บทที่ 3

1179 Words
“เจ้าก้อนแป้ง เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่เล่า ผู้ปกครองของเจ้าอยู่ที่ใดกัน” เลี่ยงหรงถามอย่างสงสัย หลังจากซือซิงกินผลท้อของนางไปถึงสามลูกแล้ว แต่ไม่มีทีท่าว่าจะจากไปสักที นางจึงไม่กล้าทิ้งเด็กน้อยผู้นี้เอาไว้เพียงลำพัง เซียนน้อยชะงักไป จากนั้นรีบกลืนเนื้อผลไม้หวานฉ่ำลงท้องก่อนยิงฟันส่งยิ้มเจื่อน “คือว่า...ข้าพลัดหลงกับท่านอาขอรับ เพราะข้าเดินตามกลิ่นมา” ซือซิงหลบสายตาอย่างเขินอายหลังจากสารภาพไปตามตรง แต่ยิ่งได้ฟังเลี่ยงหรงกลับยิ่งรู้สึกเอ็นดู จากนั้นจึงเสกเมล็ดของนางและมอบให้เป็นของขวัญ “สหายน้อยของข้า ดูเหมือนเจ้าจะชอบผลท้อของข้าจริงๆ เช่นนั้นข้าจะมอบเมล็ดผลท้อทองคำแก่เจ้า ร้อยปีหลังจากปลูก มันจะออกผลไม้ให้ปีละครั้ง ครั้งละหนึ่งผลเท่านั้น” ซือซิงมองเมล็ดทองคำในมือของเขาด้วยความตื้นตันใจ “ท่านเทพ ท่านใจดีกับข้าเหลือเกินขอรับ ข้าจะดูแลมันอย่างดีเลยขอรับ ฮึก...” ครั้นเห็นก้อนแป้งน้อยหลั่งน้ำตาด้วยความปีติ กลับทำให้เจ้าของเมล็ดรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาเสียอย่างนั้น เนื่องจากเกรงว่าจะถูกเทพเซียนเขาอื่นเข้าใจผิดว่านางรังแกผู้เยาว์ นางไม่มีประสบการณ์ในการปลอบโยนผู้ใดมาก่อน จึงทำได้แค่อุ้มร่างเล็กขึ้นลูบหลัง และลอยตัวขึ้นสู่นภา ล่องลอยอย่างเชื่องช้าไปตามเมฆาขาวปุยอย่างไม่รีบร้อน พลางหยุดชื่นชมท้องฟ้า และทิวเขาคุนหลุนสูงตระหง่านยามอัสดง ซือซิงยังบรรลุไม่ถึงวิชาเหยียบนภา และยังไม่มีพลังมากพอที่จะลอยตัวได้เป็นเวลานาน ทว่าเทพเลี่ยงหรงกลับยังอุตส่าห์อุ้มเขาลอยขึ้นมาเที่ยวชมท้องนภาเพื่อปลอบใจเขาให้หยุดร้องไห้ ทำให้ซือซิงคิดว่าช่างเป็นเทพชั้นสูงที่ใจดีเหลือเกิน หยาดน้ำตาบนใบหน้ากลมนุ่มนิ่มจางหายไปทันทีเมื่อมองเห็นนภาหลากสีราวกับขนมถั่วประดับบุปผา ดวงตากลมโตเปล่งประกายระยิบระยับตื่นตาตื่นใจไปกับทัศนียภาพที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน “หยุดร้องแล้วหรือ” เลี่ยงหรงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขณะก้มมองเซียนน้อยในอ้อมแขนของเขา เซียนอายุสามร้อยปีตัวเล็กเท่านี้ แต่กินเก่งจนน่าเอ็นดู หากไม่มีผู้ปกครอง นางคงเก็บไปเลี้ยงดูที่ป่าศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่ ซือซิงพยักหน้า ขณะมองท้องนภาสีครามแซมส้มและชมพูด้วยความตื่นเต้น เนื่องจากเติบโตมาในครอบครัวที่เข้มงวด เขาจึงไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายเช่นนี้มาก่อน ประสบการณ์การพลัดหลงในครั้งนี้ เขาจะไม่มีวันลืมเลือน มือน้อยๆ กำเมล็ดทองคำเอาไว้แนบอกอย่างตื้นตัน “ท่านเทพขอรับ ข้าจะไม่ลืมท่านเลยขอรับ ต่อให้ข้าเดินผ่านธาราลืมเลือน ข้าก็จะไม่ลืมขอรับ” เสียงเล็กใสกล่าวอย่างมุ่งมั่น ก่อนที่ดวงตาคู่กลมจะเบิกกว้างราวกับได้พบเจอสิ่งที่งดงามที่สุดตั้งแต่จำความได้ ท่ามกลางสายลมพัดเอื่อยเฉื่อย เส้นผมสีทองยาวสยายพลิ้วไหวกลางนภา ครั้นต้องแสงอาทิตย์อัสดงกลับยิ่งสว่างไสวราวกับรวบรวมดวงดารามาถักทอ ทว่าสิ่งที่งดงามที่สุดนั้นกลับเป็นนัยน์ตาสีทองสุกสกาวทั้งสอง ซึ่งเพียงได้สบมองก็รู้สึกราวกับว่ากำลังต้องมนตร์ วิชาพรางกายของเลี่ยงหรงนั้นมีระยะเวลาจำกัดเพียงสองชั่วยามเท่านั้น ทันทีที่พลังคลายออก รูปลักษณ์ที่แท้จริงจึงค่อยๆ ปรากฏออกมาทีละส่วน เริ่มจากดวงตากับเรือนผมที่กลับคืนสู่ปกติ “ท่านเทพ...ท่าน...เหตุใดท่าน...” ซือซิงตกตะลึงจนไม่สามารถกล่าววาจาใดออกมาได้ตามใจนึก เลี่ยงหรงก้มมองเซียนน้อยในอ้อมกอด จากนั้นจึงคลี่ยิ้มบาง “ไม่ต้องตกใจไป แค่วิชาพรางตัวของข้าคลายออกเท่านั้น” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล จากนั้นเคลื่อนกายลอยวนชมทิวทัศน์ของเทวโลกอย่างไม่เร่งรีบ ซือซิงพยักหน้าพร้อมกับคิดในใจว่าเขาจะเก็บนี้เอาไว้เป็นความลับ เนื่องจากเทพเซียนทั้งหมดในเทวโลกนั้นไม่เคยมีผู้ใดปรากฏรูปโฉมเช่นนี้มาก่อน จะมีก็เพียงแค่ท่านปู่สวรรค์อายุแสนปีที่มีเกศาขาวโพลน ทว่าท่านปู่สวรรค์ดับขันธ์ไปนานหลายหมื่นปีแล้ว ที่พบเห็นจึงเป็นเพียงในภาพวาดเท่านั้น “ท่านเทพ...ท่านงดงามที่สุดเลยขอรับ” เสียงใสกล่าวอย่างสัตย์จริง อดีตเขาเคยคิดว่าเทพหลีฮวาผู้เป็นคู่หมายของท่านอาของเขานั้นงดงามที่สุดในสามภพ ทว่าความคิดนั้นกลับสลายไปทันทีที่ได้เห็นรูปโฉมที่แท้จริงของเทพเลี่ยงหรง เลี่ยงหรงเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจหลังจากได้รับคำชมอย่างกะทันหัน จากนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายของเขา “ข้าน่ะหรืองดงาม เจ้าล้อข้าเล่นเพราะอยากได้ผลท้อทองคำอีกลูกหรือ” ก้อนแป้งน้อยส่ายหน้าแล้วจ้องมองเทพเลี่ยงหรงตาไม่กะพริบ ยิ่งเพ่งพิศกลับยิ่งพบว่าความงดงามของนางนั้นมิมีผู้ใดเปรียบเทียบได้จริงๆ “มิใช่ขอรับ ในสามภพ ท่านงดงามที่สุด! ข้าอยากให้ท่านอาได้พบกับท่าน” เลี่ยงหรงหัวเราะดังขึ้นอย่างอารมณ์ดี จากนั้นเคลื่อนตัวลอยกลับมายังสถานที่จัดงานเลี้ยงบุปผาอีกครั้งเพื่อส่งเด็กน้อยกลับคืนสู่อ้อมอกของผู้ปกครอง เนื่องจากตีความเอาเองว่าเจ้าก้อนแป้งอยากกลับไปหาท่านอาของเขาแล้ว “เจ้าก็น่ารักเช่นกัน เจ้าก้อนแป้งน้อย เอาละ ถึงเวลาที่เจ้าต้องกลับแล้ว มิเช่นนั้นข้าจะถูกผู้อื่นสงสัยว่าเป็นผู้ร้ายลักพาตัวเจ้าได้” ใบหน้ากลมสลดลงเมื่อรับรู้ว่าหมดเวลาสนุกแล้ว แต่ว่าเขายังอยากอยู่กับนางนานขึ้นอีกสักนิด “ท่านจะกลับแล้วหรือขอรับ” เซียนน้อยถามด้วยน้ำเสียงอาวรณ์ เลี่ยงหรงมองร่างเล็กในอ้อมแขนอย่างเสียดายไม่แพ้กัน แต่ก็ค่อยๆ ร่อนลง และปล่อยร่างนุ่มนิ่มลงมายืนที่พื้นอย่างมั่นคง นางย่อตัวลงนั่งตรงหน้าในระดับสายตาเท่ากัน จากนั้นเสกกิ่งท้อสวรรค์ทองคำออกมา แล้วยื่นให้อย่างใจดี “ในกิ่งนี้มีพลังของข้าอยู่ เมื่อใดที่พลังของข้าจางลงให้เจ้าลูบมันสามครั้งและเอ่ยเรียกชื่อข้า วิชาเรียกหาจะสัมฤทธิ์ผลทันที แล้วก็เมื่อใดที่เจ้าป่วยให้เจ้านอนกอดกิ่งนี้เอาไว้ พลังของข้าจะเยียวยาเจ้าให้หายเจ็บปวดโดยเร็ว” และหวังว่ามันจะช่วยเจ้าให้คลายความเจ็บปวดจากอสนีสวรรค์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD