10

1157 Words
“ใช่ ฉันเป็นเพื่อนสนิทของริโก” น้ำเสียงของคนตอบค่อนข้างแข็ง ความไม่พอใจคุกรุ่นในดวงตา “คุณอาเป็นเจ้านายของยุงเหรอครับ” วนาธรเอ่ยถามนฤเบศร์ ไม่คิดว่าเจ้านายจอมเขี้ยวและใช้งานอทิตยาเก่งจะเป็นเพื่อนรักของเอ็นริโก “ใช่แล้ว ยุงเป็นเลขาของอาเอง” นฤเบศร์หันไปตอบหลานชายเพื่อน “บังเอิญจังนะครับ ยุงกับลินเป็นเพื่อนสนิทของผมเองครับ แล้วที่ยุงกับลินมาที่นี่ก็เพราะมาช่วยผมกับคุณอาเรื่องที่จะทำยังไงให้ผมไปหาคุณย่าที่โรม” คำพูดของวนาธรทำให้ความคิดที่จุกแน่นในอกของนฤเบศร์ถูกจับทิ้งลงไปในหุบเหว สมองของเขาปลอดโปร่งขึ้นมาทันใด ใบหน้าเรียบตึงกลายเป็นแช่มชื่นถนัดตา นึกแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่า ทำไมตนเองจึงรู้สึกดีมากเช่นนี้ “ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่า โลกมันจะกลมอย่างนี้” “อ้าว เบส นายมาแล้วเหรอ” การสนทนาของทั้งสี่หยุดลง เมื่อเจ้าของห้องพักเดินออกมาจากห้องนอนด้วยชุดลำลองแบบสบายๆ เขาเดินเข้ามาสวมกอดเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบปี “คุณอารู้ไหมคะว่า โรสเป็นเลขาของคุณเบส โลกมันกลมดิกเลยค่ะ” อทิตยาเอ่ยบอกเอ็นริโกเสียงแจ๋ว “โลกมันกลมจริงด้วย อาก็ไม่คิดว่า โรสจะเป็นเลขาของเบส” เอ็นริโกเห็นด้วยกับความคำพูดของ อทิตยา “แต่ก็ดีนะที่รู้จักกัน เวลาช่วยกันคิดแผนมันจะได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเกร็ง” นฤเบศร์เดินทางมายังจังหวัดอุบลราชธานีเป็นเพราะ เอ็นริโกเพื่อนสนิทที่คบหากันมากว่ายี่สิบปี ขอร้องให้มาช่วยคิดแผนการที่จะทำให้วนาธรเดินทางไปยังอิตาลี ให้แม่ของเขาสมใจที่จะได้เจอหลานรัก ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมมาช่วยแต่โดยดี “โห แม่ยุงก้นปล่อง ชื่อฝรั่งของเธอไม่สมกับตัวเธอเลยนะ น่าจะใช้ชื่ออื่นมากกว่า” นฤเบศร์แซวเลขาสาว แต่แทนที่อทิตยาจะโต้กลับเจ้านายหนุ่ม คนที่พูดกลับเป็นวนาธร “แต่ผมว่า ชื่อโรสก็เพราะดีนะครับ รูปลักษณ์ก็สวย กลิ่นก็หอม ที่สำคัญเป็นดอกไม้ที่ยุงชอบด้วย ฟังแล้วก็เพราะหูไปอีกแบบ” “อาก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่แซวยุงเล่นๆ” นฤเบศร์พูดให้วนาธรเข้าใจเจตนาที่เอ่ยไป “ฉันว่าเรามานั่งหารือช่วยกันคิดดีกว่านะ” เอ็นริโกพูดตัดบท เพื่อที่จะเริ่มเรื่องสำคัญ ก่อนที่ผู้พูดจะทรุดกายนั่งบนโซฟาเล็กอีกตัว ซึ่งอีกตัวหนึ่งวนาธรนั่งอยู่ นฤเบศร์จึงนั่งลงบนโซฟาตัวยาวที่มีร่างของสองสาวนั่งอยู่ โดยที่นั่งเขาติดกับร่างของเลขาจอมยุ่ง ความที่โซฟาไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก ส่งผลให้ระยะห่างระหว่างนฤเบศร์กับอทิตยาแทบจะไม่มี นั่งเบียดชิดกันเสียจนวนาธรเห็นแล้วรู้สึกขัดใจ “คุณอาเบสครับ ผมว่าคุณอามานั่งแทนที่ผมดีกว่านะครับเพราะผมตัวเล็กกว่า คุณอานั่งตรงนั้นเบียดกันแย่เลย” นฤเบศร์ตวัดสายตามองผู้พูด แล้วในช่วงจังหวะนั้นเขาก็มองเห็นสายตาที่วนาธรมองไปยังอทิตยา ซึ่งแววตาคู่นั้นต่างกับที่มองนลินธารา ความฉลาดและผ่านโลกมามากกว่าของนฤเบศร์ ทำให้เขารู้ได้ทันทีทีว่า วนาธรรู้สึกอย่างไรกับเลขาของตน “ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก อานั่งตรงนี้ก็สบายดี ไม่ได้เบียดอะไร” นฤเบศร์บอกเสียงเรียบ “จริงไหมยุง ฉันไม่ได้นั่งเบียดเธอใช่ไหม” “ชิลๆ ค่ะ ยืนเบียดบนรถเมล์อัดเป็นปลากระป๋องยังเจอมาแล้วเลย แค่นี้เรื่องขี้ปะติ๋ว” เรื่องแค่นี้เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับอทิตยา ชีวิตประจำวันของพนักงานบริษัทที่ไม่มีรถส่วนตัว ทั้งเช้าและเย็นจะต้องโดยสารด้วยรถประจำทาง ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเบียดเสียดกับคนอื่น เธอถือว่าการนั่งเบียดชิดแค่นี้เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย “โตไม่ต้องห่วงนะว่าอาจะนั่งไม่สบาย อานั่งสบายมากๆ เลย” นฤเบศร์ช่วยย้ำอีกคน “ผมก็แค่เป็นห่วงคุณอาน่ะครับ เพราะเราต้องนั่งคุยกันนาน ผมกลัวคุณอาจะนั่งไม่สบาย” “ไม่เป็นไรน่ะ อาว่ามีเรื่องอื่นที่โตต้องกังวลมากกว่า เรามาปรึกษาเรื่องที่จะช่วยให้โตไปโรมกันดีกว่านะ” นฤเบศร์พูดตัดบท ก่อนที่เอ็นริโกจะเริ่มเรื่องพูดคุยเรื่องสำคัญที่เขาเรียกหลายคนมาร่วมหารือพร้อมกัน ระหว่างที่ทุกคนช่วยกันคิดหาทางที่จะให้วนาธรไปหาย่าที่กรุงโรม นฤเบศร์ก็ลอบมองวนาธรเป็นระยะ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึก เช่นเดียวกับเอ็นริโกก็ไม่ได้สังเกตเช่นกัน เนื่องจากอาหนุ่มจากอิตาลีก็ส่งสายตาหวานฉ่ำให้นลินธาราทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งหญิงสาวก็หน้าร้อนผ่าว แก้มแดงระเรื่อเมื่อสบตาหวานระยับของเอ็นริโก จากสายตาของวนาธร ทำให้นฤเบศร์ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่า วนาธรต้องแอบชอบอทิตยาอยู่แน่นอน ด้วยอารมณ์ชนิดหนึ่งทำให้เขาคิดแกล้งหลานชายของเพื่อนให้หึงเล่นๆ ด้วยการพาดแขนไปบนพนักพิงศีรษะ กระเถิบร่างชิดเลขาสาวเข้าไปอีกนิด ภาพที่วนาธรเห็นจึงคล้ายกับว่า นฤเบศร์กำลังโอบร่างของอทิตยา ได้ผลตามที่เขาหวังไว้ นัยน์ตาของวนาธรแฝงไว้ซึ่งความไม่พอใจจริงๆ การเดินทางมายังจังหวัดอุบลราชธานีในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยเพื่อนรักแล้ว นฤเบศร์คิดว่ายังมีเรื่องอื่นให้เขาสนุกอีกต่างหาก การระดมสมองเพื่อหาทางให้วนาธรเดินทางไปยังอิตาลีนั้นยังไม่ได้ข้อสรุปที่ได้ความเท่าไหร่ เพราะทุกคนต่างลงความเห็นกันว่า ทุกสิ่งอย่างอยู่ที่ฤทธิไกรเพียงคนเดียว ถึงแม้ว่าจะวนาธรเดินทางไปยังอิตาลีสำเร็จด้วยวิธีหนึ่งวิธีใดก็ตาม ความโกรธในจิตใจของฤทธิไกรก็ต้องเพิ่มมากขึ้น และครั้งต่อไปที่เอ็นริโกจะมาพบหน้าหรือติดต่อกับหลานชายด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ก็จะยากขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งยังทำให้วนาธรที่เป็นคนกลางจะยิ่งรู้สึกอึดอัดและรู้สึกผิดกับสถานการณ์ระหว่างครอบครัวบิดามารดา ที่นับวันจะยิ่งห่างกันทุกขณะ และดูเหมือนว่าจะไม่มีวันบรรจบลงได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD