที เพราะปีนี้อายุปาเข้าไป 30 ปี มัวแต่ทำงาน เพื่อนรุ่นเดียวกันมีลูกโตหมดแล้ว
อีกอย่าง ว่าที่ลูกสะใภ้เธอก็รู้จัก เคยเห็นมาตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นลูกสาวเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันมา ถึงไม่สนิทสนมแต่ก็พอรู้จักกัน และทิพลดาเป็นเด็กดี อัธยาศัยดี หน้าตาก็จัดว่าสวย ดูดี และยังเป็นพยาบาลจะได้ดูแลครอบครัว ลูก สามี ได้ งานนี้เธอต้องสนับสนุน
แต่ต้องรอดูว่าลูกชายตัวดีเธอจะว่าอย่างไร ถ้ายังรอแพรวดาวกลับมา เธอนี่ล่ะจะจัดการให้ลูกชายเธอแต่งงานกับทิพลดา
สิ่งที่อุทุมพรได้ยินเกี่ยวกับแพรวดาวมาล้วนแต่เสียชื่อเสียง อย่างว่าผู้หญิงมักจะมีเรื่องเล่าปากต่อปาก ยิ่งปิดยิ่งกระจาย
ทำไมธีรกรกลับไม่เคยรับรู้หรือได้ยินมาบ้าง ยังรักยังรอทั้งที่ผู้หญิงก็ทิ้งไปตั้งนาน แฟนเก่าของเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร ค่อนข้างจะเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเอง ที่ผ่านมารักลูกชายเธอบ้างหรือเปล่า หรือรักแต่เงิน
ชายหนุ่มก้มหน้ายังไม่ทันเอ่ย ทิพลดาก็เดินเข้ามา อุทุมพรเรียกให้มานั่งโซฟาตัวยาวตัวเดียวกัน ก่อนจะหันมาถามลูกชายต่อ
“ตกลงว่ายังไง จะรับผิดชอบน้องไหม”
“ผมกับเอ่อ.. ทิพลดายังรู้จักกันน้อย นิสัยใจคอก็ยังไม่รู้จักกันดี ผมยังไม่พร้อม ขอดู ๆ กันไปก่อนดีกว่า”
“แต่งกันไปก็ค่อย ๆ ศึกษา ค่อยปรับตัวเข้าหากันได้ แล้วตอนนี้คนที่เสียหายคือน้อง หนูทิพเองเคยบอกป้าว่าไม่มีใคร ส่วนธีร์ตอนนี้ก็ไม่ได้คบใคร แม่ว่าเราสองคนมาถึงขั้นนี้แล้ว มีทางเดียวคือต้องแต่งงานกัน จะได้รับผิดชอบด้วยเผื่อหนูทิพท้องขึ้นมา”
“ห๊ะ!!”
สองหนุ่มสาวอุทานออกมาพร้อมกัน มันจะเร็วไปไหมแค่คืนเดียว อุทุมพรคิดไปถึงเรื่องตั้งท้องแล้ว
“ไม่ต้องมาทำหน้าอย่างนั้นทั้งสองคน อะไรก็เกิดขึ้นได้เข้าใจไหม ตกลงว่าไง” อุทุมพรเดินหน้าลุยต่อ
“ผมแล้วแต่แม่ละกันครับ” ธีรกรฟังอุทุมพรพูด รู้ว่าไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนใจได้ นอกจากยินยอมแต่งงาน จะได้จบ
สิ้นคำของเขา ทิพลดาก็หันไปสบตากับชายหนุ่ม ไม่คิดว่าจะยอมตกลงง่าย ไหนบอกว่าจะขอศึกษาดูใจกันไปก่อน