จานีนมาถึงที่นัดหมายในเวลาสิบโมงครึ่งพอดิบพอดี หลังสอดส่ายสายตามองหาคนที่นัดกันไว้ก็เจอเข้ากับแผ่นหลังคุ้นเคยที่โต๊ะในสุดของร้านกาแฟ ร่างเพรียวบางเดินเข้ามาที่โต๊ะและนั่งลงตรงข้ามชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีเทากับกางเกงสแล็กสีดำ เขาเงยหน้าขึ้นมอง
“มาตรงเวลาดีนะ”
“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอคะ” จานีนตอบกลับไป ก่อนจะเรียกพนักงานมารับออร์เดอร์ ไม่ได้สนใจว่าคู่สนทนานั้นร้อนใจอยากรู้ความคืบหน้าจะแย่แล้ว
“พี่ต้องไปทำธุระต่อ มีเวลาครึ่งชั่วโมง”
“เอาฮันนีอเมริกาโน แล้วก็…สตรอว์เบอร์รีชอร์ตเค้กด้วยค่ะ”
“ได้ยินที่พี่บอกไหม อย่ารวนให้มากนัก”
“แค่นี้ค่ะ ขอบคุณมาก”
“โรสรานี” ชายหนุ่มกดเสียงต่ำ บ่งบอกว่าความอดทนเดินมาถึงจุดที่หงุดหงิดแล้ว เจ้าของชื่อโรสรานีหัวเราะเบา ๆ ยอมมองหน้าพี่ชายตรง ๆ เสียที
“มีอะไรก็พูดมาสิ พี่รีบไม่ใช่เหรอ” โรสรานีเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ ใบหน้าสวยหวานฉายแววสนุกสนานที่แกล้งพี่ชายได้ ขัดกับบุคลิกภายนอกที่ดูเรียบร้อยไม่ทันคน เพราะเธออยู่ในบทบาทของจานีน ดูเป็นสาวน้อยอายุยี่สิบเอ็ดสมวัย เสื้อผ้าที่ใส่มาวันนี้ก็เป็นแค่เสื้อยืดธรรมดา ๆ กับกางเกงยีนสีซีดขายาว
พี่ชายไล่สายตามองน้องสาวตั้งแต่หัวจดเท้า ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาหนึ่งคำ
“ปลอมตัวได้เนียนมาก จำแทบไม่ได้เลยว่าเป็นน้องสาวของพี่” คำพูดนั้นราวกับประชดประชัน โรสรานีอยากจะตอบกลับไปว่าใครกันล่ะที่ทำให้เธอต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ สาบานได้เลยว่าถ้าไม่ใช่เพราะรักพ่อและพี่ชายมากตนไม่มีทางยอมมาทำอะไรแบบนี้แน่ ๆ
โรสรานีเพิ่งเรียนจบจากเมืองนอกมาหมาด ๆ แต่แทนที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ กลับต้องมาเล่นละครสวมบทบาทเป็นเด็กจานีนอะไรนี่แทน ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยสักนิด เพราะเธอรู้ดีถึงสาเหตุดีว่าทำไมถึงต้องไปทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นด้วย
แน่ละว่าคงไม่ใช่เพราะว่างจัดเลยอยากจะปลอมตัวเล่นไปวัน ๆ แต่เพราะมันเป็นความต้องการของพ่อและพี่ชายที่อยากจะแก้แค้น โรสรานีจึงต้องรับหน้าที่เป็นตัวดำเนินเรื่องอย่างช่วยไม่ได้ จะปฏิเสธหรือก็ทำไม่ลง เพราะครอบครัวมีกันอยู่แค่นี้ และที่สำคัญพ่อก็กำลังป่วยหนัก อาการจะกำเริบขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้
สิ่งสุดท้ายที่พ่อต้องการหากต้องจากโลกนี้ไปก็คือการได้เห็นคนที่ทำให้ครอบครัวพังย่อยยับต้องเจ็บปวดและไม่เหลือสิ่งใดเลยในชีวิต
“มีความคืบหน้ายังไงบ้าง เรื่องที่ให้ไปสืบ” พี่ชายไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่าไปมากกว่านั้นรีบเข้าประเด็นทันที โรสรานีรอจนพนักงานนำเครื่องดื่มและขนมมาเสิร์ฟจนครบ เธอตักขนมเข้าปากตามด้วยดูดกาแฟอึกใหญ่ ก่อนจะยอมตอบพี่ชายเสียที
“ผ่านไปสามวันเองนะพี่ทัพ จะให้คืบหน้าขนาดไหน น้องเพิ่งเจอหน้าไอ้ฝรั่งนั่นแค่ครั้งสองครั้งเอง”
…แต่ใช้ปากอมให้มันไปแล้วหลายครั้ง แน่นอนว่าประโยคนี้โรสรานีไม่ได้พูดออกไปแน่
จอมทัพถอนหายใจเล็กน้อย รู้สึกขัดใจที่น้องสาวทำงานไม่ได้เรื่อง แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะตอนนี้ความหวังเดียวของเขากับพ่อก็คือโรสรานี
“มันพูดอะไรถึงเรื่องยาบ้างไหม”
“ไม่นะ” โรสรานีส่ายหน้า ครุ่นคิดถึงข้อมูลที่ได้มาตลอดหลายวันว่ามีอะไรบ้าง “เขาไม่พูดอะไร แต่น้องได้ข้อมูลมาจากแขก ว่าที่นั่นมีทุกอย่างที่แขกต้องการ เขาใช้คำว่าของเล่น น้องก็ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร”
โรสรานีมองหน้าพี่ชายหลังจากที่บอกไปแบบนั้น อีกฝ่ายพยักหน้าเป็นเชิงว่ารับรู้ เธอจึงพูดต่อ
“ไอ้ฝรั่งนั่นมันรวยมากจริง ๆ อย่างที่พ่อกับพี่ทัพบอก น้องสงสัยว่ามันฟอกเงิน แล้วคงจะมีเรื่องของผิดกฎหมายด้วย”
“มันจะทำอะไรก็ช่างหัวมัน เรื่องสำคัญที่แกจะต้องสืบมาให้ได้ก็คือมันเอาสูตรยาไปไว้ที่ไหน หาให้เจอและเอามาให้พี่” จอมทัพบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะมองนาฬิกาข้อมือแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ บอกให้รู้ว่าเขาต้องไปทำธุระต่อแล้ว
“เอาตัวเองเข้าไปใกล้มันเยอะๆ ความสวยของแกน่ะใช้มันให้เป็นประโยชน์หน่อย อย่าให้พี่กับพ่อต้องบอกต้องสอนไปทุกเรื่อง”
พี่ชายทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินจากไป ปล่อยโรสรานีไว้กับขนมเค้กและกาแฟที่ยังไม่พร่องไปสักเท่าไร เธอรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยพอใจที่ตนทำงานช้าไม่ทันใจ จากนี้คงจะต้องเดินเกมให้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีกสักหน่อยแล้ว
……
ปกติแล้วเลโอนาร์โดจะไม่ค่อยเข้ามาที่มูนไลต์พาเลซติดกันหลายวัน แต่วันนี้เขามีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับเด็กใหม่เลยมาหาถึงที่ ไม่นานมาร์ตก็พาจานีนเข้ามาในห้อง เธอเดินมาหาเลโอนาร์โดที่นั่งรออยู่บนโซฟา ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เขาและยกมือไหว้แนบอกอย่างรู้งาน
“สวัสดีค่ะนาย”
สาวน้อยตรงหน้าของเลโอนาร์โดยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความไร้เดียงสาเช่นเคย นิ้วแข็งแรงเกลี่ยถูเบาๆ ที่กลีบปากนุ่มพร้อมเอ่ยถาม
“วันนี้เธอมีแขกไหม”
“ยังไม่มีค่ะ นายเรียกให้หนูนีนขึ้นมาหาก่อน” จานีนส่ายหน้า เส้นผมสีดำสะบัดไปมาอย่างน่าเอ็นดู อา…ให้ตายสิ เลโอนาร์โดไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว น่าขายหน้าจริงๆ ที่เขามองว่าเด็กคนนี้ทั้งน่ารักและน่าเอ็นดู เพราะแบบนี้เธอถึงเหมาะจะเป็นของเล่นเอาไว้แก้เบื่อ
นายใหญ่แห่งมูนไลต์พาเลซตบที่ตักของตนเอง จานีนจึงย้ายขึ้นมานั่งบนตักแกร่งอย่างรู้งาน วันนี้เธอใส่กระโปรงสีดำรัดรูปกับเสื้อแขนกุดเว้าข้างสีเดียวกัน ความลึกของแขนเสื้อทำให้เห็นเอวขาวๆ แขนแกร่งโอบเอวของคนบนตัก มองสบกับดวงตากลมโตที่กล้าสบตาเขามากขึ้นกว่าครั้งแรกที่เจอกัน
“วันนี้ไม่ต้องรับแขก” เลโอนาร์โดบอก
“ทำไมเหรอคะนาย” เด็กสาวทำหน้างุนงง พลางเอียงคอเล็กน้อยอย่างสงสัย
“ฉันมีของเล่นสนุกๆ มาให้เธอเล่น” หนุ่มลูกครึ่งเหยียดยิ้ม ก่อนจะหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันเป็นของเหลวสีใสๆ มีประกายกลิตเตอร์ที่อยู่ในขวดแก้วทรงสวย มองเผินๆ คล้ายกับน้ำหอมราคาแพง เลโอนาร์โดชูมันขึ้นตรงหน้าของจานีนและเปิดฝาขวดออก
กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาเตะจมูก เลโอนาร์โดได้กลิ่นนี้จนชินแล้ว แต่สำหรับคนที่เพิ่งจะได้กลิ่นครั้งแรกอาจจะมึนๆ เล็กน้อย
“หนูอยากลองดมหน่อยไหม”
จานีนเป็นเด็กดี ว่าง่ายเป็นที่สุด เพียงแค่เขาบอกไปแบบนั้นปลายจมูกรั้นก็ขยับเข้ามาใกล้ๆ กับขวดในมือของเขา เลโอนาร์โดยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสูดดมเข้าไปเต็มปอด เพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีลักษณะท่าทางของจานีนก็เปลี่ยนไป ดวงตาสวยหวานฉ่ำและยังดูล่องลอยมองตรงมายังเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“นาย…”
เลโอนาร์โดก้มลงไปกดจมูกลงบนหน้าผากของคนบนตัก เพียงเท่านั้นจานีนก็ยกแขนโอบรอบลำคอของเขาและเบียดกายเข้ามาแนบชิด เลโอนาร์โดพอใจเป็นอย่างมาก เขาแน่ใจว่า ‘ของเล่นใหม่’ ชิ้นนี้จะต้องเป็นที่นิยมในหมู่เด็กไฮโซทั้งหลายแน่ๆ
ไม่มีสี ไม่มีรส ปราศจากสารตกค้างในร่างกาย มีเพียงกลิ่นหอมที่จะช่วยกล่อมประสาทและจางหายไปภายในเวลาสิบสองชั่วโมง
“รู้สึกยังไง หืม” ชายหนุ่มถามพลางลูบแก้มสวย จานีนท่าทางมึนเบลอ สติไม่ค่อยเต็มร้อยสักเท่าไรนัก แต่สองแขนกอดคอเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
“มัน…แปลก”
“อ้าปากแล้วแลบลิ้นออกมา”
จานีนทำตามราวกับโดนควบคุม เธออ้าปากพร้อมแลบลิ้นออกมาให้อีกฝ่ายได้กดนิ้วลงบนลิ้นเพื่อกระตุ้นให้ออกแรงดูด เสียงทุ้มครางต่ำๆ ในลำคอ เมื่อพอใจแล้วก็ดึงนิ้วกลับออกมา จานีนมองตามตาละห้อยอย่างเสียดาย ชายหนุ่มหัวเราะหึ ตบเบาๆ ที่แก้มนิ่ม
“ไม่ต้องทำหน้าเสียดายหรอกน่า ฉันมีของที่ใหญ่กว่านิ้วให้เธอดูด”