“ลูกมีแฟนตั้งแต่เมื่อไร!!”
“หือ?” ผมดึงโทรศัพท์ออกจากหูเมื่อแม่ตะคอกเสียงใส่โทรศัพท์ทั้ง ๆ ที่ผมยังพูดไม่จบประโยค และคำพูดของแม่ก็ทำให้ผมมึนงง แต่ก็ไม่ได้ตกใจอะไรมากนัก
“แม่เข้าใจผิดหรือเปล่าครับ” ผมบิดขี้เกียจไปมาเมื่อรู้สึกเมื่อยตัว วันนี้วันหยุดกะจะตื่นสายสักหน่อย แต่แม่กลับโทรมาตั้งแต่เช้า แถมยังพูดอะไรก็ไม่รู้
“ไม่ต้องทำเป็นไม่รู้ เขารู้กันทั้งประเทศแล้วเนี่ย!” รู้อะไรวะทั้งประเทศ ผมว่าแม่ผมเธอควรพักผ่อนให้มาก ๆ
“แม่ครับ แม่พูดเรื่องอะไร ผมขอนอนอีกสักหน่อยนะ”
“เดี๋ยวก่อนวิลล์แม่ยัง...”
ติ๊ด!
“เห้อออ...” ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ผมไม่รู้ว่าแม่พูดถึงอะไร แต่ตอนนี้ผมอยากนอน อยากนอนชนิดที่ว่าตื่นมาอีกทีเป็นวันพรุ่งนี้เลย ผมค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง แต่ทว่า
ครืดด ครืดดด~
หมับ!
“แม่ครับ ผมขอ...”
“วิลล์..นี่พ่อ” ผมลืมตาโพลงขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงจากปลายสาย ก่อนจะดึงโทรศัพท์ออกจากใบหูเพื่อดูว่าหูผมฝาดไปหรือเปล่า
แต่รายชื่อที่โชว์อยู่นั้น...พ่อจริง ๆ ด้วยแฮะ
“ครับ...” ผมตอบออกมาเสียงอ่อน ๆ ผมเชื่อว่าทุกคนต้องมีความรู้สึกกลัวพ่อตัวเอง ผมไม่ค่อยกลัวแม่นะ แม่พูดมากแต่ก็ไม่ทำอะไรผม ส่วนพ่อ...ตรงกันข้ามกับแม่เลย เสียงของพ่อเงียบไปสักพักก่อนที่ท่านจะเอ่ยพูดขึ้น
“ลูกมีแฟนเป็นดาราเหรอ”
“ห้ะ!”
“มีแฟนเป็นดาราเวลาทำอะไรก็คิดให้มากกว่านี้หน่อย” ผมขมวดคิ้วให้กับสิ่งที่พ่อพูด แฟน? ดารา?
หรือว่า...
“เดี๋ยวนะ ผมไม่รู้ว่าพ่อกับแม่พูดถึงเรื่องอะไร ผมอยู่บ้านยังไม่ลุกจากที่นอนเลย” ผมเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเซ็ง ๆ เมื่อเริ่มคิดหาเหตุผลที่ทำให้พ่อกับแม่โทรมาตั้งแต่เช้าแล้วมาพูดเรื่องแฟนบวกกับว่าคำว่าดารา ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ นานาที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็แล่นเข้ามาในหัวของผมทันที
พิ้งค์พราว...เธอแน่ ๆ
“ช่วงบ่ายก็กลับมาบ้าน พาดาราคนนั้นมาด้วย”
“มันไม่มีไรหรอกครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับใคร หรือดาราคนไหน”
“เหรอ ข่าวมันออกขนาดนั้นน่ะนะ” บ้าชิบ! ผมยกมือขึ้นมากุมขมับทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น ผมลืมไปเสียสนิทว่าเธอเป็นดาราเวลาทำอะไรก็คงเป็นข่าว แล้วเมื่อคืนก็เล่นอุ้มเธอขึ้นคอนโดแบบนั้นด้วย
“เห้อ..”
“ถ้าไม่มีอะไรก็กลับบ้านมาก่อน จะให้คนเตรียมงานแถลงข่าวให้” ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้หรอก ก็เลยต้องตอบตกลงไปก่อน
“ครับ ผมคงไม่ได้พาเธอคนนั้นมาด้วยหรอก มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด เธอไม่ได้เป็นแฟนผม”
“เหรอ แต่ทำไมดาราคนนั้นถึงตอบนักข่าวว่าเป็นแฟนกับลูกล่ะ”
“ห้ะ!!”
“พ่อเริ่มงงละ คบเล่น ๆ เหรอ” ผมไม่รู้ว่าจะตอบพ่อไปยังไง ถ้าบอกไม่ได้คบกันก็ยิ่งงงไปกันใหญ่เมื่อเธอตอบออกไปแบบนั้น
“เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังครับ” ผมตอบออกไปเพียงแค่นั้น ก่อนที่พ่อจะตอบรับและตัดสายทิ้งไป
“จิ๊!” ผมชักจะหงุดหงิดเธอเต็มทน อะไรทำให้เธอตอบออกไปแบบนั้น ผมควรจะไปเอาเรื่องเธอ แต่มันคงยากหน่อยเพราะเธอกับผมกำลังเป็นข่าวด้วยกัน
“เอาไงดีวะ” หรือผมจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไปโดยไม่ต้องสนใจอะไร แต่ทำไม่ได้หรอก เชื่อเถอะว่านอกจากชื่อผมแล้วคงชื่อบริษัทของที่บ้านด้วย ธุรกิจอาจเสียหายได้ถ้าผมทำเป็นเมินเฉยกับเรื่องนี้ แฟนคลับเธอคงโกรธผมแล้วมันจะลามไปถึงตัวบริษัทด้วย
“แม่เอ้ย!” ผมสบถออกมาอีกครั้ง เมื่อชีวิตที่เต็มไปด้วยความสงบสุขของผมกำลังจะจบลง จบลงเพราะยัยดาราสมองเพี้ยนคนนั้น
อีกด้านหนึ่ง..
-พิ้งค์พราว-
“ยัยพิ้งค์ ตอบพี่มาเลยนะว่าไปรู้จักมักจี๋กับเขาได้ยังไง” เสียงของพี่อิ้งค์ผู้จัดการของฉันทำให้ฉันต้องหันหน้าหนี เพื่อหาคำพูดโกหกดี ๆ
“ก็...เรียนเสรีตัวเดียวกัน”
“อย่ามาโกหกพี่ แกเคยไปเรียนเสรีซะที่ไหน” ฉันหมุนตัวหันหน้ามาหาพี่อิ้งค์ด้วยความสงสัยในคำพูด
“เอ๊ะ ว่าแต่พี่ก็รู้ใช่ไหมคะว่าพิ้งค์มีเรียนวันเสาร์ แล้วทำไมถึงรับงานวันเสาร์ให้พิ้งค์ตลอดเลย” ฉันถามพลางทำหน้าสงสัยไปด้วย ส่วนพี่อิ้งค์เธอมีท่าทีแปลก ๆ แต่แล้ว
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง เรื่องนี้มันสำคัญกว่าเรื่องที่แกมีแฟนเป็นทายาทมหาเศรษฐีหรือไง” ฉันชะงักเมื่อพี่อิ้งค์กำลังพูดไล่จี้ฉัน
“ก็ไม่รู้สิ ตอนนี้ก็คบไปแล้ว” ฉันเลือกที่จะไม่อธิบายอะไรทั้งนั้น เมื่อคืนฉันนอนคิดตั้งนานว่าจะทำยังไงให้สามารถเข้าใกล้เขาได้ คิดหนักจนนอนไม่หลับพอเช้ามาก็มีโทรศัพท์จากนักข่าวโทรมาหา และมันก็เป็นอย่างที่เห็น
เช้านี้มีภาพของวิลล์ที่อุ้มฉันขึ้นคอนโดว่อนไปทั่วทั้งโซเชี่ยว และข่าวก็ตีกันสนุกเลยเพราะนามสกุลของเขาด้วยแหละ
ส่วนฉัน...พอเห็นแบบนั้นก็ไหลตามน้ำไปเลย ยอมรับเลยว่าฉันเองก็เสียหายที่มีผู้ชายอุ้มขึ้นคอนโดแบบนั้น แต่การตอบว่าเป็นแฟนกันมันยังไม่น่าอายเท่ากับคนแปลกหน้าอุ้มขึ้นห้อง
ฉันว่ามันเป็นทางออกที่ดีนะ แต่เขาจะคิดแบบฉันหรือเปล่า...ฉันไม่มั่นใจ
“แกจะไม่เล่าให้พี่ฟังจริง ๆ สินะ”
“ไม่ค่ะ”
“เห้อ...อย่ามีข่าวเสียหายก็แล้วกัน ช่องเขาจะบีบแกออก”
“เรื่องของช่องสิ อิสระได้เงินเยอะกว่าซะอีก”
“แกก็พูดได้ มีแฟนเป็นคนรวยแล้วนิ” ฉันยิ้มร่าออกมาแม้ภายใจใจจะรู้สึกละอายมากก็ตามแต่ แต่ทำไงได้ ฉันชอบเขานิ ส่วนเขาก็น่าหมั่นไส้ ชวนคุยก็ไม่คุยด้วย ฉันไม่เคยถูกเมินแบบนี้มาก่อน ทีนี้ละ เขาต้องวิ่งแจ้นมาคุยกับฉันแน่ ๆ
“แล้ววันนี้ พี่จะไม่ให้พิ้งค์ไปถ่ายละครจริงดิ”
“ก็จริงน่ะสิ พี่ยกเลิกไปแล้ว รอให้ทางแฟนแกออกมาสัมภาษณ์ก่อน ขืนแกออกไปตอนนี้นักข่าวรุมแกแน่” พอได้ยินแบบนี้แล้วฉันก็เริ่มหวั่นใจขึ้นมา ก่อนหน้านี้ฉันมั่นใจว่าเขาคงไม่หักหน้าฉันหรอก เพราะเขาคงไม่เอาบริษัทของครอบครัวมาเสี่ยงกับแฟนคลับของฉัน แต่ก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเขาน่ะ เย็นชาซะขนาดนั้น
ครืดด ครืดด~
ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของฉันมันก็ดังขึ้น ก่อนที่ฉันจะรีบคว้ามันขึ้นดูเพราะคิดว่าน่าจะเป็นเขาคนนั้นที่พยายามหาเบอร์ฉันเพื่อโทรมาคุย แต่ทว่า
“แม่...” ฉันไม่มั่นใจเลยว่าจะรับสายที่โทรมาจากแม่ดีหรือเปล่า ฉันจะดีใจมากที่แม่แค่โทรมาขอเงินเหมือนที่ผ่านมา หากว่าแม่โทรมาเพราะเรื่องข่าวล่ะ
ติ๊ง!
พอเสียงโทรศัพท์ดับเสียงแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้น แต่ฉันก็พยายามที่จะไม่มองมัน ก่อนจะปิดเครื่องหนี เพราะฉันไม่อยากรับรู้เรื่องอะไรที่อาจจะทำให้ฉันบั่นทอนจิตใจ
เอาดี ๆ เขาคนนั้นไม่น่าเกิดมารวยเลย ฉันชอบเขา ซึ่งฉันคิดว่าที่แม่โทรมาน่าจะเป็นเรื่องข่าว และมันก็จะเกี่ยวกับเขา เพราะคำที่แม่ชอบกรอกหูฉันบ่อย ๆ คือหาผัวรวย ซึ่งเขาที่ฉันชอบดันรวยซะงั้น
“ทำไมไม่รับล่ะ”
“_”
“แม่แกยังไม่กลับมาจากคาสิโนอีกเหรอ”
“อืม”
“พิ้งค์...อย่าหาว่าพี่ยุ่งเลยนะ แต่แม่แกไม่กลับมาสองเดือนแล้ว เงินหมดไปไม่รู้กี่ล้าน ถ้าเป็นแบบนี้แกอาจจะต้องทำงานจนร่างพังเลยนะ พี่ว่าแกเลิกโอนเงินให้แม่แกเถอะ” ฉันวางโทรศัพท์ลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะนั่งลงบนที่นอนพร้อมกับก้มหน้าลงมองฝ่ามือของตัวเอง
“ถ้าพิ้งค์ไม่โอนให้ แม่จะกลับมาเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“เหรอคะ แต่พิ้งค์กลัวว่าแม่จะไม่กลับ แล้วจะไปยืมเงินบ่อนจนเป็นหนี้น่ะสิ”
“หืม แกคิดมากหรือเปล่า ยังไงถ้าไม่มีเงินแม่แกก็คงกลับมาเอากับแกอยู่ดี”
“เห้อ...หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ” ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอนแผ่หลาบนที่นอน ซึ่งวันนี้ฉันก็คงได้พักอีกวัน
“โชคยังดีนะที่คิวละครแกมันมีแค่คิวเดียวในวันนี้ กองถ่ายเลยไม่เดือดร้อน” ฉันไม่ได้ตอบอะไรพี่อิ้งค์ไป เพราะตอนนี้มีอะไรหลายอย่างให้คิด ทำไมวิลล์เงียบมาก เวลาก็เดินผ่านไปเรื่อย ๆ แบบนี้ หรือว่าเขาจะเล่นบทเงียบแล้วหายเข้ากลีบเมฆไป แบบนั้นมันก็แย่มากเลยน่ะสิ
ฉันรู้สึกเหมือนคนอกหักเลย
แต่ฉันไม่เคยมีแฟนนี่น่า แล้วอาการซึม ๆ แบบนี้มันแปลว่าอกหักหรือเปล่าล่ะ..
หลายชั่วโมงต่อมา..
“พิ้งค์..ดึกละทำไมทางนั้นเงียบจังเลย มันแปลก ๆ นะว่าไหม ข่าวดังขนาดนี้กลับเงียบแบบนี้” ฉันไม่ได้ตอบอะไรพี่อิ้งค์ไป นั่นสิ เงียบซะจนฉันรู้สึกใจคอไม่ดี
“เห้อ..แกคบกับเขาจริงปะเนี่ย ไม่ใช่ว่าเขาหลอกแกนะ ไฮโซก็แบบนี้แหละชอบเห็นดาราเป็นของเล่น”
เขาไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย...
ฉันคิดเขาข้างเขาในใจ ดูแล้วเขาเป็นคนดีจะตาย ขนาดฉันเมาแป๋แบบนั้นเขายังไม่คิดจะทำอะไรฉันเหมือนเพื่อนของเขาคนนั้น
“เห้อ...” ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่พี่อิ้งค์จะลุกขึ้น และเดินมาหาฉัน
“ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่ออกมาพูดอะไร พี่จะบอกนักข่าวให้รอแกสัมภาษณ์นะ...” เสียงของพี่อิ้งค์เบาลงเรื่อย ๆ ราวกับว่ากำลังเห็นใจฉัน พี่เขาคงกำลังคิดว่าวิลล์เทฉันไปแล้ว ซึ่งจริง ๆ แล้วมันเป็นความมะโนของฉันเองที่คิดเองเออเองแบบนี้
“พี่กลับเลยก็ได้ค่ะ พิ้งค์อยู่คนเดียวได้ค่ะ”
“เอ่อ อันที่จริงพี่อยากอยู่เป็นเพื่อนแกนะ แต่พี่ก็ต้องรีบกลับบ้านไปกินข้าวกับแฟน”
“ไม่เป็นไรค่ะ พิ้งค์ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” ฉันยิ้มให้พี่เขา ก่อนที่พี่อิ้งค์จะพยักหน้ารับ
“พี่ไปก่อนนะ” ฉันยิ้มตอบกลับพี่เขาอีกครั้งพร้อมกับโบกมือลาพี่อิ้งค์ไป
พออยู่คนเดียวแบบนี้ฉันกลับรู้สึกหน่วง ๆ ไงไม่รู้ เขามันเย็นชาไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย มีแต่ฉันนี่สิที่กำลังนอนเหมือนคนตายซากอยู่
ฉันควรอาบน้ำนอนแล้วมาคิดว่าพรุ่งนี้จะให้สัมภาษณ์แก้หน้าตัวเองยังไง คิดได้ดังนั้น ฉันก็ลุกขึ้นจากที่นอนอย่างช้า ๆ ราวกับคนหมดแรง ก่อนจะค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น จนบนตัวฉันไม่เหลืออะไรสักชิ้น
“ฉันไม่สวยหรือไง...” ฉันยืนมองตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“เห้อ..” สวยแค่ไหนถ้าไม่ใช่คนที่ใช่มันก็ไม่ใช่อยู่ดี และขณะที่ฉันกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ เสียงอะไรบางอย่างก็ดังขึ้นมันทำให้ฉันหันไปมองอย่างช่วยไม่ได้
แกร็ก!
แอ๊ดด...
“กรี๊ดดดด~”
“เหี้ย!!!”
พรึ่บ!
“นะ นาย..” ฉันยืนตาโตอ้าปากค้างมองแผ่นหลังหนาอยู่กับที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้
วิลล์ เขาเข้ามาอีกแล้ว!!
เขาเปิดประตูเข้ามา และเขาก็เห็นฉันโป๊หมดเลย ซึ่งวิลล์ก็หมุนตัวหันหลังให้ฉันทันควัน แต่ฉันแอบเห็นดวงตาของเขาที่มันเบิกกว้างขึ้นนะ
“อะไรของเธอวะเนี่ย!” วิลล์นิ่งไปสักพักก่อนที่เขาจะเอ่ยพูดขึ้น มันทำให้ฉันตอบกลับทันควัน
“ฉันนี่แหละที่ต้องถามนาย นายเข้าห้องฉันแบบนี้ได้ยังไง”
“แล้วใครมันจะไปรู้ว่าเธอยืนแก้ผ้าอยู่” ฉันรีบดึงสติตัวเองก่อนจะรีบวิ่งไปเอาชุดคลุมอาบน้ำที่ห้องแต่งตัวมาสวมก่อนจะออกมาหาหาเขาที่ยังคงยืนหันหลังให้ฉันอยู่เหมือนเดิม
“นาย...”
“ทำไมเธอไม่ตอบไลน์ฉัน!” ฉันยังพูดไม่จบเขาก็พูดแทรกขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ยืนหันหลัง แต่คำพูดของเขานี่สิมันทำให้ฉันหันไปมองโทรศัพท์ที่ถูกปิดเครื่องจากฉันเองเพื่อหนีแม่ และหนีนักข่าว
อย่าบอกนะว่า
“ฉันส่งข้อความหาเธอตั้งแต่เช้า ทำไมไม่ตอบ แล้วเมื่อไรจะได้เคลียร์!!”