7

1326 Words
กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ถูกยกลงมาจากรถรับจ้างสาธารณะที่ว่าจ้างมาจากท่าอากาศยานนานาชาติวัตไตหรือสนามบินสากลวัตไต ที่ตั้งอยู่ในนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว เมื่อรถคันดังกล่าวแล่นมาถึงจุดผ่านแดนมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย เอ็นริโกจ่ายค่ารถเสร็จเขาก็ลากกระเป๋ามายังจุดผ่านแดน ทำเรื่องขอเข้าไทยเป็นที่เรียบร้อย จึงลากกระเป๋าใบโตไปยังหน้าด่านเมืองไทย รอเพื่อนสนิทของหลานชายมารับตามนัดหมาย ระหว่างที่รอเขาได้ล้วงหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง กดดูภาพภ่ายของหญิงสาวคนหนึ่งที่เขาตั้งไว้เป็นภาพพื้นหลังและภาพพักหน้าจอ ภาพถ่ายของหญิงสาวนางนี้ถูกส่งมาจากมือถือของวนาธร ลอเร็นโซ รอซซี่หลานชาย เพื่อให้เขาได้รู้จักหน้าค่าตาของคนที่จะมารับ และพอได้เห็นหัวใจแห้งแล้งก็ชุ่มฉ่ำทันใด เอ็นริโกยังจำวินาทีแรกที่เห็นเพื่อนสนิทของหลานชายได้ดี ตอนนั้นเขายืนอยู่ข้างรถยนต์คันเก่ง กำลังจะก้าวเข้าไปในอาคารสูงสิบชั้น สถานที่นัดหมายทำธุรกิจนับร้อยล้านยูโร ทว่าเขากลับยืนขาแข็ง หัวใจเต้นแรงมองดูภาพถ่ายของสาวน้อยหน้าหวาน ที่ประดับด้วยรอยยิ้มสดใสบนหน้าจอมือถือไม่ไหวติง นิ่งนานเท่าไหร่ไม่ทราบได้ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่กุยโด ลูกน้องคู่ใจมาสะกิดเรียก เอ็นริโกเห็นผู้หญิงสวยมามากมายนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีใครที่ทำให้เขารู้สึกสะท้านทั้งกายและใจเช่นเธอมาก่อน และนั่นทำให้เขานึกอยากจะมีมนตร์วิเศษ ดึงผู้หญิงในรูปที่หลานชายส่งมาให้มาอยู่ข้างกายตน แล้วเขาจะใช้ลำแขนโอบกอดร่างของเธอเอาไว้ จากนั้นก็ทำตามความปรารถนาของตน แต่แล้วเอ็นริโกก็ต้องรีบสะบัดความคิดบ้าๆ ออกไปเพราะคนที่เขากำลังคิดอะไรเกินเลยคือ เพื่อนของหลานชาย เขาต้องท่องจำไว้ให้ขึ้นใจว่า เพื่อนของเร็นโซ เพื่อนของหลานชาย ห้ามคิดนอกลู่นอกทาง แต่ทว่ามันทำยากเหลือกำลัง “เมื่อไหร่เธอจะมานะสาวน้อย ฉันอยากเห็นตัวจริงของเธอจะแย่อยู่แล้ว” เขารำพันกับภาพถ่ายบนจอมือถือ ใช้มือลูบใบหน้าของเพื่อนหลานชาย ประหนึ่งอยากจะสัมผัสเนื้อแท้บนผิวแก้มของเธอจนเนื้อตัวสั่น เร่งเวลาอยากจะเจอหน้าสวยหวานเต็มแก่ “คุณอาเอ็นริโกคะ สวัสดีค่ะ” เสียงเรียกชื่อทำให้เอ็นริโกเงยหน้ามองต้นเสียง โลกทั้งโลกเหมือนหยุดหมุน เวลาคล้ายหยุดเดิน ลมหายใจของทั้งคู่สะดุด หัวใจสองดวงเต้นถี่แรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อเห็นหน้าของกันและกัน ‘เขาหล่อกระชากใจอะไรอย่างนี้ ทั้งหล่อและมีเสน่ห์ โอ๊ยๆๆ หัวใจฉันจะวาย’ นลินธาราคิดในใจที่เต้นกระหน่ำหนักจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน เอ็นริโกตัวจริงหล่อเข้มกว่าในรูปมาก เห็นเขาในภาพถ่ายที่วนาธรส่งให้ทางมือถือ เธออึ้งไปชั่วขณะ สองมือที่ยกไหว้เขาตามมารยาทเกือบจะยกไม่ขึ้น ความรู้สึกผิดแปลกชอบกล ใจสั่นและหวามไหว ความรู้สึกที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ดูจะน้อยเกินไป เพราะเวลานี้ทุกอย่างมันเพิ่มขึ้นทวีคูณ จะว่าไปเธอก็ใจเต้นแรงตั้งแต่เห็นเขายืนอยู่ตรงนี้ ยิ่งก้าวเดินเข้ามาใกล้หัวใจก็สะท้านสะเทือน เธอแทบจะไม่สนใจหรือใส่ใจกับผู้คนที่อยู่รายรอบ ดวงตาจ้องมองแต่คนที่ยืนก้มหน้ามองมือถือ และบางครั้งเขาก็เงยหน้ามองคนรอบกาย “ลินตัวจริงสวยกว่าในรูปเยอะเลย” เขาทักเธอเสียงนุ่มที่สุดในชีวิต ยิ้มอ่อนโยนให้สาวน้อยตรงหน้า นลินธาราแก้มแดงกับคำพูดของเขา แต่ก็นึกฉงนกับภาษาที่เอ็นริโกเอ่ยมา เพราะเขาพูดภาษาไทย แม้ว่าจะไม่ชัดแจ๋วแต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีทีเดียว “คุณอาพูดภาษาไทยได้หรือคะ ลินไม่ยักรู้” เธอถามอย่างสงสัย “คุณอาหัดไว้นานแล้ว ที่หัดพูดเพราะต้องเอาไว้พูดกับตาของเร็นโซไงล่ะ รายนั้นพูดภาษาอื่นที่ไหน พูดแต่ภาษาไทย ด่าก็ด่าภาษาไทย คุณอาฟังแล้วไม่รู้เรื่อง ครั้นจะอาศัยล่ามมาช่วยแปลก็ไม่ได้ดังใจ ก็เลยไปเรียนพูดภาษาไทยกับนักเรียนไทยที่โรม จะได้ฟังและโต้ตอบตาของเร็นโซได้ถนัดหน่อย” เอ็นริโกบอกสาเหตุที่ทำให้ตนต้องเรียนภาษาไทยอย่างจริงจัง ซึ่งเขาก็ต้องใช้เวลาเป็นปีๆ กว่าจะพูดได้ ต้องขอบคุณฤทธิไกรที่เป็นครูช่วยสอนเขาอีกทางหนึ่ง เพราะถ้าหากไม่ได้คนสูงวัยจอมหวงลูกหวงหลานลับฝีปากทุกครั้งที่เขามาเมืองไทย ภาษาไทยของเอ็นริโกคงไม่ได้ดีเท่านี้ “จริงๆ แล้วคุณตาไม่ได้โหดหรือว่าดุนะคะ คุณตาใจดีจะตาย” “ไม่โหด ไม่ดุกับคนอื่นน่ะสิ แต่กับอา ตาของเร็นโซยิ่งกว่ายักษ์ซะอีก” “แต่คุณอาก็ต้องเข้าใจคุณตานะคะ ที่คุณตาต้องแยกเขี้ยวใส่คุณอากับครอบครัวของคุณอามันมีต้นสายปลายเหตุ ไม่ใช่ว่าคุณตาจะทำไปเพราะไม่มีเหตุผล” นลินธาราแก้ต่างให้คุณตาของเพื่อน เธอรู้เรื่องนี้ดีว่า ฤทธิไกรทำเช่นนั้นทำไม หากเธอเป็นตาของเพื่อนรักก็อาจทำแบบเดียวกันก็เป็นได้ “คุณอารู้ไง คุณอาถึงต้องทน” ใบหน้าของเอ็นริโกหมองลงกับภาระหน้าที่ที่พี่ชายผลักมาให้ “คุณอาไม่ต้องเศร้าค่ะ ทุกอย่างมีทางแก้ไขได้ ลินเชื่อว่าสักวันหนึ่งคุณตาต้องยกโทษให้พ่อของโตค่ะ” เธอเห็นหน้าเขาแล้วก็รีบปลอบใจ “คุณอาก็หวังว่าอย่างนั้น” มันเป็นความหวังที่ห่างไกลความจริงเหลือเกิน “เราไปกันดีกว่านะคะ กว่าจะถึงอุบลต้องขับรถไปอีกหลายชั่วโมง” นลินธาราเอ่ยบอก พร้อมกับก้มจะช่วยเขายกกระเป๋า แต่พอก้มมองก็เห็นว่า เอ็นริโกมีกระเป๋าเดินทางมาใบเดียว “คุณอาเอากระเป๋ามาใบเดียวเหรอคะ” “ใช่ครับ ที่คุณอาเอามาใบเดียวเพราะไม่แน่ใจว่าจะอยู่กี่วันกว่าแผนจะสำเร็จ คิดว่าขาดเหลืออะไรก็หาซื้อเอา แต่ว่าตอนนี้คุณอาคงอยู่ไม่มีกำหนดแล้วล่ะ เพราะมีบางอย่างจูงใจให้อาอยู่” ผู้พูดส่งสายตาพราวระยับให้สาวสวยตรงหน้าที่แก้มเห่อร้อนขึ้นมาทันใด “ไปกันดีกว่าค่ะคุณอา” คนแก้มแดงรีบเดินนำหน้าชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เดินลากกระเป๋าตามเธอไปต้อยๆ ไปยังรถยนต์ของนลินธาราที่จอดอยู่ไม่ไกล นลินธาราขับรถออกจากจุดที่จอด มุ่งตรงไปยังจังหวัดอุบลราชธานีที่ระหว่างทางคนที่นั่งเบาะด้านข้างก็ผล็อยหลับไปไม่รู้ตัว อาจเป็นเพราะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้ปลุกเอ็นริโก ปล่อยให้เขานอนตามสบาย เป็นการดีเสียอีกที่คุณอาหนุ่มหลับ เพราะเธอจะได้ไม่ประหม่าไปมากกว่านี้ อีกทั้งจะได้ลอบมองใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาได้อย่างสะดวกด้วยหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะแปลกๆ นี่ถ้าหากนลินธารามีประสบการณ์มากกว่านี้เธอคงจะรู้ว่ามันคือ...จังหวะรัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD