"คุณคงเจอฝรั่งมาจนชินแล้วล่ะสิ ถึงมาเปรียบของผมเป็นแค่ดักแด้"
ไอ้เลวเอ้ยเอาจนได้นะมึง ..หญิงสาวได้แต่กัดฟันไว้กับความคิดสกปรกโสโครกของผู้ชายคนนี้
"แต่ผมคิดว่าของผมก็ไม่ได้น้อยหน้าไอ้ฝรั่งตาน้ำข้าวพวกนั้นหรอกนะ"
"แหวะจะคุยว่าของตัวเองใหญ่ว่างั้น" พูดไปแล้วถึงนึกได้ว่าไม่น่าไปต่อปากต่อคำกับคนแบบนี้เลย แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อมันคิดแบบนั้นก็พูดให้มันเข้าใจแบบที่มันคิดไปเลยแล้วกัน "กรี๊ดด คุณจะทำอะไร!" หญิงสาวหันหน้าหนีอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายขยับผ้าเช็ดตัวเหมือนจะถอด
"เดี๋ยวหาว่าผมคุย จะให้ดูหน้างานเลยไง"
"ใครอยากจะดูของคุณล่ะ! บอกลูกน้องคุณเปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ"
"ไม่แน่จริงนี่หว่า"
"เราเลิกพูดเรื่องไร้สาระดีกว่า วันนี้ที่ฉันมาหาคุณฉันอยากจะคุยเรื่องหัวหน้า" ทรงอัปสรต้องรีบพูดเบี่ยงเบนไปเรื่องอื่นถ้าไม่งั้นก็คงไม่จบ
"อยากเจอหน้าผมมากจนต้องเอาเรื่องนี้มาอ้างเพื่อเข้าหาผมเลยเหรอ"
นี่ขนาดเราอยากจะจบเรื่องนั้นนะมันยังไม่ยอมจบอีก ไอ้โรคจิตเอ้ย "แล้วแต่คุณจะคิดเถอะ.. ฉันขอคุยเรื่องงานก่อนได้ไหม"
"ก็ว่ามาสิ" ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าเดินเข้ามาใกล้จนหญิงสาวรีบถอยออกไป แต่เธอก็ถอยไม่ได้ไกลเพราะหลังชนเข้ากับผนังห้องก่อน
"คุณไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ก็ได้"
"ทำไมเสียงสั่น" นเรศวรพูดพลางขยับใบหน้าต่ำลง แต่พอทรงอัปสรจะหลบออกไปจากมุมนี้กลับถูกอีกฝ่ายเอามือวางแนบกับผนังห้องเพื่อขวางทางเธอไว้
"คุณไม่ต้องมาหว่านเสน่ห์ให้ฉันหรอก แบบคุณไม่ใช่สเปคฉัน"
จุกทุกดอก..คำพูดของเธอแต่ละคำจี้จุดทั้งนั้นเลย "แน่ใจหรือว่าแบบผมไม่ใช่สเปค" แต่มีหรือคนแบบนเรศวรจะยอมหยุดแค่นี้ เขาคิดจะทำให้เธออึดอัดจนไม่อยากร่วมทำงานด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นเดี๋ยวเธอก็ขายหุ้นเอง
"เรามาพูดเรื่องงานกันดีกว่าค่ะ" ดวงตาเจ้ากรรมเผลอไปมองสบตาอีกฝ่ายในระยะเผาขน ร่างกายของเธอถูกแช่แข็งไปคู่หนึ่งเหมือนต้องมนต์สะกดจากนัยน์ตาคมคู่นั้น ..หล่อ
"อะไรนะ"
"อะไร!?" ทรงอัปสรตกใจคิดว่าตัวเองเผลอพูดออกมา "ฉันไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย คุณเลิกเล่นได้หรือยัง ถ้าคุณไม่พร้อมจะคุยเรื่องงานกับฉันพรุ่งนี้เราค่อยคุยกัน" มือเรียวผลักหน้าอกอีกฝ่ายให้ออกไปและเขาก็ขยับออกตามแรงที่เธอผลัก ที่เขายอมให้ผลักออกง่ายๆ เพราะรู้แล้วว่าเธอก็ไม่ได้ยาก
"จะรีบไปไหนล่ะ ไหนบอกอยากคุยเรื่องงาน" น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปก่อนจะหันหลังให้แล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า
"ฉันอยากจะคุยเรื่องของอลิสค่ะ ฉันเห็นความสามารถในตัวเด็กคนนี้"
"แต่ผมไม่เห็น" ทีแรกเขาว่าจะหยิบเสื้อออกมาแต่เปลี่ยนใจเอื้อมไปหยิบกางเกงบ๊อกเซอร์แทน
"ฉันถึงอยากมาคุยกับคุณนี่ไงคะ ฉันรู้ว่าคุณชอบคนทำงานเก่งเหมือนพิมพ์ เราลองให้คนที่คุณหามาและคนที่ฉันเสนอแข่งกันทางด้าน.." ทรงอัปสรหยุดพูดกะทันหันพร้อมกับเบิกตากว้างเมื่อคู่สนทนาของเธอนำกางเกงบ๊อกเซอร์มาสวมใส่ต่อหน้า แถมเขาไม่ได้ใส่กางเกงชั้นในก่อนด้วย
แต๊บ! เสียงดีดนิ้วมือของชายร่างสูงเพื่อเรียกสติเธอให้กลับมา
แต่ทรงอัปสรยังคงค้างเติ่งอยู่ที่เดิม
"ให้ผมช่วยอะไรไหม"
"คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!"
"ไง..เห็นหรือยังว่ามันไม่ใช่ดักแด้" เขาจงใจดึงขอบกางเกงขึ้นให้สูง ปล่อยให้ท่อนซุงที่มันนอนหลับอยู่ทิ้งตัวลงตามแนวโน้มถ่วงของโลก เขาใส่แบบนี้นอนทุกวันเลยรู้ว่าดึงขึ้นขนาดไหนถึงจะให้ช่วงปลายมันโผล่ออกมาทักทายคนปากดีแบบเธอ