ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย
ฉันกำลังทำบ้าอะไรอยู่
คำถามนี้วิ่งวุ่นเข้ามาในหัวของฉันไม่หยุด ฉันมันมั่นหน้าเกินไปว่าเขาจะชอบฉัน แต่มันกลับไม่ใช่ ดูจากคำพูดของเขาแล้วมันไม่ใช่เลยสักนิด
“พรุ่งนี้ช่วงเช้าฉันจะบอกนักข่าว” วิลล์เขาไม่มีท่าทีอะไรกับฉันเลย แม้กระทั่งสัมผัสจากริมฝีปากของฉันที่ประทับลงไป เขานิ่ง และไม่ได้มีแววตาตกใจอะไร
“_” ฉันไม่ได้ตอบอะไรเขา เพียงแต่ก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจ
“ฉันไม่อยากมีข่าวเสียหาย” ฉันเอ่ยพูดขึ้นพร้อมกับค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับเขาที่มองฉันอยู่
“แล้ว?”
“ฉันขอเวลาหน่อย ช่วยบอกนักข่าวว่าเราคบกัน หลังจากนั้นหนึ่งเดือนฉันจะบอกนักข่าวเอง” ฉันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องยังไมก็ไม่รู้ วิลล์เขามองฉันนิ่งเลย ดวงตาเอย กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาเอย มันนิ่งเหมือนกับถูกสต๊าฟไว้
“ฉัน..อาจตกงานได้ถ้านายออกไปพูดแบบนั้น ฉันยอมรับว่าฉันผิดที่ทำแบบนั้น แต่มันแก้อะไรไม่ได้แล้ว เพราะฉันพูดไปแล้ว” พอฉันพูดจบวิลล์ก็นิ่งไปสักพักก่อนที่เขาจะพูดขึ้นอีกครั้ง
“พิ้งค์พราว...เธอทำตัวเองทั้งนั้น”
“_” ฉันคิดว่าถ้าใครสักคนมายืนฟังฉันพูดแบบนี้เขาคงใจอ่อนให้ฉันบ้าง แต่ทำไมเขาคนนี้ถึงใจแข็งได้ขนาดนี้ แล้วอย่างนี้ฉันจะทะลายใจของเขาได้ยังไง
“บอกเหตุผลมาสักข้อสิ ว่าทำไมฉันต้องทำอะไรแบบนั้นให้เธอ” มันไร้เหตุผลจริง ๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันก็ถูกของเขาแล้วที่บอกว่ามันเกิดจากฉันทั้งหมด ฉันแค่คิดน้อยไป แต่.. ไม่หรอก ฉันคิดมาดีแล้วแหละ เพียงแต่ผลมันไม่ได้ออกมาตามที่ฉันคิดสักเท่าไร
“สิ่งที่เธอทำ มันตลก เธอคิดว่าเธอกำลังเล่นละครหรือไง คิดว่าการที่เธอพูดออกไปแบบนั้นจะทำให้เธอเอาชนะฉันได้?”
“ไม่นะ ฉันไม่ได้อยากเอาชนะนายสักหน่อย” ฉันพูดออกมาแทบจะทันที ฉันไม่ได้อยากเอาชนะเขา แค่รู้สึกว่าฉันชอบเขา ก็เลยอยากได้เขา ไม่ได้อยากเอาชนะอะไรเขาเลย อะไรทำให้เขาคิดแบบนั้นกัน
“เหรอ...”
“ใจร้ายชะมัด” ฉันพึมพำออกมาเสียงแผ่วเบาหลังจากคำว่าเหรอออกมาจากปากของเขา แต่เชื่อเถอะว่าระยะห่างระหว่างฉันกับเขามันทำให้เขาได้ยินว่าฉันพึมพำอะไร เพียงแต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรก็แค่นั้น
“_”
“ฉัน...ไม่อยากตกงาน ข่าวเมื่อเช้าคนเขามองว่าฉันเสียหายไปแล้ว ฉันแค่บอกว่านายเป็นแฟนฉันเพื่อทุกคนจะได้เข้าใจ และไม่มองว่าฉันพาใครหน้าไหนก็ไม่รู้ขึ้นห้อง” ฉันร่ายยาวออกมา แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจเลยสักนิด
“เธอก็แค่พูดความจริง”
“ใครจะเชื่อล่ะ”
“หึ กล้องวงจรปิดไงจะทำให้คนเชื่อ ฉันไม่ได้เข้าไปในห้องของเธอสักหน่อย” ฉันชะงักนิ่งงันให้กับคำพูดของเขา ฉันคิดน้อยไปอย่างนั้นใช่ไหม
“_”
“ฉันไม่ใช่มูลนิธิอะไรที่จะมาเห็นใจเธอ”
“นายพูดแรงไปหรือเปล่า”
“_”
“อึก...” ฉันกลืนก้อนสะอื้นลงคอเมื่ออยู่ ๆ ก็รู้สึกหน่วง ๆ ขึ้นมา ตอนนี้ฉันกำลังมืดแปดด้านเลย ฉันไม่รู้ว่าถ้าวิลล์บอกนักข่าวไปแบบนั้นแล้วมันจะส่งผลยังไง คนจะหาว่าฉันลวงโลกหรือเปล่า
พรึ่บ!
“ฉันควรเอาเวลานี้ไปนอน แต่ต้องมาคุยเรื่องไร้สาระกับเธอ” วิลล์ถอยห่างออกจากร่างของฉัน ดูท่าเขาจะไม่โอนอ่อนให้ฉันเลย จบกันชีวิตในวงการของฉัน อันที่จริงฉันก็เบื่อมากแล้วกับชีวิตการเป็นดารา ฉันเป็นดารามาตั้งแต่เด็ก หลายครั้งที่คิดจะหนีออกจากวังวนแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นอาชีพที่ทำเงินได้ดี และที่สำคัญฉันเป็นเสาหลักคนเดียวของครอบครัว
ฉันคิดว่าฉัน...
“ถ้านายบอกไปอย่างนั้น ฉันจะยังคงตอบแบบเดิม มาดูกันว่าสังคมจะเชื่อใคร นายอยากให้ธุรกิจของครอบครัวเสียหายก็เชิญพูดแบบนั้นไป” ฉันยืนกรานเสียงแข็ง แม้จะหวั่นใจในสิ่งที่ตัวเองจะทำ แต่จะทำไงได้ล่ะ มันมาถึงขนาดนี้แล้ว แต่ทว่า
“หึ บางทีเธอก็ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวฉันมาก เธอคิดว่าชื่อเสียงของเธอมันจะดังกว่าเงินเหรอ” คำตอบกลับของวิลล์มันทำให้ฉันหยุดชะงักความคิดทันที
“เธอคิดว่าครอบครัวฉันจะปล่อยให้เธอทำอะไรแบบนั้นเหรอ อันที่จริงเธออาจจะหายไปเลยก็ได้ ถ้าเธอคิดจะทำอะไรแบบนั้น”
“นาย..”
“ฉันไม่ได้ขู่ และไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะแค่ขู่เธอ”
“_”
“ตอบนักข่าวไปว่าฉันไม่ได้คบกับเธอ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” ฉันมองหน้าเขานิ่งเลยตอนนี้ เขาใจแข็งมาก มากซะฉันคิดว่ามันจะไม่มีทางแก้ไขในเรื่องนี้แล้ว
“_” ฉันยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก รอบกายของฉันมันเหมือนกับว่าได้หยุดนิ่ง เวลาได้หยุดเดินประมาณนั้น ฉันคิดไม่ออกเลยว่าจะจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นยังไง ไหนจะแม่อีกที่ยังโทรมาขอเงินฉันทุกวันแบบนี้ ถ้าหากฉันไม่ได้เป็นดาราแล้ว ฉันจะทำยังไงดีล่ะ
“วิลล์...” ฉันเอ่ยเรียวเขาเสียงแผ่วเบา ขณะที่เขากำลังจะหมุนตัวหันหลังหนีฉันไป และจังหวะนั้นเองที่ฉันคิดอะไรออก
ก่อนหน้านี้ฉันเห็นแววตาของเขามันเปลี่ยนไปตอนที่เขาเห็น..ร่างกายฉัน
หรือว่าฉันควรที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจ
“_” เขาเพียงแค่หันมามองฉัน ใบหน้าคมสันของเขาเอียงเล็กน้อยเหมือนจะถามว่าฉันมีอะไร
ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันจะพูดมันดูสิ้นคิดมากแค่ไหน แต่ตอนนี้ฉันคิดได้แค่นี้จริง ๆ ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้ง ก่อนที่จะเอ่ยปากพูดขึ้น
“ฉันอยากนอนกับนาย...”
“...ห้ะ”
“แลกกับเรื่องนี้” วิลล์ขมวดคิ้วเข้าหากันมากกว่าเดิมอีก ใบหน้าของเขามันเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ตอนนี้ฉันคิดได้แค่นี้จริง ๆ
“...ได้มั้ย?”
-วิลล์-
เหลือเชื่อเลย
ผมไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้ออกจากปากเธอคนนี้ เธอเป็นคนแบบไหนกัน ทำไมถึงเอาตัวเองเข้าแลกกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้
“ฉันไม่รู้ว่านายคิดยังไงกับคำพูดของฉัน แต่ฉันกลัวว่าการที่นายจะออกไปพูดแบบนั้นมันจะทำให้ฉัน...หมดอนาคตในวงการ”
“ฉันบอกเธอแล้ว ว่าเธอทำตัวเอง”
“ฉันรู้ ฉันก็แค่...”
“_”
“ช่างเถอะ ฉันยอมนายทุกอย่างเลยตอนนี้ ขอแค่นายปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปได้ไหม ขอแค่หนึ่งเดือนก็ได้”
“ฉันยังไม่รู้เลยว่าทำไมฉันจะต้องทำแบบนั้น ส่วนตัวของเธอที่เธอเสนอมา ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงจะต้องตกลง ทั้ง ๆ ที่ฉันสามารถหาได้ดีกว่าเธอ”
“_” ผมเห็นดวงตาของเธอที่เบิกกว้างขึ้น ผมไม่ได้พูดอะไรผิดนะ พูดถูกมากด้วย แต่ยอมรับว่าเธอเป็นคนสวย สวยมากด้วย แต่ผมไม่ได้อะไรกับคนสวยสักหน่อย เธอไม่ใช่ผู้หญิงในอุดมคติ ไม่ใช่สเปค ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด
“แล้วถ้าหนึ่งเดือนล่ะ”
“หือ?”
“หนึ่งเดือนที่ฉัน...เอ่อ ยอม” ผมขมวดคิ้วยุ่งเลยตอนนี้ ทำไมเธอถึงยังดื้อด้านอยู่ ผมส่ายศีรษะเบา ๆ ด้วยความเบื่อหน่าย
“ฉันจะให้นายทุกครั้ง ทุกครั้งที่นายต้องการ ทุกอย่างเลย ฉันขอแค่ให้นายอย่าบอกนักข่าว”
“เธอดู ไร้ค่ามาก”
“นายคิดอย่างนั้นเหรอ” ผมไม่ได้ตอบอะไรไป จะว่ายังไงดีล่ะ ผมไม่รู้จุดประสงค์จริง ๆ ของเธอ ทำไมเธอต้องมาพูดแบบนี้ด้วย ดูจากพฤติกรรมของเธอ ผมรู้สึกว่าเธอเป็นคนชอบเอาชนะคน บางทีเธออาจจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะผมก็ได้
“ฉันไม่ได้เกิดมารวยเหมือนนายหนิ ฉันต้องทำงาน เสาร์อาทิตย์ที่นายบอกให้ฉันไปเรียน ฉันก็ต้องทำงาน”
“_”
“ฉันขอแค่นี้มันยากมากหรือไง! ...ฮึก”
“น้ำตาเธอไม่ได้ช่วยให้ฉันใจอ่อนหรอกนะ”
ซะที่ไหนล่ะ
บ้าเอ๊ย! อยู่ ๆ เธอก็ร้องไห้ออกมา ไม่รู้ว่าร้องไห้จริง ๆ หรือแสดงกันแน่ พิ้งค์พราวเบือนหน้าหนีผม เธอยกหลังมือเช็ดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผมอีกครั้ง
“ฉัน..ขอร้องล่ะ”
“_” ผมได้ตอบอะไรเธอไป ผมไม่รู้ว่าผู้ชายทุกคนรู้สึกแบบผมหรือเปล่าเวลาเห็นผู้หญิงร้องไห้ แต่หนึ่งในนั้นคงไม่ใช่พวกพี่ ๆ ผมหรอก
“แค่หนึ่งเดือนเอง ฉันจะหาเหตุผลดี ๆ บอกนักข่าวไม่ให้มันกระทบอะไรกับนายเลย” ผมยืนสบสายตากับเธอ มองเข้าไปในดวงตาที่มีน้ำตาเอ่ออยู่ จริง ๆ ผมไม่ได้เสียหายอะไรหรอก แค่ผมอยากใช้ชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไป ไม่ได้อยากเอาตัวเองมาวุ่นอยู่กับคนที่มีไฟส่องแบบเธอ แค่ตัวผมเองก็เหนื่อยกับสายตาคนมองแล้ว ยังจะมีข่าวคบดาราอีก
เห้อ...
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะมองใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของเธอคนนี้ มองจนพิ้งค์พราวหันหน้าหนี ก่อนที่ผมจะเอ่ยปากพูดขึ้น
“หนึ่งเดือน”
“หือ?”
“แค่หนึ่งเดือน”
“นายยอมแล้วเหรอ”
“อืม”
หมับ!
“จริงเหรอ!!” ผมก้มมองฝ่ามือของเธอที่ยื่นมาจับมือผม สองมือของเธอเขย่ามือของผมเหมือนกับว่าเธอดีใจมากที่ผมยอม
“_” ผมค่อย ๆ ชักมือออกจากมือของเธอ มันทำให้พิ้งค์พราวยกมือขึ้นเสยผมของเธอเองเพื่อแก้เขิน
“ขอบคุณนะ” รอยยิ้มของเธอทำให้ผมหันหน้าหนี มันจะดีใจอะไรขนาดนั้น เมื่อกี้ยังร้องไห้อยู่เลย ผมส่ายศีรษะเบา ๆ ก่อนจะหันหลังให้เธอ แต่ก่อนที่ผมจะเดินออกไป
หมับ!
“แล้ว? นายไม่ เอ่อ...”
ผมหันหน้ามามองฝ่ามือของเธอที่คว้าต้นแขนของผมไว้ พิ้งค์พราวลดมือลงเมื่อผมมองมือของเธอนาน แล้วทำไมถึงชอบแตะเนื้อต้องตัวผม ไม่รู้เลยหรือไงว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ปากนั่นอีกที่อยู่ ๆ ก็ยื่นมาจูบผม เธอไม่หวงตัวเองเลยหรือไง
ไม่รู้หรือไงว่าผมต้องข่มความรู้สึก อยากจะสั่งสอนซะให้จบ ๆ แต่แม่งทำไม่ลง
“ฉันนึกว่านายยอมเพราะตัวฉันซะอีก”
“_”
“นายยอมให้ฉันเฉย ๆ เหรอ ไม่เอาข้อเสนอ ไม่เอาข้อแลกเปลี่ยนอะไรเลยเหรอ”
“แล้วมันไม่ดีหรือไง”
“ก็ดี แค่มันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันไม่มีเสน่ห์ ไม่มีอะไรดึงดูดให้นายรู้สึกอยากทำอะไรฉัน นายดูเฉย ๆ เหมือนกับตายด้านอย่างไงอย่างนั้น”
“ฉันไม่ได้ตายด้าน”
“เหรอ งั้นฉันก็ไม่มีเสน่ห์เลยน่ะสิ” ให้ตายเถอะผู้หญิงคนนี้ ทำไมเธอมีความคิดแปลก ๆ แบบนี้
“พิ้งค์พราวเธอมันบ้า”
“นายนั่นแหละที่แปลกคน”
“ฉันไม่ชอบเอาผู้หญิงที่มีความรู้สึกอะไรให้ฉัน” ผมตอบออกไปตรง ๆ เพราะเมื่อไรที่ผมไม่ได้รู้สึกชอบ คนเสียใจมันไม่ใช่ผมหรอก
“นายพูดอย่างกับจะบอกว่าฉันชอบนายอย่างนั้นแหละ”
“แล้วไม่ใช่หรือไง”
“ไม่ใช่สักหน่อย” สายตาล่อกแล่กแบบนั้นยังจะกล้าพูดออกมาอีก พิ้งค์พราวย่นจมูกใส่ผม เหมือนกับว่าผมกำลังขัดใจเธอ
“นายคิดไปเองต่างหาก”
“หึ” ผมแค่นหัวเราะออกมา ก่อนที่จะย่างเท้าเข้าหาเธอจนเธอก้าวขาถอยหลังหนีผมอีก ผมจะยอมรับข้อตกลงนี้ เพราะผมก็หมดความอดทนแล้วเหมือนกัน
“จำวันนี้ไว้ ถ้าเธอเสียใจให้คิดว่าเธอ...เลือกเอง”