เจ้าสัวเดินนำหน้าบอดี้การ์ดนับสิบเข้ามาในบ้าน แม้จะอายุวัยกลางคนแล้ว แต่สง่าราศีก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย ยังคงแผ่รังสีน่าเกรงขามทรงอำนาจออกมา หน้าตาก็ยังคงหล่อเหลาคมคาย มาริษาวิ่งลงบันไดมาโผเข้าไปกอดเจ้าสัว
" ป๊า มาริคิดถึงที่สุดเลย "
มาริษากอดเจ้าสัวแน่นท่าทีแววตาและน้ำเสียงออดอ้อนสุดๆ พีรวิชเห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเขาพึ่งจะเคยเห็น ไม่คิดว่าคุณหนูเอาแต่ใจจะมีมุมนี้ด้วย
" ป๊าก็คิดถึงหนูเป็นยังไงบ้าง พีรวิชดูแลหนูดีไหม "
มาริษาปรายตาไปมองพีรวิชที่ยืนก้มหน้าอยู่ก่อนจะหันมาตอบเจ้าสัว
" ก็ ก็ดีค่ะ "
" ฮึ ฮึ ลูกสาวของฉันค่อนข้างเอาแต่ใจ ลำบากแกแล้วพีรวิช "
" ไม่เลยครับเจ้าสัว คุณหนูไม่ได้ทำอะไรให้ผมลำบาก แค่พาเธอไปช็อปปิ้งที่ห้างทุกวันแค่นั้นเอง "
" หือจริงรึ ไม่ได้ไปก่อเรื่องที่ไหนแน่นะ "
" แน่ครับ ไปเดินช็อปปิ้งไม่กี่ช.มก็กลับบ้านเลย "
เมื่อกินข้าวเสร็จเจ้าสัวก็พูดขึ้นมา เขาอยากให้มาริษาไปทำงานที่บริษัท เพราะเธอต้องสืบทอดต่อจากเขา เขารู้ตัวว่าเวลาของเขาเหลือน้อยเต็มที เขาไม่ได้ไปดูงานที่ต่างประเทศหรอกแต่อาการป่วยของเขามันทรุดลงจนต้องพักรักษาตัว เขาไม่ต้องการให้ใครรู้เพราะศัตรูรอบด้านจ้องจะเล่นงานเขาอยู่ โดยเฉพาะมาริษาที่เปรียบเสมือนหัวใจของเขา เขาจึงต้องให้พีรวิชที่เขามั่นใจว่าจะปกป้องดูแลเธอได้ให้คอยประกบเธอ
" ไหนๆก็กลับมาแล้ว ลูกก็เข้าไปช่วยพ่อทำงานที่บริษัทดีไหม เรียนรู้เอาไว้ อีกหน่อยลูกจะต้องขึ้นบริหารแทนพ่อ "
" ไม่เอาค่ะ มาริกลับมาพักผ่อนสมองเฉยๆ อยู่เที่ยวเล่นสักปี เดียวจะกลับไปเรียนต่อป.โท "
เจ้าสัวมีสีหน้าหนักใจ วันนึงเขาไม่อยู่เธอจะเป็นยังไง แล้วก็ตัดสินใจบอกเรื่องสำคัญ
" ถ้าอย่างงั้นพรุ่งนี้ ตอนเย็นหนูไปกินข้าวเป็นเพื่อนป๊า ป๊านัดกับคุณทรงพลเอาไว้ อยากให้ลูกได้ทำความรู้จักกับลูกชายคุณทรงพล "
" ป๊าจะจับคู่ให้มาริหรอค่ะ ไม่เอามาริไม่ไป "
" แค่ไปทำความรู้จักกันเฉยๆถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องสานต่อ ป๊านัดเขาไว้แล้วอย่าทำให้ป๊าเสียหน้า "
" ก็ได้ค่ะ "
พีรวิชได้ยินว่ามาริษาจะไปดูตัว ใจของเขาก็วูบไหว รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีสิทธิ์แต่ก็คิดไปไกลเกินจะกลับตัวแล้ว เขาต้องทำยังไงถึงไม่เสียเธอไปให้คนอื่น พีรวิชยืนกลัดกลุ้มหน้าดำเคร่งเครียด
เดชาเห็นพีรวิชกระวนกระวายก็สะใจ ทุกคนแยกย้ายไปหมดแล้วแต่พีรวิชยังยืนนิ่งอยู่กับที่เหมือนหุ่นยนต์ เดชาเดินเข้ามากระซิบ
" สมน้ำหน้า ไม่รู้จักเจียมตัว "
แล้วสบตาเย้ยหยัน หัวเราะลั่นเดินออกไป พีรวิชกำหมัดแน่น นัยตาแดงกร่ำ
ภัตตาคารหรู
มาริษานั่งกินอาหารข้างๆเจ้าสัว ตรงข้ามเป็นทรงพลนักธุรกิจชื่อดังเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ที่นั่งข้างๆคือภูริลูกชายคนเล็ก ที่ถึงแม้จะหล่อเหลาแต่เธอดูออกว่าเขาไม่ชอบผู้หญิง นี่คงจะถูกบังคับมาเหมือนกันสินะ พีรวิชยืนอยู่ไม่ไกลข่มกลั้นอารมณ์เอาไว้สุดๆ ยิ่งเมื่อเห็นภูริตักอาหารให้มาริษาเเถมยังส่งยิ้มให้เธอ ชวนเธอคุยนู่นนี่ มันยิ่งทำให้เขาแทบอยากจะลุกไปกระชากเธอออกมาจากตรงนั้น แต่ติดตรงที่เขาทำไม่ได้
กลับจากร้านอาหาร มาริษาก็ยื่นคำขาดกับเจ้าสัว ว่าเธอจะไม่ไปดูตัวกับใครทั้งนั้น ห้ามบังคับเธอเด็ดขาด เพราะเธอจะเลือกสามีด้วยตัวเอง ไม่อย่างงั้นเธอก็จะหนีไปไกลๆไม่ให้ตามเธอเจอ พีรวิชแอบยิ้มที่คำพูดของเธอถูกใจเขานัก เจ้าสัวถอนหายใจอย่างแรงแต่ก็ยอมรับปาก
วันต่อมา มาริษากับพีรวิชไปกินอาหารในห้าง เมื่อออกจากร้านเธอมองไปร้านฝั่งตรงข้ามเป็นร้านไอศครีม เห็นผู้หญิงคนนั้นกับเด็กชายที่พีรวิชเคยอุ้มตอนที่เธอแอบตามไปดู ก็ยิ้มชั่วร้ายเดินเข้าไปในร้านไอศครีม พีรวิชไม่ทันสังเกตเห็นนลินดากับลูกอยู่ในร้าน จึงเดินตามมาริษาเข้าไป มาริษาจงใจนั่งโต๊ะใกล้ๆ2แม่ลูก ธามไทเห็นพีรวิชก็รีบลุกจากเก้าอี้วิ่งไปหา เกาะขายิ้มแฉ่งด้วยความดีใจ
" พ่อครับ "
พีรวิชตกใจหน้าซีด มองหน้าลูกชายสลับกับมาริษาก่อนจะหันไปมองโต๊ะข้างๆเห็นนลินดากับมุทิตานั่งมองอยู่
" พ่อครับอุ้มน้องธามหน่อย "
พีรวิชกระอักกระอ่วน ในสมองตีกันยุ่งไปหมดว่าจะทำยังไงดี ทั้งมาริษา นลินดา ต่างก็จ้องหน้าเขารอว่าเขาจะทำยังไง เขากลั้นใจตอบออกไป
" หนู ลุงไม่ใช่พ่อหนูหรอก หนูจำผิดแล้ว "
พีรวิชพูดไปก็เจ็บปวดใจไม่น้อย ยิ่งเห็นน้ำตาของลูก หัวใจของเขาก็ยิ่งบีบรัดแน่น
" พ่อครับ ทำไมพ่อพูดแบบนี้ พ่อไม่รักน้องธามแล้วเหรอ ฮือ ฮือ "
เมื่อถูกพ่อปฏิเสธเด็กน้อยก็ร้องไห้โฮ
นลินดากลั้นน้ำตาเอาไว้แทบไม่อยู่ รีบไปอุ้มลูกกลับมา มองหน้าเขาด้วยสายตาตัดพ้อ ก่อนจะสบตากับผู้หญิงที่เขามาด้วย เธอเห็นแววตาสมเพชเยาะเย้ยในดวงตาคู่นั้น ผู้หญิงคนนี้สินะ คุณหนูมาริษาลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัว ที่เขาไปรับที่สนามบินวันนั้น คนที่เขาต้องดูแลอารักขา24ช.ม จนมาวันเกิดลูกไม่ได้ และวันนี้เขากล้าปฏิเสธลูกอย่างหน้าด้านๆว่าไม่ใช่ลูกเขา
" ขอโทษด้วยค่ะที่ลูกชายเสียมารยาท พอดีว่าพ่อเขาพึ่งตายไปได้ไม่นาน เห็นคุณผู้ชายคนนี้หน้าคล้ายพ่อเขามาก เขาก็เลยคิดว่าเป็นพ่อ "
นลินดาพูดไปตาก็จ้องพีรวิชเขม็ง พีรวิชก้มหน้าไม่ยอมสบตา ลอบกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก
เธอพูดแค่นั้นก็อุ้มลูกหันหลัง เดินกลับไปที่โต๊ะ
" ไม่เป็นไรค่ะ เด็กที่ไม่มีพ่อก็เป็นแบบนี้แหละ คงขาดความอบอุ่น "
มาริษาหันมายิ้มให้ คำพูดเชือดเฉือนทำร้ายใจหาว่าลูกเธอไม่มีพ่อเหรอ ก็ไอ้ผู้ชายเฮงซวยที่นั่งอยู่ตรงนั้นไงพ่อของลูกเธอ แต่ก็นะเขาพูดเองว่าไม่ใช่ลูกเขานี่
มุทิตาทนไม่ไหวลุกจากโต๊ะจะเดินไปหาทั้งคู่ แต่นลินดารั้งแขนเอาไว้
" อย่ามิว ช่างเถอะ ฉันจะพาน้องธามไปรอที่รถ แกรีบไปจ่ายเงินเถอะ จะได้รีบกลับบ้านกัน "
" Ok แกพาน้องธามไปเถอะ จ่ายเงินเสร็จเดี๋ยวฉันรีบตามไป "
มุทิตาเดินไปจ่ายเงินที่เค้าเตอร์ ก่อนออกจากร้านก็มอง2คนด้วยสายตารังเกียจ พีรวิชไม่กล้าสบตากลัวมุทิตาจะพูดความจริง พนักงานเดินมาพอดี ก็พูดกับพนักงาน
" นี่น้องว่าไหม ว่าคนบางคนมีการศึกษา ฐานะก็ร่ำรวย หน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่ แต่แปลกนะ หาผัวเองไม่ได้ต้องแย่งของคนอื่น "
พูดกับพนักงาน แต่ตาจ้องหน้ามาริษาเขม็ง แล้วก็หันไปมองหน้าพีรวิชที่ก้มหน้าแทบจะติดโต๊ะ
" หมามันยังรู้จักรักลูกของมัน แต่คนแท้ๆกับทิ้งลูก แบบนี้มันยิ่งกว่าเดรัจฉาน "
พูดจบก็เดินออกไป มาริษาไม่สนใจที่มุทิตาต่อว่า เธอไม่แคร์จะเอาซะอย่างจะทำไม แล้วก็ลุกขึ้นควงแขนพีรวิชออกไปจากร้าน ปล่อยให้พนักงานยืนงงอยู่ตรงนั้น