ตอนที่4

1319 Words
ตอนที่ 4 ตลอดระยะเวลาสามอาทิตย์ ออสตินยุ่งวุ่นวายอยู่กับงานซึ่งเขาเพิ่งเดินทางกลับมาถึงเมืองไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัวเมื่อเช้านี้เอง ส่วนเรื่องผู้หญิงคนนั้นที่เสียชีวิตยังหาไม่ได้เลยว่าใครเป็นคนฆ่าเธอ ตำรวจเองก็ดันสรุปว่าเป็นปัญหาปมชู้สาวไปเสียแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้สืบอะไรด้วยซ้ำ กลับไทยมาครั้งนี้ ออสตินจึงตั้งใจจะสืบเรื่องนี้ให้ได้ความ และหาผู้หญิงที่รบกวนจิตใจเขามาตลอดสามอาทิตย์ให้เจอ “ได้ประวัติผู้หญิงคนนั้นมาหรือยัง” “ได้แล้วครับคุณชายรอง” “ว่ามา” “ผู้หญิงที่เข้าไปในห้องคุณชายรองชื่อว่า มิเกล เป็นนักศึกษาปีสอง คณะบริหาร ปัจจุบันอาศัยอยู่กับแม่และพี่สาว มีอาชีพเสริมเป็นนางแบบครับ” “หึ นางแบบอย่างนั้นเหรอ” ออสตินเผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้าสวยแสนยั่วยวนของหญิงสาว เขายังคงจดจำสัมผัสนุ่มนิ่มและกลิ่นหอมจากเธอได้เป็นอย่างดี “คุณชายรองยิ้มอะไรเหรอครับ” นพถามขึ้นพลางหันมองไปทิศทางเดียวกับสายตาของออสตินแต่กลับไม่พบอะไรน่าสนใจ “ไม่ต้องยุ่ง รายงานต่อไป” “ครับ เท่าที่ผมได้ดูภาพถ่ายของเธอ คุณมิเกลคนนี้สวยมากทีเดียวครับ แววตาใสซื่ิอ ไม่น่าจะคิดร้ายกับคุณชายรองหรอกครับ” โครม! เก้าอี้รองเท้าถูกถีบออกไปชนฝาผนังจนหัก ใบหน้าหล่อหันมองลูกน้องด้วยแววตาวาวโรจน์ “เอ่อ ผมพูดอะไรผิดเหรอครับ” “ช่างเถอะ พูดต่อ” “ครับๆ คุณมิเกลยังทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียน แถมไม่เคยขอเงินครอบครัวใช้ มิหนำซ้ำเธอยังช่วยพี่สาวหาเงินรักษาแม่ด้วยครับ” “รักษาแม่?” คิ้วเข้มเลิกขึ้น นพจึงรีบรายงานต่อทันที “แม่ของคุณมิเกลเป็นโรคหัวใจครับ” “อือ มีอะไรอีกมั้ย” “ไม่มีแล้วครับ” นพตอบด้วยรอยยิ้มแต่กลับได้รับสายตาน่ากลัวกลับมาอีกครั้ง “เอ่อ คุณชายรองอยากรู้อะไรเพิ่มเติมเหรอครับ” ลูกน้องคนสนิทถามขึ้นอย่างระมัดระวัง พยายามคิดทบทวนข้อมูลที่ตัวเองหามา น่าจะครบถ้วนแล้วไม่ใช่เหรอ “มึงมีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ” “ผมว่า ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้วนะครับ” ปัง! มือหนาตบลงบนโต๊ะ นพสะดุ้งตามไปด้วยก่อนจะรีบสไลด์ตัวคุกเข่าลงตรงหน้าออสติน “คุณชายรองอยากรู้อะไรถามมาได้เลยครับ นพคนนี้จะหาคำตอบมาให้ทุกอย่างเลยครับ” “ทำไมกูต้องอยากรู้อะไรเกี่ยวกับยัยนั่นด้วย” “เอ่อ…” นพนิ่งไปชั่วขณะ จากการที่คุณชายรองสั่งให้เขาไปสืบประวัติผู้หญิงคนนี้มา ไม่ใช่เพราะคุณชายรองอยากรู้เรื่องของเธออย่างนั้นเหรอ “กูก็แค่สงสัยว่าเธออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของผู้หญิงคนนั้น เธออาจจะเป็นคนที่ศัตรูเราส่งมาก็ได้” “รับทราบครับ” “ฉันไม่ได้รู้สักหน่อยว่ายัยนั่นมีแฟนหรือมีคนรักรึยัง มันไม่ได้เกี่ยวกันเลยสักนิด” ออสตินพูดแล้วกระดกเหล้าในแก้วเข้าปากรวดเดียวหมดแก้วก่อนจะกระดกแก้วที่สอง และสามตามเข้าไปติดๆ “ถ้าเป็นเรื่องนั้น ผมได้ข่าวมาว่าเธอเพิ่งเลิกกับแฟนนะครับ” ปึง! แก้วเหล้าถูกวางลงบนโต๊ะเสียงดัง นพค่อยๆ ถอยหลังออกห่างจากออสตินเมื่อสายตาดุดันคู่นั้นมองมา “กูบอกว่าไม่อยากรู้ไง” ออสตินพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนจะลุกเดินออกไป โดยไม่มีใครเห็นว่าระหว่างที่เขากำลังเดินออกไปใบหน้าที่ไม่ค่อยมีรอยยิ้มนั้นกำลังเปื้อนรอยยิ้มบางๆ อยู่ หลังจากเลิกกับฟินิกซ์ความซวยของฉันยังคงมีเพิ่มมาขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้งานถ่ายแบบที่ฉันเคยรับโดนแคนเซิลแทบทุกงาน ต้นเหตุมาจากใครคงไม่ต้องสงสัย ฟินิกซ์เป็นลูกเจ้าของช่องดัง การที่ฉันไปสาดน้ำในเขาและแฉว่าเขาไปมั่วกับผู้หญิงคนอื่นคงทำให้เขานั้นรู้สึกโกรธไม่น้อย เขาถึงได้ใช้อำนาจทำให้ฉันไร้ซึ่งงานในวงการบันเทิง “อ้าว มิเกลวันนี้ไม่มีถ่ายแบบเหรอ” ฉันหันไปยิ้มให้พี่มิลิน พี่สาวเพียงคนเดียวของฉันก่อนจะเดินเข้าไปกอดเอวเธอ “วันนี้วันอาทิตย์ที่ร้านคนเยอะ มิเกลเลยอยากอยู่ช่วยพี่มิลินมากกว่า” “ขี้อ้อนไม่เปลี่ยนเลยนะเรา” พี่มิลินหยิกแก้มฉันอย่างที่เธอชอบทำ ฉันไม่กล้าบอกความจริงกับพี่มิลินเพราะไม่อยากให้เธอต้องเป็นห่วง “โอ๊ย แม่ดูสิคะ พี่มิลินหยิกแก้มหนูอีกแล้ว” ฉันรีบวิ่งไปฟ้องแม่ แทนที่จะได้คำปลอบกลับโดนช้อนในมือของแม่เขกเข้าที่หัวแทนเสียอย่างนั้น “โตขนาดนี้ ยังจะฟ้องเป็นเด็กๆ อีกนะเรา” “แม่อ่า” “หยุดงอแงแล้วช่วยพี่เขาจัดร้านเลย” “รับทราบขอครับฮองเฮา” เมื่อคล้อยหลังฉัน แม่เลยหันไปพูดกับพี่มิลินซึ่งทั้งสองคนคงไม่รู้ว่าฉันยังยืนอยู่ “ค่ายาแม่ครั้งต่อไปแพงมากใช่มั้ย” “ไม่เลยค่ะแม่ มิลินกับมิเกลจ่ายไหว” ฉันมองผู้หญิงสองคนที่ฉันรักที่สุดด้วยความรู้สุดหน่วงในใจ ค่ารักษาแม่ในครั้งหน้าต้องใช้เงินจำนวนมากทีเดียวซึ่งฉันรับปากกับพี่มิลินไว้ว่าจะช่วยเธอจ่าย แต่ดูฉันตอนนี้สิ ไม่มีงานเลยแม้แต่ชิ้นเดียวแล้วอย่างนี้ฉันจะหาเงินเกือบสามแสนภายในเวลาสองสัปดาห์ได้อย่างไรกัน ไหนจะค่าเทอมอีก โอ๊ย ใครบอกเงินไม่สำคัญในการใช้ชีวิตกัน ฉันนี่เถียงหัวชนฝาเลย “เฮ้อ ทำยังไงดีนะยัยมิเกล” ขณะที่ฉันกำลังเรียงจานไปด้วย คิดหาวิธีอยู่นั้นเสียงพี่มิลินก็ดังขึ้น “มิเกลรับลูกค้าหน่อยจ้ะ” “ได้ค่า” ลูกค้าจะรีบมาอะไรตั้งแต่ป่านนี้ ยังไม่ถึงเวลาเปิดร้านเสียหน่อย ฉันวางจานลงก่อนจะเดินออกไปด้านหน้าร้าน ร้านของพี่มิลินเป็นร้านขายข้าวแกงธรรมดาแต่ด้วยฝีมือที่แสนอร่อยของพี่สาวฉันและความสะอาดของร้านเลยทำให้มีลูกค้าขาประจำมากมาย ส่วนใหญ่ก็เป็นคนในโรงพยาบาลนี่แหละ ฉันแทบจะสนิทและรู้จักลูกค้าทุกคนเลยแต่ลูกค้ากลุ่มนี้ ฉันไม่ยักเคยเห็นหน้ามาก่อน ดูเหมือนพวกมาเฟียอย่างไงอย่างนั้นเลย “สวัสดีค่ะ ลูกค้าเลือกอาหารที่ต้องการแล้วติ๊กในช่องหน้าชื่อเมนูได้เลยนะคะ” ฉันยื่นใบสำหรับเลือกเมนูให้ลูกค้า พวกเขารับไปถือไว้ด้วยสีหน้างงๆ “อ้อ อย่าลืมเขียนชื่อด้วยนะคะ” “พวกเราไม่ได้มากินข้าว” “อ้าว แล้วมาทำไมกัน” ผู้ชายท่าทางเนี้ยบแต่ดูขึงขังคนนั้น เชิดใบหน้าขึ้นวางมาดราวกับไม่ใช่คนธรรมดา “เรามาตามหาคน” “คนเหรอ ใครละ บอกมาสิเผื่อฉันรู้จัก” “หาคนชื่อ...” “ชักช้าอะไรกันอยู่” ผู้ชายคนหนึ่งเดินฝ่าวงล้อมชายชุดดำเข้ามาหยุดตรงหน้าฉัน ดวงตากลมโตของฉันเบิกกว้างเมื่อได้เห็นความหล่อของเขาในระยะใกล้ บ้าไปแล้ว ผู้ชายคนนี้ทำบุญด้วยอะไรกันถึงได้มีใบหน้าหล่อเหลาถึงเพียง “จำฉันได้รึเปล่า” เขาก้มลงกระซิบข้างใบหูฉันแต่ฉันจับใจความไม่ได้หรอกนะเพราะตอนนี้สมองฉันเบลอไปหมด แขนขาอ่อนแรง เป็นผลข้างเคียงเวลาอยู่ใกล้คนหล่อระดับฟ้าประทานแบบนี้ รักษาไม่หายสักที ————————-
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD