อัยย์ญาดาระบายลมหายใจออกมาขณะหยุดยืนที่บานประตูใหญ่หน้าห้องทำงานของ ท่านประธาน ในเช้าที่อากาศขมุกขมัวเพราะมีฝนตกลงมาเล็กน้อย หญิงสาวยังนึกเป็นกังวลถึงอรินลดาต่อการปรับตัวเข้ากับที่อยู่ใหม่ซึ่งชาครินทร์เตรียมไว้ให้เธอกับลูกอยู่ในห้องชุดสวีทกินเนื้อที่สามชั้นบนสุดของโรงแรมหรูสูงกว่าห้าสิบชั้น ในเครือรามพิพัฒน์ กรุ๊ป มันอยู่ห่างไปไม่ไกลจากรอยัล ไพรด์ เธอมองเห็นมันได้จากหน้าต่างชั้นสูงของโรงแรม หญิงสาวนึกถึงอาการตื่นเต้นของลูกสาวสำหรับสถานที่หรูระยับแต่กลับนึกสมเพชตัวเองเพราะสถานที่เปรียบเหมือนสวรรค์ของลูกสาวตัวน้อยแท้จริงไม่ต่างจากกรงขังที่ชาครินทร์ใช้มันบีบบังคับให้เธอเป็นทาส
“แม่จ๋า...ที่นี่มีเตียงใหญ่มาก...มีสระน้ำ...มีลูกแก้ว...ใหญ่มาก น้องเอ๋ยชอบที่นี่คะแม่จ๋า”
“ค่ะ”
อัยย์ญาดานึกเห็นภาพตอนเธอพยักหน้ารับในทุกคำบอกเล่าของลูกสาว เธอจะแสดงให้อรินลดาเห็นความปวดร้าวของตัวเองได้อย่างไรในเมื่อมันเป็นความสุขของลูกแม้เวลาของเธอกับเลือดเนื้อที่เฝ้าอุ้มชูกำลังเหลือน้อยลงทุกที ความคิดนั้นประหวัดไปหาชาครินทร์อย่างไม่อาจเลี่ยง เพราะพอเขาส่งเธอกับลูกที่นั่นแล้วก็กลับออกไป ก่อนกลับเขาเพียงพูดสั้น ๆ ว่า
“ผมอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์ของอีกโรงแรมใกล้ ๆ กันนี้ และผมก็มองเห็นคุณกับลูกจากกล้องวงจรปิด เวลาคุณไปทำงานน้องเอ๋ยจะอยู่กับป้าเปรม แม่บ้านที่คอยดูแลห้องชุดสวีทที่คุณกับลูกอยู่”
“ฉันจะไปเยี่ยมแม่ฉันที่โรงพยาบาลได้เมื่อไหร่คะ”
“คุณจะไปไหนหรือทำอะไรได้ทุกเมื่อ แค่คุณคนเดียว”
“หมายความว่ายังไงคะ?”
“ก็หมายความว่า คุณอยากไปไหนหรือทำอะไรก็ได้แต่ถ้าจะพาลูกไปด้วยต้องได้รับอนุญาตจากผมเท่านั้น”
แค่คิดน้ำตาก็ตกใน ชาครินทร์แสดงความห่างเหินและไม่แยแส เย็นชามากเกินกว่าที่เป็นใครก็คงทนรับไม่ได้ จากคนเคยรักกลายเป็นเกลียดชังและตอกย้ำด้วยคำพูดเหินห่างสายตาหมิ่นแคลน หากทว่าอัยย์ญาดากลับต้องทนรับให้ได้ ร่างเล็กบอบบางทอดถอนใจอีกครั้งแต่ยังไม่ทันได้ยื่นมือแตะลูกบิดประตูก็ต้องชะงักเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น
“คุณมาตรงเวลาดีมาก...อัยย์”
หญิงสาวหันกลับไปและเห็นร่างสูงใหญ่ในสูทสีน้ำเงินเข้มเรียบกริบยืนอยู่ด้านหลัง เธอยังตื่นทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา เธออยากยิ้มให้แต่ก็อับอายเกินกว่าจะแสดงออกให้เขาเห็นว่าเธอยังรักผู้ชายคนนี้มากแค่ไหน
“ค่ะ...ฉันเป็นเลขาก็ต้องมาก่อนท่านประธาน”
“ผมดีใจที่คุณรู้หน้าที่ตัวเองดี และอยากให้เป็นแบบนี้กับทุก ๆ เรื่อง”
เขากล่าวก่อนเป็นคนเปิดประตู อัยย์ญาดาลอบถอนใจและเดินตามเข้าไปในห้องทำงาน เธอเห็นโต๊ะของเลขาอยู่ด้านหน้าโต๊ะของท่านประธาน หญิงสาวอยากให้พื้นที่ของเธออยู่หน้าห้องของเขาด้วยซ้ำแต่ไม่ทันเดินไปถึงโต๊ะก็ต้องชะงักค้างเมื่อมือหนาสอดเข้ามาจากข้างหลัง ชาครินทร์รั้งร่างแน่งน้อยเข้าไปชิดตัวเขา แผ่นหลังของหญิงสาวแนบสนิทกับอกกว้างขณะใบหน้าคมคร้ามก้มลงไปชิดและกระซิบข้างใบหูเล็ก
“อัยย์...ผมอยากถามหน่อยเถอะว่า...นอกจากผมที่เป็นผัวคุณแล้ว คุณหาใครมาทำหน้านี้แทนผมอีกบ้างหรือเปล่า”
สิ้นคำหยามเหยียดนั้นหญิงสาวจึงออกแรงดันตัวเองออกจากแขนแกร่ง ผละห่างจากเขาแต่เซจนหลังชนขอบโต๊ะทำงาน คิ้วโก่งบนหน้าสวยขมวดมุ่น ปากอิ่มระริกด้วยความโกรธจัดก่อนมันจะคลี่ออกเป็นรอยแสยะบ้าง
“ค่ะ...มีสิคะ...มากมายจนนับไม่ถ้วนเลยล่ะค่ะ!”
อัยย์ญาดาเชิดคางและคำตอบอวดดีนั้นทำให้ใบหน้าของชาครินทร์เปลี่ยนเป็นเข้มเคียดขึ้นทันใด ชายหนุ่มขบกรามแน่นเมื่อเห็นแววตาไม่ยอมแพ้ของอีกฝ่าย ผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้าที่พยายามทำเสมือนว่าเข้มแข็ง ทั้งที่อับอายตัวเองเหลือจะเอ่ยแต่เธอไม่ปรารถนาให้เขาเหยียดหยามศักดิ์ศรีจนแทบไม่เหลืออะไร เธออยากเอาชนะเขาบ้างแต่แล้วก็ต้องหน้าชาอีกครั้งเมื่อเขาสวนกลับมาด้วยน้ำเสียงดุดัน
“เหรอ...ก็ถ้าคิดว่าจะร่านขนาดนั้นทำไมไม่จับใครสักคนให้ทำหน้าที่ผัวเป็นตัวเป็นตนหรือไม่ก็หาคนที่มีฐานะสักหน่อยไว้คอยเลี้ยงดูจะได้ไม่ต้องมาก้มหน้าหางานเงินเดือนกระจอกทำให้เสียเวลา แต่...ผู้หญิงอย่างคุณทำยังไงก็ไม่มีราคาไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมบากหน้ารับเศษเงินจากผมเป็นค่าตัวสินะ”
“พี่โอม...”
เสียงนั้นดังแค่ในความคิดของหญิงสาว ดวงตาคู่งามเบิกกว้างและอัยย์ญาดาได้แต่อ้าปากค้างเมื่อสำเหนียกตัวเองว่าไม่ได้อยู่ในฐานะคนเคยรักของเขาอีกแล้ว น้ำตานับล้านหยดไหลกลับเข้าไปในอกตีบตัน ทำอย่างไรก็ไม่มีวันชนะเขา ทำอย่างไรก็ไม่มีวันเอาคืนเขาได้ กี่ครั้งกี่หนแล้วที่ต้องเสียใจกับคำพูดหมิ่นแคลนดูถูกสารพัด แต่เธอกลับต้องยืนหยัดเหมือนไม้เล็กท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำ สิ่งที่ทำได้ก็แค่กล้ำกลืนความเจ็บช้ำ เธอไม่ได้อดทนเพื่อตัวเองแต่เพื่อหัวใจอีกดวง
“ว่ายังไงล่ะอัยย์!”
ชาครินทร์ตะเบ็งเสียงใส่และปรี่เข้าไปกระชากร่างเล็กที่หันหลังให้เข้าสู่อ้อมแขน ดูเหมือนเขากำลังเดือดดาลที่อัยย์ญาดาไม่ยอมตอบโต้ใด ๆ แต่ครั้งนี้เขาทำให้เธอตกใจจนต้องพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนแกร่งพร้อมทั้งร้องออกมาด้วยความตระหนก