ณ วันรับน้องใหม่ ที่ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือบรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงเซ็งแซ่ของบรรดานักศึกษาที่มาร่วมกิจกรรมรับน้องใหม่
"สวัสดีค่ะน้องๆปี1ทุกๆคนวันนี้เป็นวันรับน้องใหม่ของคณะเราซึ่งเป็นวันแรกที่พิเศษเพราะเราจะมีรุ่นพี่ปี4มาร่วมรับน้องและเล่นเกมส์กับเราด้วยจ้า ขอเสียงปรบมือต้อนรับพี่ๆ
ปี4ค่าาาา" เสียงพี่ปี2คนหนึ่งป่าวประกาศเจื้อยแจ้วตรงหน้าสแตนด์เชียร์กีฬาที่คณะบริหารธุรกิจได้จัดขึ้น
"แล้วเราขอแนะนำดาวประจำคณะของเราก่อนนะคะเป็นดาวตั้งแต่อยู่ปี 1 จนตอนนี้ใกล้จะจบแลัวก็ยังสวยและเป็นดาวในใจผมเสมอ" รุ่นพีปี 2 ชายคนหนึ่งหยอด พร้อมยิ้มเขิน
ให้ กษิรา รุ่นพีปี4 สาวสวย และหนึ่งในรุ่นน้องปี 1 ที่มองอมยิ้มเขินไม่วางตาก็คือ "ศษิลันทร์" หนุ่มน้อยหน้าใสขาว ที่สะดุดตาในตัวกษิราจนเรียกว่ารักแรกพบก็เป็นได้
"อะแฮ่ม น้องครับๆ น้องคนที่ชื่อศษิลันทร์ออกมาข้างหน้าแสตนด์หน่อยครับ" เสียงรุ่นพี่ปี 2 เรียกศษิลันทร์ตามป้ายที่ห้อยคอ
" โทษฐานที่จ้องตามตามันเยิ้มมากครับ พี่เห็นนะครับ" รุ่นพี่ปี 2 แชว
" ไหนๆ วันนี้เราก็พาพี่ปี 4 มาร่วมสานสัมพันธ์และน้องใหม่คนนี้ก็คงจะตะลึงในความน่ารักของพี่กษิรางั้นวันนี้ขอจับคู่เล่นเกมส์ให้ 2 คนนี้เลยนะครับ"
รุ่นพี่ปี 2 มัดมือชกแต่ก็ทำให้ ศษิลันทร์ยิ้มไม่หุบเพราะถูกใจเขานั่นเอง ซึ่งกษิราเองก็ยิ้มหวานให้ศษิลันทร์ด้วยไมตรีในฐานะรุ่นพี่ ทุกครั้งไม่ว่ากษิรา จะทำอะไรจะหันไปทาง
ไหนจะอยู่ในสายตาศษิลันทร์เสมอ
"เกมส์แรกของเราจะให้น้องๆ ปี 1 จับคู่กับพี่ปี 4 แล้วช่วยกันใช้หัวดันลูกโป่งวิ่งใครลูกโป่ง แตกหรือหล่นต้องถูกทำโทษหน้าแสตนด์" รุ่นพี่ปี 2 อธิบายเกมส์
"ส่วนน้องศษิลันทร์ก็คู่กับพี่กษิราไปนะครับพี่สานฝันให้น้องแล้ว" วันนี้ทั้งวันศษิลันทร์คงต้องโดนแชวไปตลอดแน่ๆ
"ชื่อศษิลันทร์หรือเพราะดีนะ เรียกพี่ว่าษิเฉยๆก็ได้นะ" กษิราเริ่มชวนคุยด้วยความเป็นกันเองระหว่างที่รอเล่นเกมส์
"ครับ งั้นเรียกผมว่าลันทร์ก็พอครับ" ศษิลันทร์รีบสานสัมพันธ์การพูดคุย
"นี่ถ้ามีอะไรให้แนะนำบอกมาได้เลยนะพี่ยินดีช่วย" กษิราพูดพร้อมยิ้มให้อย่างจริงใจ
"ครับ" ศษิลันทร์ยิ้มรับปลื้มปริ่ม
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาศษิลันทร์ก็ แลกเบอร์แลกไลน์ช่องทางการติดต่อและมาให้กษิราเห็นหน้าอยู่บ่อยครั้ง หาเรื่องแกล้งมาปรึกษาบ้างทั้งที่ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือ
อะไรแบบจริงจังนักแค่ต้องการหาเรื่องพูดคุยเท่านั้น
วันเวลาผ่านไปทั้งสองได้คบหาดูใจสานสัมพันธ์จนเรียกได้ว่าคบกันในฐานะแฟน จนกษิราเรียนจบและรับปริญญาไปก่อน ซึ่งในวันรับปริญญาของกษิราศษิลันทร์ได้
บอกกับกษิราว่า
"ษิ รอลันทร์ก่อนนะแล้วลันทร์จะพาษิไปแนะนำให้แม่รู้จักแล้วตอนเรียนจบลันทร์คงต้องไปช่วยงานที่บริษัทของแม่ ลันทร์อยากให้ษิไปทำงานด้วยกัน"
"ได้ลันทร์ ษิจะรอ"
.......................................................................
3ปีผ่านไป
"ตาลันทร์" อุณารินทร์เรียกลูกชายขณะที่ได้ยินเสียงลูกชายกำลังถ่ายรูปรับปริญญากับเพื่อนๆอยู่
"แม่ครับ" ศษิลันทร์หันไปตามเสียงของผู้เป็นแม่
"แม่ครับมาถ่ายรูปด้วยกัน" ศษิลันทร์โอบผู้เป็นแม่แล้วต้อนให้มายืนคู่กันที่ซุ้มดอกไม้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความยินดีและรอยยิ้ม
"จบสักทีนะเราจะได้ไปช่วยงานแม่ที่บริษัท แม่จะได้รีบวางมือ" อุณารินทร์จับแก้มลูกชายด้วยความเอ็นดูเหมือนเขายังเป็นเด็กน้อย
"เอ่อ...คุณแม่ครับพูดถึงเรื่องไปทำงานผมมีคนอยากแนะนำให้คุณแม่รู้จัก และอยากให้คุณแม่รับเขาเข้าทำงานด้วยได้ไหมครับ" ศษิลันทร์ปูเรื่อง
"ใครกันลูก แต่แม่ต้องดูตามความเหมาะสมก่อนนะไม่ใช่ว่าจะเอาใครมาทำก็ได้" อุณารินทร์สงสัยใครกันที่ทำให้ลูกชายเอ่ยปากฝากฝังเพราะ แม้กระทั่งเพื่อนสนิทเขายังไม่กล้า
ที่จะขอเลย
"ษิ มานี่สิ นี่คุณแม่ลันทร์เอง" ศษิลันทร์แนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน
"สวัสดีค่ะ คุณแม่" กษิรายกมือไหว้และยิ้มด้วยความอ่อนน้อม
"สวัสดีจ้ะ แหมตาลันทร์แม่รู้นะ" อุณารินทร์ รู้ใจลูกชายว่าคงไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา
"หนูเป็นลูกเต้าเหล่าใคร พ่อแม่ทำงานอะไรจ๊ะ หน้าหนูนี่คลับคล้ายคลับคลาอยู่นะ แต่แม่นึกไม่ออก" อุณารินทร์ซักประวัติแต่ก็มีความคุ้นหน้าอยู่ในหัวอย่างบอกไม่ถูก
"คุณแม่ครับสอบประวัติกันแล้วหรอครับเพิ่งเจอกันวันแรก แล้วไปคุ้นกันตั้งแต่เมื่อไรครับผมก็ไม่เคยเล่าให้คุณแม่ฟังสักที" ศษิลันทร์หยอกแกมเบรคกลัวคนรักจะตกใจในการ
จู่โจมคำถามของผู้เป็นแม่
"ไม่เป็นไรเอาไว้วันนี้หนูไปทานข้าวบ้านแม่ดีไหมแล้วค่อยทำความรู้จักกัน" อุณารินทร์ชักชวน
"ขอบคุณมากเลยค่ะแต่วันนี้ษิคงต้องขอตัวพอดีว่าษิต้องไปต่างจังหวัดกับคุณพ่อคุณแม่ค่ะ นี่ษิแค่แวะมาแสดงความยินดีกับลันทร์เขาแค่แปบเดี๋ยว ถ้าไม่มาเดี๋ยวจะงอนเอา
"ไหนจ๊ะคุณพ่อคุณแม่หนู" อุณารินทร์ใคร่รู้เพราะต้องคัดกรองคนที่จะเข้ามาสนิทสนมกับลูกชายคนเดียวของเธอ
"อยู่ตรงโน้นค่ะ หน้าร้านสะดวกซื้อ ยังไงษิขอตัวก่อนนะคะคุณแม่ ลันทร์" กษิราพูดพร้อมทำมือบ๊ายบายให้ศษิลันทร์และหันมาสวัสดีอุณารินทร์
กษิรากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาพ่อและแม่ที่ยืนหันข้างรออยู่ ทันทีที่กษิราตะโกนเรียก
"พ่อจ๋า แม่จ๋า ษิมาแล้ว"
ธนาวัฒน์และภัทรทิมาก็หันมาหาตามเสียงเรียกของลูกสาว ซึ่งทั้งสามคนอยู่ในสายตาของอุณารินทร์ที่มองตามกษิราไป
"วัฒน์ ภัทร" อุณารินทร์ อุทานเรียกชื่อขึ้นมาเบาๆด้วยอารมณ์ตกใจและแปลกใจที่เห็นสองคนนั้น มิน่าล่ะกษิราเธอหน้าเหมือนภัทรทิมานั่นเอง
อุณารินทร์เก็บความไม่แน่ใจนี้เอาไว้และคิดในหัวขึ้นมาทันทีว่าจะต้องสืบประวัติของกษิรามาให้ได้
.......................................................