“เท่าที่รู้มาคร่าวๆก็ร้อยกว่าภาพ”
“โห…เป็นแสนเชียวนะลูก” ด้วยความที่เป็นแม่ค้าขายขนม คุ้นชินกับการคิดเลขได้ไว ทำให้ยุพาตาวาวเหมือนไม่เชื่อ เธอจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่มือของเธอได้สัมผัสเงินแสนนั้น ผ่านมานานแค่ไหน
“ใช่ค่ะแม่…แต่หนูต้องคุยรายละเอียดก่อน”
ยุพานึกย้อนไปในอดีต ความสามารถทางศิลปะของมินตราที่เริ่มฉายแววเรื่อยมาตั้งแต่เด็กๆ จะเรียกว่าเป็นพรสวรรค์เพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะที่ผ่านๆมา มินตราก็ตั้งใจ ฝึกฝนการวาดภาพสีน้ำจนชำนิชำนาญ น่าจะเรียกว่าเป็นความสำเร็จอันเกิดจากประสบการณ์ที่เพาะบ่มจนกลายเป็นดอกผลจะดีกว่า
บ่ายแก่ๆของวันเดียวกันนั้น พระอาทิตย์คล้อยดวงลงไปมาก ยุพาวุ่นวายอยู่กับการตระเตรียมกระจาดและตะกร้าสำหรับเอาไว้ใส่ขนมตาลและขนมใส่ไส้ที่กำลังจะนำไปขาย เพื่อให้ทันสี่โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่ตลาดนัดหน้าปากซอยจะเริ่มขายของ
ไม่นานจากนั้น มินตราก็ขับรถมอเตอร์ไซด์เก่าๆออกจากบ้านซึ่งอยู่ท้ายซอย โดยมีร่างของยุพาผู้เป็นแม่นั่งซ้อนท้าย ในมือหิ้วตะกร้าขนมใส่ไส้ ส่วนขนมตาลอยู่ในตะกร้าอีกใบที่ใส่เอาไว้ในตะแกรงหน้ารถ
หลายปีที่ยุพายึดตลาดนัดเป็นสถานที่ทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว ภาพมินตราขับรถมอเตอร์ไซด์มาส่งและทุกครั้งก็อยู่ช่วยแม่ขายของจนมืดค่ำ กระทั่งเก็บร้าน จึงเป็นภาพที่คุ้นตาของผู้คนในถิ่นแถบนี้เป็นอย่างดี
เมื่อมาถึงตลาด ไอแดดที่แผดแรงมาตลอดบ่ายเริ่มคลายความร้อน เปลวแดดที่เต้นระริกเริ่มทุเลาลงไปบ้าง สวนทางกับจังหวะชีพจรของพ่อค้าแม่ค้าที่ยังคงเต้นแรง เลือดของนักสู้ฉีดซ่านอยู่ในทุกหลอดลำ ในยามที่ต้องออกแรงแบกหาม แลเห็นความเหน็ดเหนื่อยสะท้อนอยู่ในสายเหงื่อเรี่ยไหลออกมาเป็นสาย สังเกตได้จากอาการที่หญิงสาวยกหลังมือขึ้นปาดเม็ดเหงื่อที่หน้าผากหลายครั้ง
“ดูท่าทางฝนจะตกนะแม่” มินตรากล่าวพลางชำเลืองไปทางหมู่เมฆทะมึนหม่นที่รวมตัวกันจนแลดูหนักอึ้งอยู่ทางเบื้องทิศตะวันตก พร้อมจะกลั่นเป็นเม็ดฝนลงมาได้ทุกขณะ
“ต้องรีบขายให้หมดก่อนฝนลง แม่ไม่อยากให้ขนมเหลือค้างคืน” ยุพากล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวลกับฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจเอาเสียเลย
ตลาดแห่งนี้เป็นของเถ้าแก่ฮง เป็นตลาดสดขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดปทุมธานี เป็นตลาดที่เปิดค้าขายทุกวัน ทว่าในวันเสาร์และอาทิตย์ผู้คนจะมากเป็นพิเศษ ลูกค้าจะเยอะกว่าวันธรรมดาหลายเท่า เช่นวันนี้ซึ่งเป็นวันเสาร์ ยุพาจึงทำขนมตาลเพิ่มมาอีกอย่าง จากที่วันธรรมดาเธอจะขายแต่ขนมใส่ไส้เพียงอย่างเดียว
เมื่อบรรดาพ่อค้าแม่ค้าเริ่มทยอยกันตั้งร้านซึ่งประกอบขึ้นอย่างง่ายๆด้วยการวางแคร่ไม้ไผ่ลงบนโครงเหล็กสี่ขา ใช้เชือกผูกยึดแต่ละมุมเพื่อไม่ให้เคลื่อนไปมา เช่นเดียวกับมินตราที่กำลังตั้งแคร่ด้วยความชำนิชำนาญ เมื่อตั้งเสร็จก็เอาผ้ายางสีฟ้าคลุมทับลงบนแคร่ไม้อีกที ปกปิดคราบฝุ่นที่ไม่น่ามอง ทำให้แคร่เก่าๆเมื่อครู่ ดูดีขึ้นมาถนัดตา
ชั่วอึดใจ ร่มคันใหญ่หลากสีสันจากหลายๆร้าน ก็กลางพรึ่บขึ้นเป็นแถวไปจนสุดแนวถนน รวดเร็วราวกับรู้ว่าเวลามีค่า ในขณะที่ต้องขายของแข่งกับเมฆฝนที่กำลังตั้งเค้าทะมึน เมื่อกระแสลมเริ่มพัดแรงขึ้นทุกที ผืนผ้าใบบางส่วนที่ผูกกั้นเอาไว้กันแดดลม เริ่มโบกสะบัดเสียงดังพรึ่บพรั่บ พ่อค้าแม้ค้ารีบหาของหนักๆมาวางทับที่ฐานร่มกันจ้าละหวั่น ก่อนจะถูกลมตีโค่นไปคนละทิศคนละทาง
ขณะกำลังสาละวนอยู่กับการจัดร้าน มีบางจังหวะที่ยุพาหันไปทักทายแม่ค้าหลายคนที่รู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี เสร็จจจากตั้งแผงขายของ ครู่เดียวขนมใส่ไส้ก็วางเรียงสลอนอยู่ในกระจาด เคียงข้างอยู่กับขนมตาล อวดสีสันเหลืองสวย รู้สึกได้ถึงความนุ่มฟูน่ากิน ไม่นานนักกลิ่นหอมของมันก็เรียกความสนใจจากผู้คนที่เริ่มขวักไขว่ไปมา พร้อมๆกับเสียงหวานใสของมินตรา
“ขนมใส่ไส้จ้า…ขนมใส่ไส้ ทำเสร็จใหม่ๆ กำลังร้อนๆเลยจ้า” มินตราร้องเรียกลูกค้าที่ทยอยกันมาเรื่อยๆ จนยุพาหยิบขนมใส่ถุงให้แทบไม่ทัน หารู้ไม่ว่ากังวานหวานในน้ำเสียงของแม่ค้าสาว ได้ลอยไปกระทบหูของลูกชายเจ้าของตลาดที่กำลังเตร็ดเตร่อยู่ตรงนั้นพอดี
“ขนมในกระจาด ขอเหมาทั้งหมดเลยได้ไหมครับ” เสียงของชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว รุ่นราวคราวเดียวกันกับมินตรา ดังขึ้นจากด้านหลัง
มินตราหันไปมองด้วยความประหลาดใจ
“หยงน่ะเอง อุตส่าห์ดีใจ นึกว่าหนุ่มที่ไหนมาจีบ” มินตราเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
“ก็หนุ่มหยงนี่แหละที่จะจีบมิน” ชายหนุ่มกล่าวยิ้มๆ
“คิดดีแล้วหรือ แน่ใจนะ ที่ว่าจะจีบมินน่ะ” เธอแกล้งถาม
“อ้าว…แล้วที่ผ่านๆมาหยงก็จีบมินมาตลอด นี่ไม่รู้จริงๆหรือว่าแกล้งไม่รู้…อย่างนี้หยงคงต้องเร่งเตี่ยให้รีบไปสู่ขอมินมาเป็นลูกสะใภ้ซะแล้วกระมัง” ชายหนุ่มพูดทีเล่นทีจริง หากมินตรายังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉย ให้คนพูดเข้าใจว่าประโยคที่เขาเพิ่งเปล่งออกมาเมื่อครู่ เขาแค่พูดเล่น
“บ้าน่ะ” มินตรารีบปัดเรื่องให้พ้นตัว เหมือนรู้ว่าอย่างไรเสีย เธอกับเขาก็เป็นได้แค่เพื่อน น้ำเสียงที่มินตราเอ่ยกับหยง ทำให้รู้ว่าทั้งสองรู้จักกันมาก่อน มินตรากับหยงมักจะเจอหน้ากันบ่อยๆที่ตลาดแห่งนี้ หลายปีมาแล้วที่มินตรามาช่วยยุพาขายขนม
เมื่อเห็นลูกชายเจ้าของตลาดหน้าเจื่อนกับประโยคที่เพิ่งได้ยินจากปากของเธอ มินตราจึงถามต่อ รีบแก้เก้อให้เขา
“เรียนหนักหรือ พักนี้มินไม่ค่อยเห็นหน้าหยงเลย”
ได้ยินคำพูดของหญิงสาว หยงยิ้มรื่น ชื่นใจขึ้นมาในทันที อย่างน้อยมินตราก็ยังสังเกตที่เขาหายหน้าไปช่วงหนึ่ง