ซึ่งพอซ่งไฉ่หนิงตายจุดแตกหักของเรื่องจึงบังเกิดเพราะพี่ชายของนางนาม‘ซ่งไฉ่หมิง’ที่เป็นองค์ชายใหญ่ผู้อยู่ไกลถึงชายแดนทราบความถึงสาเหตุการตายของน้องสาวร่วมบิดามารดาเดียวของตนเองถูกสหายรักสังหารสิ้นเขาก็โกรธแค้นเป็นอย่างมากจากแต่เดิมก็แตกคอกันเพราะสตรีเช่นหลินซีเหยาอยู่แล้ว ซึ่งเนื้อเรื่องเพรียวเพิ่งเขียนมาถึงตอนนี้ก็ถึงแก่ความตายเสียก่อนยังไม่ทันเขียนจนถึงตอนจบของเรื่อง
แต่ก็ได้วางพล็อตและเขียนทรีตเมนต์จนจบแล้วเรื่องราวต่อจากนี้ไปก็คือกงหยวนฉีและซ่งไฉ่หมิงได้ทำศึกกันแน่นอนว่ากงหยวนฉีผู้เป็นตัวร้ายที่จับฉลากได้บทพระเอกต้องชนะอยู่แล้วส่วนพระรองเช่นซ่งไฉ่หมิงนั้นก็พ่ายแพ้ถูกสังหารไปอีกคน เพรียวคิดทบทวนก็พอจะทราบว่าบัดนี้ตนเองมาเกิดใหม่ในจังหวะที่ซ่งไฉ่หนิงวางยาปลุกกำหนัดกงหยวนฉีที่เป็นฉู่อ๋องโดยการช่วยเหลือของจางกุ้ยเฟยมารดาเลี้ยงตัวร้ายในคราบแม่พระสำเร็จไปแล้ว
“เฮ้อ! นี่มันเวรกรรมของนักเขียนที่ต้องเผชิญใช่ไหม?”
หญิงสาวถอนหายใจพร้อมกับบ่นพึมพำออกมาด้วยความเซ็งจับจิตเพราะน้องสาวพระรองคนนี้ตามเนื้อเรื่องที่เธอเคยเขียนเอาไว้นั้นถูกนักอ่านตั้งฉายาว่าเธอคือนักเขียนโรคจิต เช่นตนเองนั้นปั้นแต่งขึ้นมาให้เป็นหญิงสาวอายุสิบหกหนาวที่แสนจะโง่เขลาและเอาแต่ใจไม่ต่างจากนางร้ายฝ่ายหญิงเช่นจางกุ้ยเฟยเท่าใดนัก นั่นก็เพราะถูกอีกฝ่ายเลี้ยงดูและเสี้ยมสอนผิดๆ อยากได้สิ่งใดก็ต้องได้ เนื่องจากจางกุ้ยเฟยผู้นั้นเสแสร้งเป็นคนดีอยากให้ทุกคนเกลียดชังซ่งไฉ่หนิงที่เป็นองค์หญิงปลายแถวมีมารดาเป็นเพียงนางกำนัลผู้หนึ่งแล้วหันไปรักใคร่และสงสารบุตรสาวของตนเองเช่น‘ซ่งหลิงจู’ แทน
เนื้อเรื่องที่พริษาจำได้ไม่มีวันลืมเนื่องจากเป็นนิยายลูกรักว่าตนเองนั้นเปิดเรื่องขึ้นมาที่จางกุ้ยเฟยตัวละครที่มีบทเด่นนั้นใส่ร้ายป้ายสี‘ซ่งไฉ่หมิง’ซึ่งมีฐานะเป็นองค์ชายใหญ่ของแผ่นดินต้าเหลียงในวัยยี่สิบเอ็ดหนาวเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะได้ครองตำแหน่งไท่จื่อด้วยฐานะองค์ชายใหญ่แทนที่จะเป็นบุตรชายของตนเองที่เป็นองค์ชายรองจนสำเร็จฮ่องเต้เช่น ‘ซ่งไห่หยาง’ พิโรธอย่างยิ่งจึงได้เนรเทศขับไล่บุตรชายคนโตไปอยู่ชายแดนไกลถึงพันลี้จากเมืองหลวงเพื่อที่ว่าบุตรชายของนางซึ่งเป็นองค์ชายรองนาม‘ซ่งไท่หยวน’นั้นจะได้ดิบได้ดีขึ้นเป็นไท่จื่อแทนเพราะฮ่องเต้นั้นมีบุตรชายเพียงสองคนเท่านั้น
เนื่องจากหลินฮองเฮาเองก็มีร่างกายอ่อนแอมิอาจให้กำเนิดบุตรได้ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายหรือองค์หญิงซึ่งแน่นอนว่าต้นเหตุย่อมเป็นตัวละครจางกุ้ยเฟยที่เป็นคนทำให้หลินฮองเฮานั้นมิอาจตั้งครรภ์ได้อยู่แล้วและไม่ใช่แค่หลินฮองเฮาสตรีทุกคนภายในวังหลังล้วนถูกวางยาจนสิ้นยกเว้นคนเดียวที่จางกุ้ยเฟยผิดพลาดไปก็คือมารดาของซ่งไฉ่หมิงและซ่งไฉ่หนิงเพียงคนเดียวเท่านั้นแต่หลังจากให้กำเนิดซ่งไฉ่หนิงได้ไม่นานมารดาของนางที่เพิ่งถูกเลื่อนฐานะจากนางกำนัลขึ้นมาเป็นพระสนมชั้นเต๋อเฟยก็จบชีวิตลงไปจนได้
ต่อมาพอกำจัดคนพี่ไปแล้วจางกุ้ยเฟยจึงคิดได้ว่าซ่งไฉ่หนิงอาจเป็นภัยในภายหน้าเพราะอีกฝ่ายเป็นน้องสาวที่รักใคร่พี่ชายมากย่อมช่วยเหลือกันนางจึงหันมาวางแผนคิดกำจัดคนเป็นน้องที่เพิ่งมีอายุเพียงสิบห้าหนาวแต่กลับยังหาโอกาสมิได้ยิ่งช่วงหลังหลินฮองเฮาเหมือนจะหันมาเอ็นดูเด็กสาวขึ้นมากไหนจะยังมีฮ่องเต้ที่ดูจะรักสงสารบุตรสาวคนนี้มากขึ้นหลังบุตรชายคนโตถูกขับไล่ออกจากเมืองหลวงด้วยแล้วจางกุ้ยเฟยก็ยิ่งร้อนใจ
ประกอบกับนางได้ข่าวมาว่าฮ่องเต้คิดจะประทานสมรสให้กับบุตรสาวผู้นี้ได้แต่งกับจิ้งอันโหว‘หยางอวิ๋นหลง’ที่ฝ่ายสกุลหยางนั้นมีอำนาจทางการทหารในมืออยู่ไม่น้อยหากบุรุษหนุ่มอนาคตไกลเช่นหยางอวิ๋นหลงได้แต่งกับซ่งไฉ่หนิงย่อมส่งเสริมอำนาจให้กับซ่งไฉ่หมิงผู้เป็นพี่ชายของนางเป็นแน่แล้วที่นางสู้อุตส่าห์หมายตาเขาเอาไว้หวังจะให้แต่งกับบุตรสาวของตนเองเช่นซ่งหลิงจูเพื่ออนาคตภายภาคหน้าจะได้ส่งเสริมบุตรชายเช่นองค์ชายรอง‘ซ่งไท่หยวน’มิสูญเปล่าหรอกหรือ
ในขณะที่จางกุ้ยเฟยกำลังกลัดกลุ้มก็ไปประจวบเหมาะกับที่ซ่งไฉ่หนิงนั้นนำเรื่องที่ตนเองไม่ต้องการแต่งกับหยางอวิ๋นหลงพอดีเพราะอีกฝ่ายแอบหลงรักกงหยวนฉีมานานนับตั้งแต่อีกฝ่ายยังเป็นเพียงซื่อจื่อองค์ประกันของแคว้นฉู่จางกุ้ยเฟยจึงไม่รอช้าฉวยโอกาสยั่วยุและส่งเสริมจัดการวางแผนร้ายอีกครั้งด้วยการยิงหน้าไม้หนึ่งครั้งได้นกหลายตัว นางหลอกให้องค์หญิงไฉ่หนิงนั้นได้เสียกับฉู่อ๋องซึ่งเป็นอ๋องต่างแซ่ที่มีฐานะเป็นคู่หมั้นและชายคนรักของ‘หลินซีเหยา’ หลานสาวที่หลินฮองเฮารับมาเลี้ยงตั้งแต่เล็กรักราวกับเลือดในอกจนยกให้อีกฝ่ายเป็นบุตรสาวของตนเองที่อายุมากว่าซ่งไฉ่หนิงอยู่หนึ่งหนาวในค่ำคืนของงานเลี้ยงเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของหลินฮองเฮา
ซึ่งในนิยายนั้นแผนการทุกสิ่งสำเร็จ ฮ่องเต้และฮองเฮาเมื่อได้ทราบก็โกรธซ่งไฉ่หนิงมากที่อีกฝ่ายทำเรื่องงามหน้าเช่นวางยาปลุกกำหนัดบุรุษแล้วปีนเตียงขืนใจผู้มีสัญญาหมั้นหมายแล้วทั้งที่ตนเองก็กำลังจะมีพิธีหมั้นหมายและแต่งงานกับจิ้งอันโหวอยู่แล้วเช่นนั้น และแน่นอนคนอื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่ตัวของฉู่อ๋องกงหยวนฉีและหลินซีเหยาต่างก็เข้าใจไปว่าแผนการทุกสิ่งเป็นซ่งไฉ่หนิงนั้นคิดขึ้นมาเองทั้งสิ้นจากนิสัยเอาแต่ใจและเป็นคนที่อยากได้สิ่งใดก็ต้องได้มาโดยตลอดดังนั้นคาดว่าครั้งนี้นางคงพึงใจที่รูปโฉมงดงามจึงลงมือทำเช่นนี้ขึ้นมาโดยไม่สนใจผู้ใดหรือสิ่งใดถูกและผิดใครจะคิดว่าที่แท้คนอยู่เบื้องหลังกลับเป็นจางกุ้ยเฟยทั้งสิ้น
และสุดท้ายซ่งไฉ่หนิงก็ได้แต่งงานกับกงหยวนฉีสมใจแต่กลับสร้างความอับอายขายหน้าให้กับจิ้งอันโหวอย่างมากจนเขาแค้นเคืองหันไปอยู่ฝ่ายขององค์ชายรองทันทีสมกับที่จางกุ้ยเฟยวางแผนซึ่งหลังจากแต่งงานกันแล้วกงหยวนฉีนั้นไม่เคยแตะต้องพระชายาเอกของตนอีกเลยไม่ใช่เพียงแค่ไม่แตะต้องแต่หน้าของนางเขายังไม่ยอมพบเสียด้วยซ้ำเพราะรู้สึกชิงชังสตรีไร้ยางอายเกินจะบรรยายทำเรื่องผิดศีลธรรมโดยไม่สำนึกทำให้ซ่งไฉ่หนิงเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง
แต่ผ่านไปอีกสองเดือนซ่งไฉ่หนิงก็เกิดคลื่นเ**ยนอาเจียนอาการของหญิงตั้งครรภ์ปรากฏให้เห็น จนกงหยวนฉีต้องจำใจตามหมอหลวงมาตรวจแล้วก็ไม่ผิดไปซ่งไฉ่หนิงตั้งครรภ์จริงๆ หากแต่เพราะสามีไม่ใส่ใจ ไหนยังจะถูกจางกุ้ยเฟยและพี่สาวเช่นซ่งหลิงจูนั้นคอยเป่าหูยั่วยุว่าหลินซีเหยากับฉู่อ๋องนั้นยังคงรักใคร่กลมเกลียวไม่จืดจางนัดพบกันบ่อยครั้งและอีกไม่นานคาดว่าน่าจะแต่งเอาสตรีที่เขารักมาเป็นพระชายารองแล้วเป็นแน่ซึ่งผ่านไปไม่นานก็เป็นจริงเช่นนั้นเมื่อกงหยวนฉีไปทูลขอฮ่องเต้ให้เขาได้แต่งงานกับสตรีที่ตนเองรักเช่นหลินซีเหยาฮ่องเต้พลันน้ำท่วมปากอีกฝั่งก็หลานรักของหลินฮองเฮาอีกคนก็เป็นขุนนางที่ดีสุดท้ายฮ่องเต้จึงบอกให้ฉู่อ๋องไปสร้างผลงานด้วยการปราบโจรภูมิเมื่อสำเร็จจะประทานรางวัลเป็นหลินซีเหยาแต่งเป็นพระชายารองได้
พอซ่งไฉ่หนิงที่ขณะนั้นกำลังตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนเศษได้ฟังข่าวดังกล่าวนางก็โกรธมากไม่คิดว่าหลินซีเหยาจะยังไม่เลิกคิดจะแย่งสามีของตนเองจนถึงวันนี้นางจึงบุกไปยังค่ายทหารที่สามีกำลังจะไปปราบโจรภูเขาอยู่เพื่อจะไปถามกงหยวนฉีให้รู้ความ หากแต่พอไปถึงซ่งไฉ่หนิงนั้นกลับยิ่งบังเกิดโทสะเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนเมื่อนางพบว่าหลินซีเหยานั้นก็อยู่ที่ค่ายทหารนั้นด้วยกันกับพระสวามีของตนเอง
สตรีครรภ์โตจึงยากจะควบคุมอารมณ์ให้สงบลงไปได้ นางตรงเข้าไปตบตีหลินซีเหยาไม่สนใจว่าตนเองนั้นกำลังตั้งครรภ์ ด้วยความตกใจกงหยวนฉีจึงเข้าไปขวางและเพราะเป็นช่วงชุลมุนทำเขาเผลอผลักซ่งไฉ่หนิงจนนางเสียหลักครรภ์ไปกระแทกกับขอบโต๊ะเต็มแรงจนนางเกือบจะแท้งบุตรในอายุครรภ์ยังดีว่าได้หมอดีจึงรักษาเด็กเอาไว้ได้แต่นางก็ต้องอยู่เพียงในเรือนนอนมิอาจก้าวเท้าไปที่ใดได้อีกแต่ถึงจะเป็นเช่นนี้กงหยวนฉีกลับไม่เคยมาดูดำดูดีนางกับลูกน้อยในครรภ์แม้แต่น้อยปล่อยให้นางทนทุกข์ปวดใจแค่เพียงในเรือนนอนทุกวัน
ทำให้เด็กสาวที่อายุเพียงสิบหกหนาวเสียใจอย่างยิ่งทั้งที่นางรักเขาถึงเพียงนั้นทุ่มเทไปทุกสิ่งและยิ่งเจ็บแค้นแทบกระอักโลหิตเมื่อหลังจากนั้นอีกสองเดือนกงหยวนฉีก็แต่งงานกับหลินซีเหยารับอีกฝ่ายมาเป็นพระชายรองร่วมตำหนักจริงๆ นางนำความคับแค้นใจนี้ไปปรึกษากับจางกุ้ยเฟยอีกครั้งแน่นอนว่าจางกุ้ยเฟยย่อมสนับสนุนให้ซ่งไฉ่หนิงทำชั่ว คิดกำจัดหลินซีเหยาไปเสียเพราะนางเริ่มรู้ว่ากงหยวนฉีนั้นมีกำลังทหารในมือเพิ่มขึ้นเลยไม่วางใจหากปั่นศีรษะให้กงหยวนฉีแตกหักกับซ่งไฉ่หมิงได้ก็นับว่าหนทางของบุตรชายตนเองราบรื่นแล้ว
แน่นอนว่าต่อหน้าจางกุ้ยเฟยทำดีและแสดงว่าเห็นใจซ่งไฉ่หนิงแต่ลับหลังนางกลับนำเรื่องแผนสังหารหลินซีเหยาไปบอกกับกงหยวนฉีจนเขาโกรธแค้นพระชายาเอกของตนอย่างยิ่งจึงตลบหลังซ้อนแผนสังหารซ่งไฉ่หนิงโดยไม่นำพาว่านางมีครรภ์แก่ใกล้คลอดแล้วเลยสักนิดซึ่งการสังหารนี้ทำได้แนบเนียนมากแม้แต่ฮ่องเต้ยังมิอาจล่วงรู้แต่ช้างตายทั้งตัวย่อมยากจะใช้ใบบัวปิดได้
ข่าวลือจึงมีหลุดออกไปว่าแท้จริงซ่งไฉ่หนิงไม่ได้ตายเพราะร่างกายอ่อนแอจนคลอดก่อนกำหนดและตกเลือดจนถึงแก่ความตายทั้งแม่และลูกทว่านางตายเพราะกงหยวนฉีวางแผนกำจัดทิ้งข่าวลือดังกล่าวนั้นดันล่องลอยตามสายลมไปไกลถึงชายแดนในเวลาไม่ถึงหกเดือนนับจากนั้นซ่งไฉ่หมิงที่รักน้องสาวเท่าชีวิตตนเองนั้นเมื่อได้รับรู้ข่าวร้ายดังกล่าวของน้องสาวคนเดียวของตนเองเข้า เขาโกรธแค้นฉู่อ๋องผู้เป็นน้องเขยและอดีตสหายรักเป็นอย่างมาก ทำให้เขาถึงกับประกาศก้องแผ่นดินต้าเหลียงหากมีกงหยวนฉีต้องไม่มีซ่งไฉ่หมิง!
ยิ่งคิดมาถึงตรงนี้เพรียวหรือบัดนี้ก็คือองค์หญิงซ่งไฉ่หนิงก็ยิ่งกลัดกลุ้มเพราะหากตามท้องเรื่องจากนี้ไปอีกไม่ถึงสิบเดือนตนเองก็ต้องตายแล้วแน่นอนนางจะทำเช่นไรดีเพราะบัดนี้ระหว่างตนเองกับกงหยวนฉีก็เรียบร้อยข้าวสารเปลี่ยนเป็นข้าวสุกยากจะหวนคืนกำหนดสมรสพระราชทานก็คงถูกฮ่องเต้กำหนดขึ้นมาแล้วเป็นแน่คิดจะแต่งกับหยางอวิ๋นลู่เพื่อส่งเสริมตัวละครซ่งไฉ่หมิงล้วนทำไม่ได้แล้ว
“เฮ้อ!ทำไมฉันถึงโชคร้ายแบบนี้นะ”
นอนกระสับกระส่ายอยู่นานสุดท้ายนางก็คิดตกจึงพึมพำบอกกับตนเองให้สู้ต่อไปอย่าคิดท้อแท้ทุกปัญหาย่อมมีทางออกขณะนี้นางคิดไม่ออกขอเพียงหลับสักตื่นย่อมคิดออกจนได้
“องค์หญิงต้องการสิ่งใดเพคะ”
เสียงของจงอี้ผิงที่นอนเฝ้าอยู่หน้าเตียงดังขึ้นพริษาหรือซ่งไฉ่หนิงจึงแกล้งทำเป็นพลิกกายแล้วนิ่งไป นางกำนัลวัยสิบแปดหนาวขยับเข้ามาชะโงกหน้าดูเห็นว่าองค์หญิงไฉ่หนิงยังหลับอยู่ก็คิดว่าอีกฝ่ายคงแค่นอนละเมอไปเท่านั้นนางจัดผ้าห่มให้แล้วจึงกลับไปนอนต่อฝ่ายของคนที่แกล้งหลับนานไปจึงหลับไปจริงๆ …