เ(ฉ)พาะช่างขังรัก MDL STORY (SS2)
EPISODE 4
[ไม่แพ้ใคร]
ณ สนามแข่ง RVB เขต ริเวอร์เบย์
ฉันได้แต่ลอบมองพี่ภารัณที่ยืนรวมตัวอยู่กับคนของริเวอร์เบย์ ตอนแรกที่คิดว่าเขากับเฮียไท่หลงอาจจะแค่รู้จักกันเพียงผิวเผิน ดูท่าฉันจะเข้าใจผิดไปนิดหน่อย เพราะคุณพ่อของเฮียไท่หลงและคุณม๊าของพี่ภารัณดูสนิทสนมกันไม่น้อยเลย
แต่ถ้าพวกเขาจะไม่สนิทกันก็คงเพราะการเลี้ยงดูของทางบ้านพี่ภารัณนั่นแหละ ที่ก่อนหน้านี้ค่อนข้างจำกัดพื้นที่ลูกชาย
“ดีฮะพี่คนสวย” เสียงของคนที่เพิ่งมาสมทบ ทำให้ฉันหันไปมองหนุ่มนักเรียนที่กำลังมองไปยังกลุ่มของคุณม๊าพี่ภารัณอย่างสนใจ
“นายก็มาด้วยเหรอ” ฉันถามหยิน เพราะไม่รู้ว่าเขาเดินมาจากทางไหนเหมือนกัน
“ผมมากับเฮียแฝดฮะ ว่าแต่ม๊ามาได้ไง ยังไม่ได้จะแข่งจริงสักหน่อย” หยินพึมพำ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่มาถึงที่นี่ก็เพราะท่านพามาด้วยเนี่ยแหละ ฉันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าที่นี่เขากำลังจะมีงานอะไรกัน
“มึงมาก็ดี เดี๋ยวไปลงชื่อนักแข่งทีมเรากับทีมงานของเฮียไท่หลงด้วย” พี่ภารัณที่เดินกลับมาเห็นว่าหยินมาแล้วก็สั่งงานทันที
“อ่าว! ผมคิดว่าน้าหยกส่งชื่อแล้วซะอีก” หยินพึมพำ
“ม๊าเปลี่ยนนักแข่ง ลงชื่อเฮียโซ่ กูแล้วก็ไอ้เดี่ยวลงแทนมึง” พี่ภารัณว่า ทำให้ฉันลุกขึ้นทันที นี่เขาจะลงแข่งด้วยเหรอ
“พี่เดี่ยวจะลงเหรอ ไม่เห็นบอกวาเรื่องแข่งเลย” ท่าทางยัยวาเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันแฮะ
“สำรองทีมเฉย ๆ น่ะฮะ ทีมละสามคน ปีก่อนเฮียคิล เฮียรัน แล้วก็เฮียโซ่ ปีนี้เฮียคิลถอนตัวเป็นทีมงานแล้ว เฮียโซ่เป็นตัวหลักของเราฮะ”
หยินอธิบายคร่าว ๆ ทำให้ฉันกับเอวาไม่คิดจะถามอะไรอีก ที่แท้พี่ภารัณกับพี่เดี่ยวก็ลงสำรองทีมเฉย ๆ
“ใครจะไปสำรวจสนามเลียบหาดไหม เอารถออกเลย เดี๋ยวเปิดสนามแล้ว” เฮียไท่หลงที่เดินมาบอก ทำให้พี่ภารัณหันไปมองคุณม๊าที่กำลังดูรถของทีมอยู่กับเฮียหยก
“ม๊าจะไปส่องสนามไหม” พี่ภารัณถามคนเป็นแม่
“น่าเบื่อจะตาย” และนั่นคือคำตอบ ที่มาพร้อมกับเจ้าของร่างเล็ก ๆ ที่หันมากวาดสายตาคู่สวยมองพวกเราที่นั่งอยู่
“สวัสดีครับม๊า / สวัสดีครับม๊า” พี่เดี่ยวกับพี่บาสรีบลุกขึ้นยกมือไหว้ท่านทันที
“ไง! ไม่เจอนานสูงยาวใหญ่กันดีนี่”ท่านทักขึ้นพร้อมตบไหล่พี่เดี่ยว ทำเอาเฮียคิลที่เพิ่งจะเปิดเบียร์กระดกลงคอถึงกับสำลักทันที
“แค่ก ๆ เจ้! สูงยาวใหญ่อะไรวะนั่น ช่วยพูดให้มันเต็ม ๆ คำหน่อยเถอะ” เฮียคิลโพล่งขึ้นอย่างคนเหนื่อยใจอีกครั้ง
ฉันว่าวันนี้เฮียคิลดูสู้ชีวิตกับคุณม๊าพี่ภารัณมากเลยล่ะ ไม่เคยเห็นเฮียทำสีหน้าเหมือนคนปวดหัวตลอดเวลาขนาดนี้มาก่อนเลย
“มันไม่ใช่ยาวใหญ่ฮะม๊า สูงยาวเข่าดีสิฮะ” หยินช่วยอธิบายอีกแรง
“ต่างกันตรงไหน” และนั่นคือคำตอบของท่าน ที่มาพร้อมสีหน้าประมาณว่าท่านพูดอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ
“ทุกตรงเลยม๊า พูดแบบนั้นสาว ๆ เขาจะคิดว่ามันไปใหญ่ตรงอื่น” สองว่า แล้วเดินมากอดแขนท่านราวเด็กกำลังอ้อนแม่
“ทำไม? ถ้าเทียบกันลูกชายม๊าก็ใหญ่ไม่แพ้ใครนะ หล่ออีกต่างหาก” ว่าแล้วก็ดึงแขนพี่ภารัณที่ยังคงสีหน้านิ่งไม่เปลี่ยนมาโปรโมท แต่ฉันว่าคำพูดของท่านมันก็ฟังดูแปลก ๆ อยู่ดีนั่นแหละ
“ให้ตายเหอะแก” ยัยบีบีพึมพำเสียงเบาแล้วรีบเบือนหน้าหนีทันที
“ยัยพะแนงทำไมพอม๊าพูดแล้วฉันมองสูงไม่ได้เลยอะแก” เอวากระซิบบอกฉัน และมันดันทำให้สายตาของฉันหลุบลงต่ำตามคำพูดเธอด้วยนี่สิ
พอคิดว่าสายตามันไปจบลงที่ส่วนไหนของพี่ภารัณ ก็ราวกับความร้อนในร่างมันไหลมารวมกันอยู่ที่แก้มทั้งสองข้างทันที
บ้าเอ้ย! ฉันมองไปที่ไหนของเขาเนี่ย
“แฮ่ม!” นั่นทำให้พี่ภารัณกระแอมในคอเบา ๆ เตือนฉันทันที
“ม๊าฮะ ผมว่าม๊าไปดูลานประมูลรถกับผมเถอะฮะ ปีนี้อู่เราส่งGTOลงประมูลด้วยนะฮะ เฮียคิลโมฯอย่างเด็ด ผมไปดูมารอบหนึ่งแล้ว มีคันเด็ด ๆ จะให้ม๊าดูด้วยฮะ” หยินตัดบทเปลี่ยนประเด็น พลางเข้ามาควงแขนท่านทันที
“โมฯหาเงินกินเหล้าสิไม่ว่า คันไหนเด็ดต้องไปดู อ่อ! ถ้าฉันเสียมากกว่าได้ พวกนายก็เตรียมจ่ายเพิ่มไว้ได้เลย”
ท่านหันมาเตือนเฮียคิลและเฮียหยก ก่อนจะปล่อยมือจากพี่ภารัณแล้วเดินกอดเอวหยินจากไปทั้งอย่างนั้นเลย
“อ่าว! ม๊ามึงบทจะไปก็ไปแบบนี้เลย เปลี่ยนใจไวกว่าเดอะแฟลชอีกว่ะ” พี่บาสพูดขึ้น
“แบบนี้แหละเฮีย ถ้าพูดเรื่องรถคือลืมลูกอะ วันนี้คงได้รถกลับไปเพิ่มอีกแน่ แล้วไอ้หยินแม่งก็ขยันพาม๊าไปประมูลด้วยนะ” สองพูดขึ้น ท่าทางคุณม๊าคงจะชอบรถมากสินะ พอหยินชวนปุ๊บท่านก็ตามไปแบบไม่คิดอะไรเลยแฮะ
“ไอ้หยกกูโมฯดีแล้วไหมวะ” แล้วเฮียคิลก็ต้องหันไปถามเฮียหยก นี่เขากลัวโดนคุณม๊าเก็บเงินจริง ๆ เหรอ
“ดีแล้วมั้ง เอาจริง ๆ เฮียเป็นคนเลือกGTOนะ” เฮียหยกว่า
“ไอ้หยินโน่นบอกกู ตอนแรกกูจะเอาDesotoไง” เฮียคิลเถียง
“ถ้าพวกเฮียยกDesotoต้องแบ่งผมนะ อย่าลืมว่าผมเอามา” ขณะที่สองเฮียกำลังเถียงกันอยู่พี่ภารัณก็พูดขึ้น
“อย่างน้อยมึงควรช่วยโมฯหรือจ่ายค่าอะไหล่ก่อนจะเอาส่วนแบ่ง” เฮียคิลโต้กลับ
“แต่เฮียเบิกจากส่วนกลางอู่” พี่ภารัณแย้ง
“เงินส่วนกลางก็ที่กูขายรถไหมวะ”
“แต่ผมเป็นน้องเจ้าของอู่” ดูความเถียงแบบหน้ามึนของเขาเถอะ
“ไอ้รัน! มึงจะเอาส่วนแบ่งให้ได้ใช่ไหม” เฮียคิลขึ้นเสียง
“อ่า! ให้ค่าขนมยัยหนูผมสักสี่สิบเปอร์เซ็นต์จะเป็นไรไป” พี่ภารัณที่ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรยังคงไม่ยอมแพ้ ฉันล่ะนับถือพวกเขาเลย ทำไมขยันทะเลาะกันจัง
“ไอ้โรม! มาเอาลูกมึงไปไกลตีน ๆ กูเลย แม่งพูดไม่รู้เรื่อง ลูกมึงจะเอาส่วนแบ่งขายรถให้ผู้หญิง มึงสอนมันแบบนี้เหรอวะ” ว่าแล้วเฮียคิลก็ฟิวส์ขาดจนได้ ฉันว่าวันนี้เขาดูเกรี้ยวกราดเหมือนผู้หญิงมีรอบเดือนเลยอะ
“แล้วไอ้หน้าไหนที่มันขายรถเปย์เด็กเสิร์ฟกูจนได้มันไปเป็นเมียวะ เฮียมึงอย่าเยอะ!” เจ้าของน้ำเสียงทุ้มต่ำที่เดินเข้ามาในเต้นท์ พร้อมเฮียนัททำเอาเพื่อน ๆ ฉันถึงกับรีบลุกขึ้นทันที
“โห! ทรงแด๊ดดี้จังอะแก” ยัยบีบีพึมพำ จับมือยัยวาเขย่าไม่หยุด
“พะแนงไม่เอาหรอกค่ะ พี่รันคงพูดเล่น” ฉันรีบบอกเฮียคิลให้สบายใจ
“พูดจริง” ทว่าคนข้าง ๆ กลับขัดซะหน้าหงายเลยแฮะ
“เอ่อ…” พอพี่ภารัณว่ามาแบบนั้น ฉันจะไปเถียงอะไรใครได้อีกล่ะ
“สาว ๆ นี่ป๊า” พี่ภารัณแนะนำคนมาใหม่ พอมาเห็นท่านใกล้ ๆ แล้ว ทำให้ฉันรู้เลยว่าพี่ภารัณรูปร่างสูงใหญ่ได้ใคร
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ / สวัสดีค่ะ ”
เราสามคนยกมือไหว้ท่านพร้อมกัน
“สวัสดีครับป๊า / สวัสดีครับป๊า” พี่เดี่ยวพี่บาสเองก็เช่นกัน
“อืม” เสียงที่ครางรับสั้น ๆ และสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ทำให้พวกเราไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลย
“คุณป๊าหล่อมากเลยอะแก” บีบีกระซิบบอกฉัน ที่ได้แต่ยืนนิ่ง เพราะสายตาคม ๆ ของท่านกำลังมองจ้องมาที่ฉันอยู่นี่สิ
โอ้ย! สายตากดดันแบบนั้น ทำฉันหายใจไม่สะดวกเลยอะ
“แฟนผมเอง ทำไมจ้องนาน” พี่ภารัณพูดขึ้น ทำให้ท่านหันไปมองหน้าลูกชาย
“สวย…แต่ดูปวกเปียกคุณหนูไปหน่อย” ท่านว่าด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ทำให้ฉันได้แต่ก้มหน้างุด ท่าทางท่านคงจะไม่ชอบฉันเท่าไหร่แฮะ ฉันดูปวกเปียกขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
“ใครจะเอาเมียตีเก่งแบบป๊า ยัยหนูผมแบบนี้แหละดีแล้ว”
พี่ภารัณพูดขึ้นเสียงขุ่น ทำฉันหน้าร้อนผ่าวไปหมดที่เขากล้าพูดขนาดนั้น
“พูดตามที่เห็น” ท่านแย้ง
“ม๊ายังไม่ว่าสักคำ” พี่ภารัณพึมพำ
“ป๊าก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“สวยดิ” เมื่อได้ยินคุณป๊าว่ามาแบบนั้นพี่ภารัณก็อมยิ้ม
“ชื่อพะแนงใช่ไหม อย่าไปตามใจกันมากล่ะ มันจะเหลิงเอา” แล้วท่านก็หันมาบอกฉันที่ได้แต่หน้าเหวอกับคำพูดนั้น