ประสบการณ์ใหม่

1173 Words
เวลาคนเมา ไม่ค่อยจะพูดจาดี ๆ หรือรักษาน้ำใจใครเหมือนกันนะ เธอคายเอานิสัยหยาบ ๆ ออกมาจนหมด เขาเพ่งพิศใบหน้าของเธอ พอได้สบตากัน มนัสยาก็แสยะยิ้ม ก่อนที่น้ำตาจะคลอหน่วยและไหลลงมา ทั้งที่คิดว่าจะทำใจ แต่ใครจะให้มันคลายเศร้าเสียใจไปได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ความเสียใจของเธอมันเอ่อท้นขึ้นมาอีก จนกระทั่งท่วมหัวใจอันชอกช้ำ “นี่ฉันไม่สวยหรือไง คุณถึงได้จ้องไม่หยุด แต่เชื่อเถอะ ถึงจะสวยไม่ล้ำเลิศน่ะค่ะ แต่ก็ไม่เคยผ่านมือหมอ หรือเข็มของหมอให้มาจิ้มหน้า” เธอมีน้ำเสียงอ้อแอ้ และซบหน้าลงไปที่หน้าอกของเขา “อย่าเพิ่งหลับไปนะ” ชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องรั้งเธอเอาไว้ทั้งร่าง “โฮะ! ฉันแค่หลับตาหรอก” “แล้วหลับตาเดินมันจะได้หรือ” “ไม่ได้นะสิ แต่เป็นหน้าที่ของคุณที่จะลากฉันไปให้ถึงรถ นี่ ๆ ฉันมีค่าแท็กซี่อยู่ในกระเป๋านะ” เธอยังไม่วายเป็นห่วง “ไม่เป็นไร ผมมีรถครับ” เขาเอาแต่ส่ายหน้า เขาไม่อยากจะมาเห็นเธอในสภาพแบบนี้เลย ‘มนัสยา’ เขาลั่นชื่อของเธออยู่ในใจ มือหนาของเขากระชับแน่นเข้าไปอีก “อื้อ” มนัสยาทำเสียงแบบนี้ออกมาจากลำคอ แต่ตาของเธอก็ยังคงหลับอยู่ ร่างเล็ก ๆ เริ่มลากขา “นี่คุณหลับแล้วหรือ” “อื้อ อื้อ” ครางออกมา เขาจึงตัดสินใจช้อนร่างของเธอขึ้นมาอุ้มพามนัสยาเดินหายออกไปจากบาร์เหล้า ตอนนี้ไฟบางดวงในผับเริ่มดับลงแล้ว “มัส มัส เราไปเล่นน้ำกันเถอะ” เสียงเรียกนั้นบางเบา อีกทั้งแสนคุ้นเคย มนัสยาเหลียวมองตนเองอีกครั้ง กลับพบว่าตนเองมายืนอยู่ข้างบ่อน้ำกว้างอยู่จริง ๆ บ่อน้ำที่คุ้นตามากเสียด้วย เหมือนตอนที่เธอกับภีมไปเล่นกันตอนเด็ก ๆ ซึ่งบ่อน้ำนี้มันติดอยู่กับบ้านป้าเจียม ดงมะพร้าวสูงลิ่ว และสลับกับต้นมะม่วง และต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านใบให้ความร่มรื่น พอปูเสื่อนอน เด็กสองคนจะเอาทั้งขนมและก็น้ำออกมาด้วย โดยมีแม่จุรี แม่ของมนัสยาคอยมาดูแล นางจะเดินเก็บผักใบไม้ใบหญ้าที่กินได้แถว ๆ นั้นเอาไปแกง หรือต้มกับน้ำพริก “ไม่เอาหรอก” เสียงเล็กแหลมของเด็กหญิงตะโกนบอก สาวน้อยที่โอนเอนกายลงไปนอน เธอมองท้องฟ้าที่สดใส สายลมเอื่อย ๆ พัดผ่าน เย็นสบายกว่าอยู่ในบ้านเป็นไหน “มาเถอะน่ามัส” เขาวิ่งมาตาม “ไม่เอา” สาวน้อยลุกขึ้นนั่ง แล้วฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าเจ้าของเสียงเรียกชัดเจนขึ้น จากนั้นภาพก็สลับเป็นตัวเธอที่อยู่ในปัจจุบัน สองมือโบกสะบัด ใบหน้ายิ้มร่าอย่างยินดีปรีดาเป็นที่สุด “เย่... ภีม ภีมกลับมาแล้ว ภีมกลับมาแล้ว” เธอลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น “ภีมรู้ไหมว่ามัสคิดถึงภีมขนาดไหน” เธอโผเข้าหาเขาทันที และกอดรัดแน่น น้ำตาของเธอค่อย ๆ ไหลริน “ภีมกลับมาหามัสแล้ว” เสียงน้อย ๆ สั่นเครือ ขยับปากบอกอีกคนว่าดีใจมาก ๆ “ใช่แล้วมัส ภีมกลับมาหามัสแล้ว มัสจ๋า เราสองคนไปกระโดดน้ำเล่นกันเถอะ วันนี้ร้อนมากเลยนะ” มนัสยาอยากจะขยี้ตามองหน้าของคนตรงหน้า แต่เธอรับรู้ได้แค่รูปร่างที่หนาใหญ่ และสูงกว่าเธอมาก ๆ “ถอดเสื้อเลยนะ” ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ มนัสยาก็รีบถอดเสื้อกันลมสีแดงลายการ์ตูนที่ตนชอบสวมออก โยนลงไปบนพื้น บนเนื้อตัวของเธอ หลงเหลือเพียงเสื้อกล้ามบังทรงของเด็กหญิง ในภาพจำนั้น ร่างของมนัสยากลับเป็นเด็กน้อยอีกครั้ง เธอวิ่งนำหน้าเด็กชายที่ชื่อภีม แล้วกระโจนลงน้ำ โดยที่ภีมก็กระโดดลงตามไปติด ๆ ความรู้สึกในตอนนี้ของมนัสยาช่างไร้ซึ่งความทุกข์และความเจ็บช้ำ หัวใจเบ่งบานไปทั้งดวง รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของมนัสยาอีกครั้ง คืนวันในสมัยนั้น ช่างเป็นอะไรที่สุขสม เวลาอยู่กับภีม เธอไม่ต้องคิดอะไร เด็กก็คือเด็ก วิ่งเล่นไล่จับกัน จับแมลงตัวเล็ก ๆ บ้าง มีแต่เสียงหัวเราะได้ทั้งวัน “เฮ้อ... ความสุขหวนกลับมาหาฉันอีกแล้วสินะ” มนัสยาที่กลับร่างกลายเป็นคนโต สวยสะพรั่งกำลังแหวกว่ายน้ำไปพร้อมหยอกเย้ากับเพื่อนรัก เธอไม่เห็นหน้าของเขาเลย แต่ความรู้สึกก็คือภีม ในความฝันนั้นเด็กหญิงทั้งร่ำไห้และดีใจที่ได้เพื่อนเก่ากลับคืนมา “อย่าไปไหนอีกนะภีม” “ทำไมละมัส” “ฮือ... ภีมรู้ไหม ตอนที่ภีมไม่อยู่กับมัส มัสก็ถูกรังแก ไอ้คนใจร้ายใจดำ มันรังแกมัส” “บอกมานะว่าใครใจร้าย และมารังแกมัส บอกภีมมา เลย ภีมจะไปจัดการมัน และก็ต่อยมันให้ราบคาบ” “จริง ๆ นะ สัญญานะ” “อื้อ” มนัสยากลั้นเสียงสะอื้น ก่อนจะพลิกตัวไปมาช้า ๆ ริมฝีปากที่บาง ๆ กำลังค่อย ๆ เค้นชื่อของแฟนหนุ่มที่เป็นคนทำร้ายจิตใจเธออย่างที่สุดออกมา “ไอ้ธารา มึงอยู่ไหนฮึ... ไอ้คนเฮงซวย มันจะหนีไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นแหละภีม” กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง... เสียงนาฬิกาปลุกดังสนั่นลั่นห้อง จนคนที่นอนอยู่สะดุ้งตกใจ มือไม้สะเปะสะปะควานหาต้นเสียง ก่อนที่จะคว้าได้ และปิดมันลงไป เมื่อเสียงเงียบลง เธอก็หลับต่อ แต่ในเมื่อมันตื่นแล้ว จะให้มันนอนต่อไปได้อย่างไร เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แม้ในสมองหนักอึ้งไปหมด “โอ้โฮ!” ยกมือขึ้นมาทุบหัว ซึ่งตอนนี้เหมือนจะหนักราวสิบ ๆ กิโลฯ มนัสยาค่อย ๆ เปิดดวงตากลมโต แสงที่ลอดส่องเข้ามาตามรูผ้าม่าน ซึ่งตอนที่นอนก็คงไม่ได้เอาม่านลง มีแต่ม่านบางเบาสีขาว ๆ เท่านั้น แต่มันกรองแสงจ้าอะไรไม่ได้ มนัสยาค่อย ๆ หรี่ขึ้น ‘ฉันฝันถึงภีมอีกแล้วหรือ’ ภวังค์ฝันถูกสลัดหายไป หญิงสาวยังคงอาลัยอาวรณ์ “ไอ้นาฬิกาปลุกบ้า” หันไปด่านาฬิกาปลุกที่ส่งเสียงเรียกให้เธอตื่น “โอ๊ย! ทำไมมันปวดหัวแบบนี้นะ” ทุบหัวแรงขึ้นกว่าเดิม แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนดื่มเข้าไปเยอะ หญิงสาวได้แต่ก่นด่าตัวเองอยู่ในใจที่ดื่มเมามายแทบไม่ได้สติ ความไม่เอาไหนที่คอไม่แข็ง แล้วยังอยากจะไปดื่มกิน เสียจนทำให้ตนเองหมดสภาพ รู้เพียงแค่ว่าวันนี้คือวันอาทิตย์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD