ตอนที่ 4
ตลอดระยะเวลาสามอาทิตย์ ออสตินยุ่งวุ่นวายอยู่กับงานซึ่งเขาเพิ่งเดินทางกลับมาถึงเมืองไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัวเมื่อเช้านี้เอง
ส่วนเรื่องผู้หญิงคนนั้นที่เสียชีวิตยังหาไม่ได้เลยว่าใครเป็นคนฆ่าเธอ ตำรวจเองก็ดันสรุปว่าเป็นปัญหาปมชู้สาวไปเสียแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้สืบอะไรด้วยซ้ำ
กลับไทยมาครั้งนี้ ออสตินจึงตั้งใจจะสืบเรื่องนี้ให้ได้ความ และหาผู้หญิงที่รบกวนจิตใจเขามาตลอดสามอาทิตย์ให้เจอ
“ได้ประวัติผู้หญิงคนนั้นมาหรือยัง”
“ได้แล้วครับคุณชายรอง”
“ว่ามา”
“ผู้หญิงที่เข้าไปในห้องคุณชายรองชื่อว่า มิเกล เป็นนักศึกษาปีสอง คณะบริหาร ปัจจุบันอาศัยอยู่กับแม่และพี่สาว มีอาชีพเสริมเป็นนางแบบครับ”
“หึ นางแบบอย่างนั้นเหรอ”
ออสตินเผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้าสวยแสนยั่วยวนของหญิงสาว เขายังคงจดจำสัมผัสนุ่มนิ่มและกลิ่นหอมจากเธอได้เป็นอย่างดี
“คุณชายรองยิ้มอะไรเหรอครับ”
นพถามขึ้นพลางหันมองไปทิศทางเดียวกับสายตาของออสตินแต่กลับไม่พบอะไรน่าสนใจ
“ไม่ต้องยุ่ง รายงานต่อไป”
“ครับ เท่าที่ผมได้ดูภาพถ่ายของเธอ คุณมิเกลคนนี้สวยมากทีเดียวครับ แววตาใสซื่ิอ ไม่น่าจะคิดร้ายกับคุณชายรองหรอกครับ”
โครม!
เก้าอี้รองเท้าถูกถีบออกไปชนฝาผนังจนหัก ใบหน้าหล่อหันมองลูกน้องด้วยแววตาวาวโรจน์
“เอ่อ ผมพูดอะไรผิดเหรอครับ”
“ช่างเถอะ พูดต่อ”
“ครับๆ คุณมิเกลยังทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียน แถมไม่เคยขอเงินครอบครัวใช้ มิหนำซ้ำเธอยังช่วยพี่สาวหาเงินรักษาแม่ด้วยครับ”
“รักษาแม่?”
คิ้วเข้มเลิกขึ้น นพจึงรีบรายงานต่อทันที
“แม่ของคุณมิเกลเป็นโรคหัวใจครับ”
“อือ มีอะไรอีกมั้ย”
“ไม่มีแล้วครับ” นพตอบด้วยรอยยิ้มแต่กลับได้รับสายตาน่ากลัวกลับมาอีกครั้ง
“เอ่อ คุณชายรองอยากรู้อะไรเพิ่มเติมเหรอครับ”
ลูกน้องคนสนิทถามขึ้นอย่างระมัดระวัง พยายามคิดทบทวนข้อมูลที่ตัวเองหามา น่าจะครบถ้วนแล้วไม่ใช่เหรอ
“มึงมีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ”
“ผมว่า ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้วนะครับ”
ปัง!
มือหนาตบลงบนโต๊ะ นพสะดุ้งตามไปด้วยก่อนจะรีบสไลด์ตัวคุกเข่าลงตรงหน้าออสติน
“คุณชายรองอยากรู้อะไรถามมาได้เลยครับ นพคนนี้จะหาคำตอบมาให้ทุกอย่างเลยครับ”
“ทำไมกูต้องอยากรู้อะไรเกี่ยวกับยัยนั่นด้วย”
“เอ่อ…” นพนิ่งไปชั่วขณะ จากการที่คุณชายรองสั่งให้เขาไปสืบประวัติผู้หญิงคนนี้มา ไม่ใช่เพราะคุณชายรองอยากรู้เรื่องของเธออย่างนั้นเหรอ
“กูก็แค่สงสัยว่าเธออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของผู้หญิงคนนั้น เธออาจจะเป็นคนที่ศัตรูเราส่งมาก็ได้”
“รับทราบครับ”
“ฉันไม่ได้รู้สักหน่อยว่ายัยนั่นมีแฟนหรือมีคนรักรึยัง มันไม่ได้เกี่ยวกันเลยสักนิด” ออสตินพูดแล้วกระดกเหล้าในแก้วเข้าปากรวดเดียวหมดแก้วก่อนจะกระดกแก้วที่สอง และสามตามเข้าไปติดๆ
“ถ้าเป็นเรื่องนั้น ผมได้ข่าวมาว่าเธอเพิ่งเลิกกับแฟนนะครับ”
ปึง!
แก้วเหล้าถูกวางลงบนโต๊ะเสียงดัง นพค่อยๆ ถอยหลังออกห่างจากออสตินเมื่อสายตาดุดันคู่นั้นมองมา
“กูบอกว่าไม่อยากรู้ไง”
ออสตินพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนจะลุกเดินออกไป โดยไม่มีใครเห็นว่าระหว่างที่เขากำลังเดินออกไปใบหน้าที่ไม่ค่อยมีรอยยิ้มนั้นกำลังเปื้อนรอยยิ้มบางๆ อยู่
หลังจากเลิกกับฟินิกซ์ความซวยของฉันยังคงมีเพิ่มมาขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้งานถ่ายแบบที่ฉันเคยรับโดนแคนเซิลแทบทุกงาน ต้นเหตุมาจากใครคงไม่ต้องสงสัย
ฟินิกซ์เป็นลูกเจ้าของช่องดัง การที่ฉันไปสาดน้ำในเขาและแฉว่าเขาไปมั่วกับผู้หญิงคนอื่นคงทำให้เขานั้นรู้สึกโกรธไม่น้อย เขาถึงได้ใช้อำนาจทำให้ฉันไร้ซึ่งงานในวงการบันเทิง
“อ้าว มิเกลวันนี้ไม่มีถ่ายแบบเหรอ”
ฉันหันไปยิ้มให้พี่มิลิน พี่สาวเพียงคนเดียวของฉันก่อนจะเดินเข้าไปกอดเอวเธอ
“วันนี้วันอาทิตย์ที่ร้านคนเยอะ มิเกลเลยอยากอยู่ช่วยพี่มิลินมากกว่า”
“ขี้อ้อนไม่เปลี่ยนเลยนะเรา”
พี่มิลินหยิกแก้มฉันอย่างที่เธอชอบทำ ฉันไม่กล้าบอกความจริงกับพี่มิลินเพราะไม่อยากให้เธอต้องเป็นห่วง
“โอ๊ย แม่ดูสิคะ พี่มิลินหยิกแก้มหนูอีกแล้ว”
ฉันรีบวิ่งไปฟ้องแม่ แทนที่จะได้คำปลอบกลับโดนช้อนในมือของแม่เขกเข้าที่หัวแทนเสียอย่างนั้น
“โตขนาดนี้ ยังจะฟ้องเป็นเด็กๆ อีกนะเรา”
“แม่อ่า”
“หยุดงอแงแล้วช่วยพี่เขาจัดร้านเลย”
“รับทราบขอครับฮองเฮา”
เมื่อคล้อยหลังฉัน แม่เลยหันไปพูดกับพี่มิลินซึ่งทั้งสองคนคงไม่รู้ว่าฉันยังยืนอยู่
“ค่ายาแม่ครั้งต่อไปแพงมากใช่มั้ย”
“ไม่เลยค่ะแม่ มิลินกับมิเกลจ่ายไหว”
ฉันมองผู้หญิงสองคนที่ฉันรักที่สุดด้วยความรู้สุดหน่วงในใจ ค่ารักษาแม่ในครั้งหน้าต้องใช้เงินจำนวนมากทีเดียวซึ่งฉันรับปากกับพี่มิลินไว้ว่าจะช่วยเธอจ่าย แต่ดูฉันตอนนี้สิ ไม่มีงานเลยแม้แต่ชิ้นเดียวแล้วอย่างนี้ฉันจะหาเงินเกือบสามแสนภายในเวลาสองสัปดาห์ได้อย่างไรกัน ไหนจะค่าเทอมอีก
โอ๊ย ใครบอกเงินไม่สำคัญในการใช้ชีวิตกัน ฉันนี่เถียงหัวชนฝาเลย
“เฮ้อ ทำยังไงดีนะยัยมิเกล”
ขณะที่ฉันกำลังเรียงจานไปด้วย คิดหาวิธีอยู่นั้นเสียงพี่มิลินก็ดังขึ้น
“มิเกลรับลูกค้าหน่อยจ้ะ”
“ได้ค่า”
ลูกค้าจะรีบมาอะไรตั้งแต่ป่านนี้ ยังไม่ถึงเวลาเปิดร้านเสียหน่อย ฉันวางจานลงก่อนจะเดินออกไปด้านหน้าร้าน
ร้านของพี่มิลินเป็นร้านขายข้าวแกงธรรมดาแต่ด้วยฝีมือที่แสนอร่อยของพี่สาวฉันและความสะอาดของร้านเลยทำให้มีลูกค้าขาประจำมากมาย ส่วนใหญ่ก็เป็นคนในโรงพยาบาลนี่แหละ ฉันแทบจะสนิทและรู้จักลูกค้าทุกคนเลยแต่ลูกค้ากลุ่มนี้ ฉันไม่ยักเคยเห็นหน้ามาก่อน ดูเหมือนพวกมาเฟียอย่างไงอย่างนั้นเลย
“สวัสดีค่ะ ลูกค้าเลือกอาหารที่ต้องการแล้วติ๊กในช่องหน้าชื่อเมนูได้เลยนะคะ”
ฉันยื่นใบสำหรับเลือกเมนูให้ลูกค้า พวกเขารับไปถือไว้ด้วยสีหน้างงๆ
“อ้อ อย่าลืมเขียนชื่อด้วยนะคะ”
“พวกเราไม่ได้มากินข้าว”
“อ้าว แล้วมาทำไมกัน”
ผู้ชายท่าทางเนี้ยบแต่ดูขึงขังคนนั้น เชิดใบหน้าขึ้นวางมาดราวกับไม่ใช่คนธรรมดา
“เรามาตามหาคน”
“คนเหรอ ใครละ บอกมาสิเผื่อฉันรู้จัก”
“หาคนชื่อ...”
“ชักช้าอะไรกันอยู่”
ผู้ชายคนหนึ่งเดินฝ่าวงล้อมชายชุดดำเข้ามาหยุดตรงหน้าฉัน ดวงตากลมโตของฉันเบิกกว้างเมื่อได้เห็นความหล่อของเขาในระยะใกล้ บ้าไปแล้ว ผู้ชายคนนี้ทำบุญด้วยอะไรกันถึงได้มีใบหน้าหล่อเหลาถึงเพียง
“จำฉันได้รึเปล่า”
เขาก้มลงกระซิบข้างใบหูฉันแต่ฉันจับใจความไม่ได้หรอกนะเพราะตอนนี้สมองฉันเบลอไปหมด แขนขาอ่อนแรง เป็นผลข้างเคียงเวลาอยู่ใกล้คนหล่อระดับฟ้าประทานแบบนี้ รักษาไม่หายสักที
————————-