บทที่ 8 กลับร่างเดิม
หลังจากแสงแรกแห่งรุ่งอรุณสาดส่องผ่านหน้าต่างกระท่อม
เหยียนหลีที่เพิ่งตื่นขึ้นมาก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย นางก้มลงมองมือของตนเองที่โปร่งแสงราวกับจะเลือนหายไป นางรู้สึกถึงกระแสพลังที่หมุนวนอยู่ในกาย แต่กลับไม่อาจควบคุมมันได้
“นี่มันอะไรกัน?”
นางพึมพำกับตัวเอง ดวงตาสั่นไหวด้วยความสับสน
เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียว ร่างกายของนางเริ่มส่องประกายแสงสีทองที่เจิดจ้า ก่อนที่แสงนั้นจะค่อย ๆ ห่อหุ้มตัวนางจนหมด
นางรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปในห้วงมิติแห่งความเงียบงัน
เมื่อแสงสีทองจางหาย ร่างมนุษย์ของเหยียนหลีหายไป เหลือเพียงดอกบัวสีทองดอกหนึ่งที่วางสงบนิ่งอยู่บนโต๊ะน้ำชา กลีบดอกบัวเปล่งประกายราวกับแสงจันทร์ นางพยายามจะพูดออกมา แต่ไม่สามารถเปล่งเสียงใดได้
“นี่ข้ากลับเป็นดอกบัวอีกแล้วหรือ?”
เหยียนหลีคิดในใจ นางรู้สึกถึงความอ่อนล้าและสับสน
“เหตุใดข้าถึงกลายเป็นแบบนี้? หรือว่าพลังในตัวข้ายังไม่สมบูรณ์?”
ในเวลาเดียวกันนั้น
หลงอวี่ที่ออกไปเก็บผลไม้ตั้งแต่เช้าตรู่เดินกลับมาที่กระท่อมพร้อมตะกร้าที่เต็มไปด้วยผลท้อสีชมพูสดและสมุนไพรป่าหลายชนิด ใบหน้าของเขายังเปื้อนรอยยิ้มขี้เล่นเหมือนเคย
“เหยียนหลี! เจ้าอยู่ไหน?”
เสียงเรียกของเขาดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่เร่งร้อน แต่กระท่อมกลับเงียบสงัดไร้เสียงตอบรับ หลงอวี่กวาดตามองไปรอบห้อง ก่อนจะสังเกตเห็นแสงสีทองอ่อน ๆ เปล่งประกายจากโต๊ะน้ำชา เขาวางตะกร้าลงและเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ทันใดนั้นเขาก็เห็นดอกบัวสีทองดอกหนึ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
หลงอวี่ชะงักไปชั่วครู่ เขามองดอกบัวด้วยความแปลกใจ
“นี่มัน...อะไรกัน? ดอกบัวนี่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
เขายื่นมือออกไปสัมผัส แต่กลับรู้สึกได้ถึงกระแสพลังอันอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากดอกบัว
“หรือว่านี่จะเกี่ยวข้องกับเหยียนหลี?”
เขาพึมพำ
"สงสัยนางจะไปปลดทุกข์ข้างนอก..."
หลงอวี่บ่นพึมพำ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ พลางมองดอกบัวอย่างพินิจพิเคราะห์
"แล้วดอกบัวนี่...นางคงเตรียมไว้ให้ข้าตุ๋น ดูจากพลังวิญญาณที่แผ่ออกมา น่าจะเป็นพันปีแน่นอน"
ในมิติลี้ลับที่เชื่อมโยงกับดอกบัวนั้น เหยียนหลีวิญญาณแห่งดอกบัวนิรันดร์กำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นผลึกใส นางเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดของหลงอวี่
"เจ้าทึ่ม! เจ้าเป็นใครก็ไม่รู้ ข้าจะเตรียมไว้ให้เจ้าทำไมกัน!"
นางคิดในใจ พลางกัดฟันแน่น
แม้จะรู้สึกโมโหแค่ไหน เหยียนหลีก็ไม่กล้าสื่อสารออกไปตรง ๆ นางหวาดกลัวว่า หากชายแปลกหน้าผู้นี้ล่วงรู้ว่าร่างจริงของนางคือดอกบัวนิรันดร์ เขาอาจจะนำพลังของนางไปปรุงยาอย่างที่พูดจริง ๆ
เหยียนหลีถอนหายใจยาว เงยหน้าขึ้นมองแสงสีทองที่กระจายอยู่รอบมิติของนาง พลังเหล่านี้คือสิ่งที่หล่อเลี้ยงการดำรงอยู่ของเธอ นางพยายามรวบรวมสมาธิและทดลองกลายร่างเป็นมนุษย์อีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็ไร้ผล
"ทำไมกัน?"
นางครุ่นคิด ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จนในที่สุดก็สังเกตได้ว่า ช่วงเวลาที่เธอกลายร่างเป็นมนุษย์นั้นตรงกับ 6 ชั่วยามพอดี
"หรือว่า...เมื่อครบ 6 ชั่วยาม ข้าจะคืนร่างเดิม? ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็แปลว่าร่างมนุษย์ของข้ายังไม่สมบูรณ์!"
นางพึมพำกับตัวเอง สีหน้าของนางหม่นหมอง
เพียงชั่วพริบตา หลงอวี่เดินหายเข้าไปในครัว เสียงฝีเท้าของเขาดังก้องเบา ๆ ท่ามกลางความเงียบงันในกระท่อม เหยียนหลีในมิติดอกบัวสังเกตทุกการกระทำของเขาผ่านสัญญาณพลังวิญญาณ นางรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
"เขาจะทำอะไรน่ะ?"
นางคิดในใจ พยายามสงบสติอารมณ์
เวลาผ่านไปไม่นาน หลงอวี่เดินกลับมาพร้อมกับไฟที่สว่างไสวในครัว และถือหม้อเหล็กขนาดใหญ่ติดมือมาด้วย จากนั้นเขาวางหม้อบนเตาไฟอย่างระมัดระวัง พร้อมหยิบดอกบัวสีทองบนโต๊ะน้ำชา
“นั่น! เจ้า...เจ้า!”
เหยียนหลีร้องโวยวายอยู่ภายในมิติดอกบัว เสียงของเธอไม่มีใครได้ยิน
หลงอวี่ไม่พูดสิ่งใด เขาเพียงเพ่งมองดอกบัวในมืออย่างจริงจัง ก่อนเดินกลับไปที่ครัวอีกครั้ง คราวนี้เขาหยิบสมุนไพรจำนวนมากมาวางเรียงอยู่ข้างหม้อ
"อย่าบอกนะว่าเขาจะตุ๋นข้าจริงๆ กับสมุนไพรพวกนั้น!"
เหยียนหลีเริ่มรู้สึกกังวลหนัก นางไม่เคยเผชิญสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนตั้งแต่ถือกำเนิดเป็นดอกบัวนิรันดร์
ในครัว หลงอวี่กำลังเตรียมน้ำในหม้อให้เดือด ควันที่ลอยกรุ่นเพิ่มบรรยากาศความเคร่งขรึม ราวกับจะบอกลางไม่ดีแก่
เหยียนหลี
“เจ้าหยุดนะ!”
เสียงใสดังขึ้นในหัวของหลงอวี่ เขาชะงักเล็กน้อย มือที่กำลังถือดอกบัวเตรียมหย่อนลงในหม้อชะงักไปชั่วขณะ
“ใคร?”
หลงอวี่เอ่ยถามเสียงเรียบ
“ข้าเอง! ข้าเหยียนหลี!”
เสียงนั้นดังอีกครั้ง คราวนี้มีน้ำเสียงตื่นตระหนก
หลงอวี่หรี่ตาลง ก่อนจะวางดอกบัวไว้บนโต๊ะช้า ๆ เขาเดินห่างออกไปเล็กน้อยพร้อมยืนกอดอก
“เหยียนหลี? แล้วเจ้าอยู่ที่ไหน?”
“ข้าอยู่ในดอกบัว!”
คำตอบนั้นทำให้หลงอวี่หัวเราะออกมาเบา ๆ
“ในดอกบัว? เจ้าเป็นวิญญาณหรือปีศาจกันแน่?”
“ข้าไม่ใช่ปีศาจ! ข้าคือวิญญาณบริสุทธิ์แห่งดอกบัว
นิรันดร์!”
เหยียนหลีโต้ตอบด้วยความโกรธ
หลงอวี่ก้มลงมองดอกบัวสีทองบนโต๊ะด้วยสายตาสงสัย
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าอธิบายมาเสียสิ เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ในมือข้า และทำไมถึงมีพลังวิญญาณมหาศาลเช่นนี้?”
“ข้าถูกล่ามไว้ในดอกบัวนี้ ข้าไม่ได้อยากอยู่ในมือของเจ้าเสียหน่อย!”
“ล่ามไว้?” เขาเลิกคิ้ว “หมายความว่าอย่างไร?”
เหยียนหลีถอนหายใจยาว นางลังเลอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจเล่า “ข้าเป็นดอกบัวนิรันดร์ที่กำเนิดจากพลังสวรรค์ เดิมทีเป็นเพียงสิ่งที่ไม่มีตัวตน แต่หลายวันก่อนข้าได้เซียนผู้หนึ่งพาข้ามาที่นี่และมอบตบะให้ข้า ข้าถึงมีตัวตนขึ้นมา”
หลงอวี่ฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงกลายมาเป็นดอกบัว?”
“ข้าไม่อาจกลายร่างเป็นมนุษย์อยู่ได้สมบูรณ์ อยู่ได้เพียง 6 ชั่วยาม ก่อนจะกลับสู่ร่างเดิม”
คำพูดของเหยียนหลีทำให้หลงอวี่พยักหน้าช้า ๆ เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตาไฟ ก่อนจะถามต่อ
“แล้วเจ้าอยากให้ข้าทำอย่างไร?”
“เจ้าห้ามนำข้าไปตุ๋น!
หลงอวี่นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ
“เจ้าคือดอกบัวนิรันดร์ที่หลายวันก่อน สำนักเซียนต่าง ๆ แย่งชิงกันใช่หรือไม่?”
น้ำเสียงของเขาทรงพลังพอที่จะทำให้บรรยากาศภายในห้องอึดอัดขึ้น
เหยียนหลีที่ซ่อนตัวอยู่ในมิติดอกบัวสะดุ้งเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าชายผู้นี้จะรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของเธอ นางตัดสินใจตอบกลับด้วยเสียงที่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างาม
“เจ้ารู้ได้อย่างไร? หรือว่าเจ้าเป็นหนึ่งในผู้คนที่ต้องการแย่งชิงพลังของข้า?”
หลงอวี่ส่ายหน้าเล็กน้อย เขาเดินไปหยิบสมุนไพรบนชั้นข้างผนังแล้วหันมาพูดต่อ
“ข้าเปล่า สำนักของข้าไม่ได้เข้าร่วมการแย่งชิงในครั้งนั้น เพียงแต่เหตุการณ์วันนั้นทำให้สัตว์อสูรแตกตื่นจนข้าพลัดหลงมาที่นี่ สำนักของหน้าบำเพ็ญตบะเพื่อจะขึ้นไปดินแดนสวรรค์เพียงเท่านั้น”
“สวรรค์งั้นหรือ?”
เหยียนหลีครุ่นคิด นึกไปถึงเฟิงหลงเหยียนที่กลับดินแดนสวรรค์ เช่นนั้นนางก็มีหนทางไปหาชายคนที่พึงพอใจแล้ว