นเรศวร [มาเฟียร้ายรัก] บทที่ 10
"คุณ!?" ทีแรกคิดว่าข้าวปุ้นเดินตามมา แต่พอได้ยินเสียงปิดประตูแล้วไม่ใช่ข้าวปุ้นแน่ ทรงอัปสรเลยหันกลับไปมองพอเห็นว่าเป็นใครเธอก็รีบถอยไปจนหลังชนกับโต๊ะทำงาน "ถอยออกไปนะ"
พอไม่มีทางถอยต่ออีกฝ่ายก็เดินมุ่งตรงเข้ามาหา จนร่างหนาเบียดเข้ากับร่างของเธอที่พิงอยู่กับโต๊ะทำงานเกือบจะเป็นท่านั่ง
"ผมไม่เข้าใจทำไมคุณต้องทำให้ผมเสียอารมณ์ตลอดเลย"
"คุณถอยออกไปก่อนสิ" มือเรียวผลักแผ่นอกอีกฝ่ายที่โน้มลำตัวเข้ามาใกล้ให้ออกไป แต่ครั้นจะขยับออกก็ถูกมือเขาล็อกไว้ทั้งซ้ายและขวาของโต๊ะทำงาน
"เราจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยหรือไง คุณก็เห็นความสามารถของคนที่ผมหามาแล้ว คลับของเราต้องรีบปรับเปลี่ยนเพื่อเรียกลูกค้า"
"แต่ฉันยังไม่เห็น" เขาเคยบอกว่าไม่เห็นความสามารถในตัวอลิส ทรงอัปสรเลยเอาคืนบ้าง
"ผมไม่รู้ว่าคุณหลงใหลอะไรในตัวเด็กคนนั้นนักหนา คุณมองไม่เห็นเลยเหรอว่าเธอไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลย"
"คนที่คุณพามามีความสามารถพิเศษว่างั้น"
"วันนี้ผมจะคุยกับคุณรู้เรื่องไหม"
"คนของคุณก็ไม่ได้มีประสบการณ์ในการทำงาน แล้วทำไมคุณถึงมองเห็นความสามารถล่ะ"
"เพราะเธอ.." นเรศวรหยุดพูดไว้แค่นี้ มันยิ่งทำให้ทรงอัปสรเชื่อในความคิดของตัวเอง
"เพราะเธอคือเด็กของคุณใช่ไหมล่ะ"
"เด็ก?"
"ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณเลี้ยงเด็กไว้กี่คน แต่ฉันคิดว่าเด็กของคุณไม่จำเป็นต้องมาทำงานก็ได้มั้ง"
นเรศวรเพิ่งเข้าใจความคิดของเธอ "คุณพูดเหมือนกำลังหึงผมเลย"
"ใครจะไปหึงคุณ!"
"อย่าบอกนะว่าผมตกคุณสำเร็จแล้ว" ชายหนุ่มไม่พูดเปล่ายังยื่นริมฝีปากเข้าไปใกล้จนแทบจะสัมผัสถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
จังหวะนั้นทรงอัปสรกำลังจะกำจัดจุดอ่อนเขาอีกรอบ แต่ก็ไม่ง่ายเพราะร่างของเขาอยู่ติดกับร่างเธอเกินไป
"นี่ขนาดยังไม่ได้จัดนัดกระชับมิตร คุณยังมีท่าทีหึงหวงในตัวผมแล้ว"
ไอ้บ้าเอ้ย มั่นหน้ามั่นโหนกขนาดนั้นเลยเหรอ
ก๊อกๆ "คุณหนูคะ คุณหนูเปิดประตูให้ข้าวปุ้นหน่อยค่ะ" ทีแรกข้าวปุ้นคิดว่าคุณหนูยังไม่จบการประชุม แต่พอเห็นอลิสออกมาเลยถามหาคุณหนู ได้ความว่าเธอออกมาจากห้องประชุมพร้อมกับเสี่ยนเรศ
"ข้าวปุ้น" ห้องผู้บริหารและห้องประชุมเป็นห้องเก็บเสียง ถ้าไม่ตะโกนใกล้ประตูจริงๆ ด้านในจะไม่ได้ยินเสียง ส่วนคนที่อยู่ด้านในตะโกนออกไปให้ตายคนด้านนอกก็ไม่ได้ยิน เพราะเสียงที่ดังอยู่แล้วแถมยังเป็นห้องเก็บเสียงอีก "ปล่อยนะ" จังหวะที่ทรงอัปสรดิ้นรนก็ถูกอีกฝ่ายจับกดลงกับโต๊ะทำงาน
"ปากหายแล้วนี่ คงจูบได้แล้วใช่ไหม"
"คนเลว ไอ้คนฉวยโอกาส ไปตายซะ!" หญิงสาวพยายามเบือนหน้าหลบริมฝีปากอีกฝ่ายที่โน้มลงมาเหมือนจะจูบ แต่เขาก็ดูไม่ค่อยจริงจังนัก ถ้าเขาคิดจะจูบจริงๆ มีหรือแรงแค่นี้จะหยุดเขาได้
ชั่วขณะเดียวกันคนที่อยู่ด้านบนก็ขยับตัวออก เพราะวันนี้เขาอยากจะคุยกับเธอแบบจริงจัง
"คุณหนูแบบคุณคงถูกตามใจจนเคยชินสินะ ถึงไม่ยอมฟังความคิดเห็นของใครเลย"
"คุณก็คงเคยใช้แต่กำลังจนเคยชิน ไม่สนว่าใครเขาจะยอมหรือไม่ยอม" หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วก็เดินถอยออกมาให้ห่างจากตัวอันตรายแบบเขา
"คุณหนูคะถ้าคุณหนูไม่เปิดประตูข้าวปุ้นจะโทรเรียกตำรวจแล้วนะคะ" คิดอะไรไม่ได้ก็เอาตำรวจนี่แหละมาขู่ ป่านนี้คุณหนูจะเป็นยังไงบ้าง
ได้ยินว่าคนข้างนอกจะเรียกตำรวจแล้วนเรศวรเลยเดินไปเปิดประตู เพราะเขาไม่อยากให้ตำรวจเข้ามาวุ่นวายกับที่นี่
"คุณหนูเป็นยังไงบ้างคะ" ข้าวปุ้นกำลังจะเข้ามาดูแต่ถูกคนที่ยืนอยู่หน้าประตูขวางไว้
"ฉันกำลังคุยกับคุณหนูเธออยู่ ไม่ต้องเข้ามาวุ่นวาย"
"คุณหนูคะ" ข้าวปุ้นยังคงชะโงกหน้ามองเข้าไปดูโดยที่ไม่สนใจคำพูดของคนที่ยืนขวางประตูอยู่เลย
"ถ้าอีกสิบนาทีฉันไม่ออกไปก็เรียกตำรวจได้เลยนะ" เธอให้เวลาเขาพูดสิบนาทีถ้ารีบออกไปตอนนี้เดี๋ยวเขาหาว่ากลัว
"ค่ะ" ข้าวปุ้นยังคงยืนอยู่หน้าประตู รอเวลาให้ถึงสิบนาที
"สิบนาทีจะคุยอะไรกันรู้เรื่อง ผมคุยกับคุณมานี่กี่เดือนแล้ว"
"นั่นหมายความว่าคุณก็ไม่มีความสามารถ"
"ก็ได้ถ้าโปรเจคนี้คุณไม่ยอมรับผมจะให้รดาร่างโปรเจคใหม่ขึ้นมา"
"โปรเจคเก่ายังทำไม่สำเร็จเลยจะรีบทำใหม่ไปไหน" จริงๆ ทรงอัปสรก็สนใจงานของรินรดาแต่เพียงแค่เธออยากจะเอาชนะ
"ตกลงคุณจะเอายังไงกันแน่"
"ก็ลองให้ผู้หญิงของคุณทำโปรเจคเดิมไปก่อนสิ"
"คุณไม่กลัวว่ามันจะเป็นงานก๊อปคนอื่นเหรอ"
"ฉันได้ยินว่าผู้หญิงของคุณจะทำให้แตกต่าง แค่ยกตัวอย่างฉันอนุญาตให้ทำต่อก็ได้"
นเรศวรยกนาฬิกาข้อมือราคาแพงขึ้นมาดูเหลือเวลาอีกแค่สองนาที เขาเลยหันกลับไปแล้วเปิดประตู ..อีกฝ่ายที่ยืนรออยู่หน้าประตูจับโทรศัพท์แน่นเลย แถมหน้าจอของโทรศัพท์โชว์หมายเลขที่ต้องการจะกดโทรออกไว้ด้วย
"คุณหนูคะ" หลังจากที่ประตูเปิดออกข้าวปุ้นก็รีบเข้ามาด้านใน "คุณหนูเป็นยังไงบ้างคะ"
"ฉันไม่เป็นอะไรขอบใจข้าวปุ้นมากนะ"
"ข้าวปุ้นขอโทษที่ไม่ได้อยู่กับคุณหนูตลอดเวลานะคะ"
"มันไม่ใช่ความผิดของข้าวปุ้นหรอก"
"มึงยืนทำอะไรอยู่ทำไมไม่จัดการวะ" นเรศวรอารมณ์เสียกับคนของทรงอัปสรมาก พอออกมาก็ตำหนิทันน์ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู
"จะให้ผมจัดการยังไงครับ"
"ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกมึงจะลากไปทำอะไรก็เอาไป เสียอารมณ์!"
ทันน์และตุนท์เป็นฝาแฝดกันก็จริงแต่นิสัยคนละเรื่องเลย ทางด้านทันน์จริงจังกับงานมาก และไม่เคยอ่อนข้อให้ใคร ถ้าเจ้านายสั่งอะไรมาก็จะได้แบบนั้น ส่วนตุนท์เป็นผู้ชายที่สาวๆ หลายคนชอบ
"อะไรนะคะ" รินรดาถูกเรียกตัวเข้ามาหาในห้องทำงานของผู้บริหาร "ทำไมตอนอยู่ในห้องประชุมเหมือนคุณอัปสรจะไม่ชอบงานรดาเลยล่ะคะ"
"กลัวเสียหน้าน่ะสิ"
"กลัวเสียหน้า? สองคนมีอะไรกันหรือเปล่าคะเนี่ย"
"จะมีอะไรล่ะ"
"แน่ใจนะคะ"
"ไปทำงาน!"
"ทำไมต้องดุด้วย" ก่อนจะเดินออกไปรินรดาปิ๊งไอเดียอะไรขึ้นมาอย่างหนึ่ง เธอหัวไวแบบนี้แหละนเรศวรถึงได้เรียกตัวให้กลับมาช่วยงานนี้
"คุณหนูจะกลับแล้วหรอคะ" ข้าวปุ้นเห็นว่ายังเหลืออีกเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเลิกงาน แต่คุณหนูเก็บของจะกลับแล้ว
"ช่วงนี้ฉันต้องกลับเร็วหน่อย" ถ้าเธอกลับพร้อมกับอีกฝ่ายเปอร์เซ็นต์สูงมากที่จะเจอกันอยู่คอนโด ทรงอัปสรเลยชิงกลับก่อน เพราะถ้าจะกลับทีหลังคงต้องทิ้งเวลาอีกเป็นชั่วโมง
"ให้ข้าวปุ้นไปพักด้วยไหมคะ"
"ไม่ต้องหรอกอยู่บ้านนั่นแหละดีแล้ว จะได้คอยเป็นหูเป็นตาให้ฉันด้วย" เพราะมีข้าวปุ้นอยู่บ้านนั่นแหละเธอถึงไม่เป็นห่วงพ่อมากนัก
"เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ" เพราะมันเป็นคำสั่งข้าวปุ้นถึงยังกล้ำกลืนฝืนทนอยู่ที่บ้านหลังนั้น การงานและเงินที่เก็บไว้ก็พอจะมีออกมาตั้งหลักปักฐานใหม่แล้ว แต่เพราะคำสั่งของคุณหนูเธอเลยต้องยอมอยู่ที่นั่นต่อ ถึงแม้ว่าคนที่บ้านหลังนั้นจะไม่ชอบหน้าเธอเลย
กลับเข้ามาในห้องทรงอัปสรก็มีเวลามากกว่าเดิมเพราะเธอกลับก่อนเวลา เลยใช้เวลานี้มาร์คหน้าบำรุงผิว แช่น้ำนมก่อนจะเข้านอน
"ไม่ต้องตามขึ้นไป พวกมึงกลับเถอะ" หลังจากที่ลูกน้องมาส่ง นเรศวรก็สั่งให้กลับไป ที่จริงเขาไม่ได้พักที่นี่ตลอดเพราะเป็นแค่ที่ที่ซื้อไว้เพื่อทำอะไรบางอย่าง ที่ที่เขาพักจริงๆ คือ safe house
ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง นเรศวรไม่ลืมที่จะชำเลืองมองไปดูประตูของห้องข้างๆ ก่อนหน้านี้ที่จะเข้าห้องเขาต้องคอยระวัง ไม่ให้ห้องข้างๆ เห็น แต่ช่วงหลังมากลับกันอีกห้องต้องคอยระวังไม่ให้เขาเห็น
วันต่อมาที่คลับ..
"คุณหนูคะห้องประชุมรอคุณหนูอยู่ค่ะ"
"วันนี้มีประชุมอะไร"
"เป็นโปรเจคของคุณรินรดาค่ะ"
"เสร็จแล้วเหรอ"
"ไม่รู้เหมือนกันค่ะ"
ทรงอัปสรส่งของในมือให้กับข้าวปุ้นเอาไปเก็บในห้องทำงานก่อน แล้วเธอก็เดินไปทางห้องประชุม
นเรศวรยังนั่งทำมาดขรึมอยู่เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามา เขาเคยพูดเชิญเธอนั่งแล้วแต่ก็ถูกตอกกลับ เลยไม่พูดดีกว่า
"เชิญคุณนั่งก่อนสิคะ" แต่ทันใดนั้นคนที่เชิญนั่งก็คือรินรดา
สายตาของนเรศวรรีบตวัดมองไปดู ว่าเธอจะพูดเหมือนที่พูดกับเขาไหม เพราะวันนั้นเธอบอกว่าเธอคงไม่ยืนคุยงานให้เมื่อยหรอก
แต่ทรงอัปสรก็ไม่ได้พูดอะไร เธอขยับเก้าอี้ออกแล้วก็นั่งลง
"ฉันจองโต๊ะอาหารที่โรงแรมไว้ให้พวกคุณสองคนแล้วนะคะ"
"จองโต๊ะอาหาร?//จองทำไม" ทั้งสองถามแทบจะพร้อมกัน
"คลิปวีดีโอสั้นๆ พวกคุณอาจจะมองไม่เห็นภาพ ฉันอยากให้พวกคุณไปสัมผัสด้วยตัวเองค่ะ"
"โรงแรมนั้นฉันเคยไปมาแล้ว" ทรงอัปสรพูดแบบเย็นชา หรูกว่านั้นที่ต่างประเทศเธอก็เคยไปใช้บริการมาแล้ว
"คุณอาจจะเคยไปค่ะ แต่คุณคงไปทานข้าวเฉยๆ แต่ครั้งนี้ฉันอยากให้คุณไปสังเกตตามข้อมูลที่ฉันเขียนไว้"
"ทำไมฉันต้องไปกับเขาด้วย" เพราะเรื่องแค่นี้เธอไปคนเดียวก็ได้
"พวกคุณเป็นหุ้นส่วน เป็นผู้บริหาร เป็นคนที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ เหตุผลนี้เพียงพอหรือยังคะ"
"ฉันต้องไปวันไหน"
"วันนี้ค่ะ"
"วันนี้?"