ศศิกานต์นั่งลงตรงเก้าอี้ตัวในสุด จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองสองบอดีการ์ดหน้าตายของพี่ชาย คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเมื่อทั้งสองไม่ยอมนั่งกลับยืนข้างโต๊ะแทน บอดีการ์ดต้องทำกันถึงขนาดนี้เชียวหรือ เธอไม่ใช่คนสำคัญเสียหน่อย
“กรุณานั่งลงด้วยค่ะ”
“ไม่ดีกว่าครับ มันไม่เหมาะ” หย่งเสียนตอบ ขณะยืนหน้านิ่งอยู่ข้างเจ้านายสาว
“ฉันบอกให้นั่งก็ต้องนั่ง เข้าใจมั้ยคุณหย่งเสียน คุณเหวินถัง”
ศศิกานต์ต่อว่าเสียงขุ่น เธอก็คน เขาก็คน ไม่เห็นต้องแบ่งแยกชนชั้นกันถึงขนาดนี้ เธอมาทานอาหาร ในเมื่อพวกเขาตามมาดูแล เธอก็ควรดูแลเขาด้วยเช่นกัน จะให้เธอเอาเปรียบได้อย่างไร
“ถ้าไม่นั่งก็เชิญกลับไปซะ”
สิ้นเสียงของเจ้านายสาว หย่งเสียนกับเหวินถังก็รีบขยับเก้าอี้นั่งลงตามคำสั่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกสั่งให้นั่งร่วมโต๊ะกับผู้เป็นนาย หากเป็นคุณหนูเหม่ยชิง พวกเขาคงไม่มีโอกาสได้ยินคำพูดเหล่านี้เด็ดขาด คุณหนูเหม่ยเยวี่ยเป็นคนแรกที่สั่งให้พวกเขานั่งร่วมโต๊ะ ส่วนเจ้านายหนุ่มนั้นถือเป็นกรณียกเว้น เพราะพวกเขานั่งร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกันบ่อยๆ
“ไม่ต้องมามองหน้าเหม่ยเยวี่ยแบบนั้นเลย นี่มันยุคไหนแล้ว อย่าทำตัวเหมือนทาสรู้มั้ยคะ เหม่ยเยวี่ยก็เป็นคน คุณสองคนก็เป็นคน เราจะไม่แบ่งแยกชนชั้น คราวหน้าถ้ามากับเหม่ยเยวี่ยอีก ก็ต้องปฏิบัติตามกฎที่เหม่ยเยวี่ยตั้งขึ้น เข้าใจมั้ยคะคุณบอดีการ์ด”
ศศิกานต์สั่งสองบอดีการ์ดเสียงขุ่น ก่อนจะหุบปากลงเมื่อบริกรเดินเข้ามาพร้อมกับเมนูอาหาร หญิงสาวรับเมนูมาสามชุดแล้วยื่นให้สองหนุ่มคนละชุด จากนั้นก็หันมาสนใจเมนูในมือของตนเอง
“อยากทานอะไรก็สั่งไปเลย”
“ครับ/ครับ”
สองหนุ่มได้แต่พยักหน้าตอบอย่างอึดอัด นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอสถานการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ ตลอดหลายปีที่ทำงานกับตระกูลหวัง นี่เป็นครั้งแรกที่สร้างความอึดอัดให้พวกเขา
คุณหนูสามของตระกูลหวังช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ดูภายนอกเหมือนจะเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่มันคงไม่ใช่ความจริงทั้งหมดเป็นแน่ น้ำเสียงและแววตายามที่ออกคำสั่งมันช่างคล้ายกับเจ้าพ่อมาเฟียใหญ่ ปีเตอร์ หวัง เหลือเกิน
/////////////////////
เฟยหลงนั่งฟังทายาทคนเล็กของปีเตอร์ หวัง บ่นใส่สองบอดีการ์ดของแดนเนียลอย่างประหลาดใจ อดสงสัยไม่ได้ว่าหญิงสาวเป็นบุตรสาวของปีเตอร์ หวัง จริงหรือ นิสัยของหล่อนช่างห่างไกลกับทายาทอีกสองคนของตระกูลไปมากทีเดียว ทายาทคนรองของปีเตอร์ หวัง หยิ่งสโย ร้ายกาจ เห็นแก่ตัว กิริยามารยาทก็แย่สุดๆ
แต่หญิงสาวที่เขากำลังนั่งมองอยู่นี้กลับไม่เหมือนพี่สาวต่างมารดาของหล่อนสักนิด สายตาคู่คมมองไปยังโต๊ะที่สาวหน้าหวาน ผมยาวสีน้ำตาลเข้มดัดเป็นลอนอย่างพิจารณาอีกครั้ง เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใดแดนเนียลถึงได้หวงน้องสาวต่างมารดาคนนี้นัก หน้าตาก็จัดว่าสวยหวาน นัยน์ตากลมโตหวานซึ้ง รูปร่างก็เพรียวระหง อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกก็ได้รูป
เขานึกไปถึงขวดนาฬิกาทรายทรงสวย สาวสวยคนนี้มีรูปร่างที่ผู้หญิงทุกคนอยากมี ไม่แปลกใจสักนิดที่แดนเนียลส่งคนสนิทมาคอยดูแลคุ้มกัน เขายอมรับกับใจตัวเองเลยว่าทายาทคนเล็กของตระกูลหวังสวยหยาดเยิ้ม ดูก็รู้ว่าหล่อนคงเป็นลูกครึ่ง เพียงแค่เป็นลูกครึ่งประเทศอะไรเขาไม่รู้ เพราะสาวจีนไม่ค่อยมีตาสองชั้น และตากลมโตหวานซึ้งคู่นั้นเพียงสบตาก็ชวนให้ใจหวั่นไหว
“ผู้หญิงคนนี้เป็นบุตรสาวของปีเตอร์ หวัง จริงหรือครับนายน้อย”
จื่อกวงถามเจ้านายหนุ่มด้วยแววตาสงสัย เมื่อเห็นพฤติกรรมของทายาทคนเล็กของปีเตอร์ หวัง สาวสวยที่นั่งดูเมนูอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะที่เจ้านายหนุ่มนั่ง นี่คือนิสัยของคนในตระกูลหวังเหรอ เขาไม่อยากเชื่อเลย สาวสวยคนนี้ดูเรียบร้อย อ่อนหวาน เห็นอกเห็นใจคนอื่นมากกว่าที่เขาคิด ทายาทคนรองของปีเตอร์ หวัง ร้ายกาจจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้ พี่น้องตระกูลนี้ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
“ใช่ แปลกใจอะไรของนายนักหนา อย่าลืมนะว่าลูกสาวของปีเตอร์ หวัง มาจากคนละแม่ การที่พี่น้องนิสัยไม่เหมือนกัน ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ขนาดพ่อแม่เดียวกัน ก็ยังมีนิสัยไม่เหมือนกันเลย”
“ครับ”
เส้าหลงรับคำผู้เป็นนาย สายตายังจับจ้องไปยังทายาทคนเล็กของตระกูลหวังอย่างแปลกใจระคนสงสัย จากนั้นก็เหลือบมองเจ้านายหนุ่มแวบหนึ่ง เขาเห็นสายตาของผู้เป็นนายเปลี่ยนไป
‘อย่าบอกนะว่านายน้อยของเขาดันชอบทายาทคนเล็กของตระกูลหวัง’
เฟยหลงนั่งเงียบมองไปยังโต๊ะที่สาวหน้าหวานนั่งอยู่ เขาเห็นหล่อนเงยหน้าขึ้นสั่งอาหารกับบริกรชาย จากนั้นก็ยื่นเมนูคืนพร้อมกับหันมาสนใจสองบอดีการ์ดหนุ่มที่ยังนั่งนิ่งไม่ยอมสั่งอาหารเสียที และไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงหวานใสหลุดออกมาจากปากเรียวบางสีแดงระเรื่ออีกครั้ง
“ตกลงสั่งอาหารได้หรือยังคะคุณเหวินถัง คุณหย่งเสียน”
“คุณหนูสั่งอะไรมาผมก็ทานได้ทั้งนั่นแหละครับ”
หย่งเสียนตอบอย่างอึดอัด หลบสายตาวิบวับของเจ้านายสาวให้วุ่น ยามปกติก็ดูน่าหลงใหลอยู่หรอก แต่เวลาโกรธนี่สิมันน่ากลัวอย่าบอกใคร
“ผมก็เหมือนกันครับคุณหนู คุณหนูสั่งอะไรมาผมก็ทานได้ทั้งนั้น”
‘อยากลองดีกับฉันเหรอ คุณบอดีการ์ด เดี๋ยวได้เจอกัน’
ศศิกานต์คิดในใจ พลางยิ้มให้กับสองบอดีการ์ดด้วยแววตาเปล่งประกายวิบวับจนคนถูกมองเริ่มนั่งไม่ติด หย่งเสียนกับเหวินถังหันมองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลายเฮือกกับท่าทางของเจ้านายสาว
“คุณสองคนแพ้อาหารอะไรบ้าง”
“คุณหนูถามทำไมหรือครับ”
ลางร้ายเริ่มปรากฏต่อหน้าเขาแล้ว หย่งเสียนคิดพลางกำมือแน่น เจ้านายสาวผู้นี้ของเขาน่ากลัวใช่ย่อย บางทีอาจน่ากลัวกว่าเจ้านายหนุ่มเสียอีก
“ถามก็ตอบมาเถอะ”
“เอ่อ...”
เขาจะตอบไปว่ายังไงดีล่ะ ทั้งเขาและหย่งเสียนต่างก็แพ้อาหารทะเลเหมือนกัน เพียงแต่เขาแพ้กุ้ง ส่วนหย่งเสียนแพ้ปู การที่เจ้านายสาวถามแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเขาแน่
“ผมแพ้ปูครับคุณหนู”
“ผมแพ้กุ้งครับคุณหนู”
“เดี๋ยวฉันจะสั่งปูกับกุ้งมาให้พวกคุณทานก็แล้วกัน”
ทันทีที่เจ้านายสาวพูดจบ สองบอดีการ์ดหนุ่มถึงกับตาเบิกกว้างอย่างตกใจ ไม่คิดว่าคุณหนูจะเล่นมุกนี้ หรือลงโทษที่พวกเขาไม่ยอมสั่งอาหารมาทาน
“อย่าดีกว่าครับคุณหนู เดี๋ยวผมสั่งอาหารทานเองก็ได้”
“ผมด้วยครับ”
พูดจบสองบอดีการ์ดหนุ่มก็รีบเรียกบริกรชายกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง จากนั้นก็ลงมือสั่งอาหารที่ตนอยากทานทันที ขืนปล่อยให้เจ้านายสาวเป็นคนสั่ง พวกเขาคงถูกหามส่งโรงพยาบาลเป็นแน่ หย่งเสียนกับเหวินถังต่างยอมรับกันอยู่ในใจว่าคุณหนูเหม่ยเยวี่ยผู้นี้ช่างน่ากลัวยิ่งกว่าเจ้านายหนุ่มกับคุณหนูเหม่ยชิงเสียอีก
เฟยหลงเกือบหัวเราะออกมากับสีหน้าซีดเผือดของสองบอดีการ์ดมือดีของแดนเนียล เขาไม่รู้หรอกว่าคนของแดนเนียลตอบกลับไปว่าอย่างไร แต่ดูจากสีหน้ายิ้มหวานกับแววตาพราวระยับหวานซึ้งคู่นั้น มันคงเป็นคำตอบที่ตลกที่สุดเป็นแน่
/////////////////////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...