ทั้งสองคนเดินทางกลับมาที่บ้านของหญิงสาวเรียกว่าคฤหาสน์ดีกว่าเพราะบ้านน่าจะเล็กไปสำหรับที่นี่ บ้านเขาทำไร้พื้นที่เพาะปลูกเยอะพอควรแต่ถ้าเทียบกับความร่ำรวยของเธอแล้วเขาสู้ไม่ไหวจริงๆ ต่างกันราวฟ้ากับเหว
“แพตตี้เอาของไปด้วยสิ”
“ให้แม่บ้านยกไปดิ”
เธอหันไปมองหาแม่บ้านบริเวณแถวนั้นให้มาช่วยยกของหน่อย เดียร์ส่ายหน้าทันทีก่อนจะส่งถุงแกงหลายอย่างไปให้เธอถือ
“อะไรช่วยได้ก็ช่วยไม่ใช่นิดหน่อยก็ไปใช้คนอื่นหมด แบบนี้ใครจะรัก”
เขาเอ่ยออกมาเพื่อสอนเธออีกครั้ง บางอย่างเราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นอื่นมากก็ได้ ทุกอย่างเราต้องเริ่มจากเพิ่งพาตัวเองก่อนแล้วคนอื่นจะอยากเข้าหาเราเอง
“ไม่รักก็ช่างสิ”
เธอทำหน้าบึ้งบูดก่อนจะมองสบตากับชายหนุ่มที่เหมือนว่าจะไม่ยอมแพ้และกดดันให้เธอทำตามที่เขาสั่ง
“เออๆก็ได้ๆ”
เธอรับถุงแกงมาไว้ในมือก่อนจะเดินกระทืบเท้าปึงปังเข้าไปในบ้านทันที เดียร์อมยิ้มเดินตามหญิงสาวไปในห้องรับแขกและมีผู้ใหญ่ทั้งสองคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“อะไรเยอะแยะคะลูกสาว”
“ของอร่อยค่ะคุณแม่ อาหารเหนือจากร้านดังที่หนูไปชิมมาอร่อยมาก แต่คนบางคนบังคับให้หนูหิ้วของมาเองบอกว่าไม่ต้องใช้แม่บ้านหัดทำเองบ้าง แล้วเราจะจ้างมาทำงานทำไมล่ะคะจริงมั้ย”
เธอวิ่งไปกอดคุณแม่อย่างหาคนช่วย เดียร์เดินตามเข้ามาวางของลงก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยความนอบน้อม
“สวัสดีครับท่านประธาน คุณหญิง ขี้ฟ้องอะไรอีกล่ะ”
เขาหันไปแขวะหญิงสาวไม่จริงจังนัก เธอทำหน้าทำตาใส่เขาก่อนจะกอดคุณแม่อย่างออดอ้อน คุณหหญิงยิ้มทักทายชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน
“แม่จำเดียร์ได้นะ เปลี่ยนไปเยอะเลยดูภูมิฐานหล่อเหลาขึ้นเยอะ”
“ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งนะครับ”
ชายหนุ่มยิ้มกว้างออกมาทันที คุณแม่หันไปมองหน้าลูกสาวก่อนจะเอ่ยอย่างใจเย็น
“เรานะฟังเดียร์ไว้บ้างเถอะ แม่บ้านมีไว้เพื่อแบ่งเบาภาระของเราไม่ใช่มีไว้ใช้งานทุกอย่างเหมือนเค้าเป็นทาส”
“แหม่! ของนิดหน่อยเองนะคะแม่”
“ก็ของนิดหน่อยไงทำไมหนูถึงไม่ทำเองล่ะ”
“แม่อ่ะ พ่อขาดูแม่สิคะเข้าข้างคนอื่นแล้ว”
เธอเปลี่ยนไปทางคุณพ่อทันที ท่านลูบผมลูกสาวก่อนจะยิ้มออกมาขำๆ
“โธ่เอ้ย เราทำผิดก็ยอมรับผิดแค่นั้นแหละ อย่าหาพรรคพวกเลย”
“พ่ออ่ะ ชิ!”
เธอทำท่าทางงอแงเหมือนคนไม่ได้ดั่งใจ ตั้งแต่มีเดียร์ไม่มีใครเอาอกเอาใจเธอเหมือนเดิมเลย แถมเขาพูดอะไรก็สนับสนุนไปซะทุกอย่างโดยเฉพาะคุณพ่อที่ตอนนี้ทำเหมือนเธอไม่ใช่ลูกแล้ว
“ไม่ต้องทำหน้างอเลย”
“เพราะนายคนเดียวเลยนะ”
เธอชี้นิ้วไปตรงหน้าชายหนุ่มอย่างคาดโทษ เดี๋ยวเถอะอย่าให้เธอเอาคืนบ้างนะแล้วจะร้องไม่ออก ผู้ใหญ่ทั้งสองคนไม่อยากให้เด็กทะเลาะกันจึงพาไปทานข้าวที่ห้องอาหารด้วยกัน มีทั้งที่สองคนซื้อมากับของคุณแม่ทำไว้เยอะแยะเต็มไปหมด
“คุณแม่กินอันนี้มั้ยคะมันอร่อยนะเหมือนมัสมั่นเลย”
“เค้าเรียกแกงฮังเลลูก”
คุณแม่หัวเราะออกมาขำๆก่อนจะลองตักชิมดู เธอทานอาหารเหนือหลายครั้งเพราะสามีพาไปบ่อย และที่สำคัญรสชาติถูกปากไม่จัดจ้านจนทานไม่ได้ และร้านที่ลูกสาวซื้อมาก็คือว่าอร่อยเลย
“อร่อยมากเลยลูก รสชาติเหมือนไปกินที่เชียงใหม่เลยค่ะคุณ”
“ใช่มั้ย… ผมก็ว่าเหมือน”
ทั้งสองคนนั่งทานอย่างเอร็ดอร่อยส่วนเดียร์ก็ตักกับข้าวให้หญิงสาวข้างกายเพราะรายนี้ไม่ชอบตักเองต้องให้เอาอกเอาใจตลอดเวลา ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวเขาทำให้หมดแหละแต่ถ้าเป็นเรื่องงานเธอต้องดูแลตัวเองบ้างเพราะมันคือบริษัทของเธอ เธอต้องเรียนรู้ทุกอย่างที่คุณพ่อสร้างให้ไม่มีใครทำแทนได้ตลอด
“เอาอันนี้ด้วย”
“ต้องแกะก้างด้วยมั้ย”
“แกะสิแกะมาเยอะๆเลยนะ”
เธอยิ้มออกมาจนตาหยี ชายหนุ่มหยีผมเธอเล็กน้อยก่อนจะนั่งแกะก้างปลาออกให้เธออย่างใจเย็น คุณพ่อกับคุณแม่มองเด็กทั้งสองคนก่อนจะหันไปมองหน้ากันอย่างแปลกใจในการปฏิบัติต่อกันของทั้งคู่
“แปลกๆนะคะ”
“ผมว่าชัดเจนนะ ไม่แปลกหรอก”
คุณพ่อยิ้มกว้างออกมาก่อนจะนั่งทานของตัวเองต่อ คุณแม่ลอบมองสังเกตทั้งสองคนอย่างคิดไม่ตก ทำไมเหมือนคู่รักกันเลยอ่ะตอนแรกเธอเข้าใจว่าเดียร์เป็นเพื่อนสนิทของลูกสาวซะอีก
“กินเยอะๆจะได้มีแรงทำงาน”
“พูดถึงงานก็เซ็งมากเวอร์ คุณเลขานะให้ท่องอะไรก็ไม่รู้ตั้งเยอะแยะปวดหัวชะมัดเลย”
หญิงสาวบ่นออกมาคนเดียวเพียงแค่อยากระบายเท่านั้น ท้ายที่สุดพรุ่งนี้ก็ต้องออกไปทำงานต่อเหมือนเดิมอยู่ดี และไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ภาวนาให้จบเร็วๆไม่งั้นเธอสมองระเบิดแน่
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จทั้งสี่คนก็กลับมานั่งทานผลไม้กันต่อที่ห้องรับแขก นี่ก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้วเพราะฉะนั้นถึงเวลาที่เขาควรกลับ
“ถ้างั้นผมกลับก่อนดีกว่าครับนี่ก็ดึกมากแล้ว รบกวนเวลาพักผ่อนทั้งสองท่านเปล่าๆ”
“ไม่รบกวนอะไรเลย เดียร์คุยสนุกแม่ชอบคุยกับเรานะ”
“เอาไว้ผมจะมาคุยด้วยบ่อยๆนะครับ สวัสดีครับท่านประธาน คุณหญิง”
เขายกมือไหว้บอกลาผู้ใหญ่ทั้งสองคน พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้าอีกเขาควรเอาเวลาที่เหลือไปนอนพักผ่อนที่ห้องดีกว่า
“เรียกซะห่างเหินเชียว เฮ้อ!”
“งั้นหนูไปนะคะคุณพ่อคุณแม่ เจอกันค่ะ”
แพตตี้เดินไปหอมแก้มคุณพ่อกับคุณแม่คนละข้าง ท่านทั้งสองคนทำหน้ามึนงงก่อนจะผละออกแล้วเอ่ยถามเสียงสงสัย
“หนูไม่นอนที่บ้านเหรอลูก”
“ไม่ค่ะจะไปนอนที่คอนโด”
“นอนที่บ้านเนี่ยแหละจะนอนทำไมคอนโด ที่นั่นมันมีอะไรดีเหรอ”
คุณแม่เอ่ยถามเสียงประชดประชัน ไปค้างแทบทุกวันมันมีอะไรดีนักเหรอเธอก็อยากจะรู้เหมือนกัน คุณพ่อมองหน้าลูกสาวที่ทำหน้าลังเลแถมยังมองชายหนุ่มที่มาด้วยตลอดเขาจึงแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้
“นอนที่นี่ทั้งคู่แหละมันดึกแล้ว แม่บ้านใครอยู่มั้ยจัดที่นอนห้องรับแขกให้หน่อยคุณเดียร์จะได้นอนพักผ่อน”
“ค่ะคุณท่าน”
“จะดีเหรอครับผมว่า…”
“ไม่เป็นไรหรอกขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าพักผ่อนเถอะไม่ต้องกังวลบ้านก็มีกันอยู่แค่นี้เอง”
คุณพ่อยิ้มกว้างออกมาก่อนจะพาภรรยาขึ้นไปชั้นบนเพื่อพักผ่อน ส่วนเดียร์ก็ไปยังห้องรับแขกที่ทางแม่บ้านเตรียมไว้ให้และมีชุดนอนของแขกเตรียมไว้ด้วยใส่ได้พอดีตัว เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงเสียงเคาะประตูหน้าห้องนอนดังขึ้นไม่มากนัก เขาเดินออกไปเปิดก่อนจะตกใจที่อยู่ๆแพตตี้ก็กระโดดกอดเขาก่อนจะรีบปิดประตู
“อะไรของคุณเนี่ย”
“นอนด้วยนะแต่ห้ามไปฟ้องคุณแม่เดี๋ยวจะโดนด่าว่าใจง่ายไปนอนกับผู้ชาย”
“ไม่ทันแล้วมั่ง”
เขาหัวเราะออกมาขำๆก่อนจะดึงเธอเข้ามาใกล้จากนั้นทั้งสองคนก็ล้มตัวลงบนเตียงนอนนัวเนียกันอย่างสนุกอยู่ในนั้นสองต่อสอง คุณแม่ที่บังเอิญเปิดประตูออกมาก็เห็นลูกสาวเคาะห้องผู้ชายแถมยังเข้าไปหาเขาอีกก็ทำท่าทางเหมือนจะเป็นลมแล้วรีบไปฟ้องสามีทันที
“ลูกสาวคุณนี่สุดยอดเลย ตายๆๆ”
“อะไรเหรอ…”
คุณพ่อมองภรรยาอย่างสงสัย คุณแม่นั่งลงข้างสามีก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเหนื่อย
“ก็ฉันเห็นวิ่งไปเคาะห้องผู้ชายแถมยังเข้าไปหากันอีก ตกลงว่าไม่ได้เป็นเพื่อนกันธรรมดาสินะ”
“ก็ชัดเจนขนาดนั้นคุณจะยังคิดอะไรอีก โลกมันเปลี่ยนไปแล้วและลูกสาวคุณก็อายุอานามไม่ใช่น้อยๆจะเฝ้าเหมือนตอนเด็กไม่ได้แล้ว”
“แสดงว่าคุณไม่ห้ามทั้งสองคน…”
“ห้ามทำไมล่ะ”